บท
ตั้งค่า

บทที่7 ฝันถึงนางอีกครั้ง

ร่างเล็กในอ้อมแขนของเซียวอี้เหิงขยับเล็กน้อยและค่อยๆ ลืมตาตื่น เขากลัวว่านางจะจับได้ว่าเขาแอบมองนางตอนหลับ จึงหลับตาลงแกล้งหลับต่อไป เสี่ยวหลันจื่อขยับตัวบิดไปมาด้วยความเมื่อยขบ ตอนแรกนางถูกเขานอนกอดอยู่จึงพยายามแกะเขาออกแต่ไม่รู้ว่าเผลอหลับไปตอนไหน เสี่ยวหลันจื่อเห็นว่าเขาคลายอ้อมกอดแล้วจึงค่อยๆ ลุกขึ้นและย่องออกไปกลัวว่าเขาจะตื่น

“ไม่รู้ว่าหลับไปนานแค่ไหนป่านนี้ตากับยายคงเป็นห่วงแย่แล้ว”

ทันทีที่เสี่ยวหลันจื่อเปิดประตูออกมาก็พบเข้ากับองครักษ์ที่เฝ้าประตูสองคน แต่ไม่พบผู้ช่วยเฉิน

“ผู้ดูแลเฉินล่ะ” เสี่ยวหลันจื่อมองซ้ายมองขวาเพื่อหาเขา แต่ไม่พบมีเพียงองครักษ์สองคนที่ยืนนิ่งหน้าตายอยู่หน้าประตู

“ผู้ดูแลเฉินฝากมาบอกแม่นางว่าไม่ต้องเป็นห่วงตากับยายของท่านเขาจะดูแลให้เอง ถ้าหากว่าท่านออกมาจากห้องแล้วให้ไปพบเขาที่เริ่นโส่วถัง”

องครักษ์รูปร่างสูงใหญ่ตอบนางด้วยเสียงเรียบนิ่ง สายตาไม่วอกแวกเหมือนหุ่นยนต์ เสี่ยวหลันจื่อพยักหน้าแล้วเดินจากไป

หลังจากเสี่ยวหลันจื่อ เดินออกจากห้องไป เซียวอี้เหิงก็ลืมตาขึ้นดวงตาสีดำนิลเป็นประกายคมกล้ามองไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ “ฉีอู่” เซียวอี้เหิงเอ่ยเรียกเบาๆ ร่างสูงใหญ่ในชุดสีดำทมิฬโผล่เข้ามาในห้องทันทีอย่างรวดเร็วราวกับเล่นกล เขาคุกเข่าลงรอรับคำสั่ง

“ไปสืบมา ว่านางอาศัยอยู่กับใครที่ไหนหลังจากที่นางถูกทิ้งไว้ที่สุสานร้าง”

” พ่ะย่ะค่ะ” ฉีอู่รับคำก่อนอันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอย

เสี่ยวหลันจื่อหลังจากที่ออกจากห้องของเซียวอี้เหิงก็เดินตรงดิ่งไปที่เริ่นโส่วถังทันที และถามหาตากับยายของตนผู้ดูแลเฉินที่รู้ว่าเสี่ยวหลันจื่อออกมาแล้ว ก็รีบมาต้อนรับทันที

“แม่นางอวี้” ยังไม่ทันที่ผู้ดูแลเฉินจะได้พูดอะไร เสี่ยวหลันจื่อก็ถามหาตายายของนางทันที

“ท่านตากับท่านยายของข้าล่ะผู้ดูแลเฉิน”

“แม่นางโปรดตามมา” ผู้ดูแลเฉินพาเสี่ยวหลันจื่อไปห้องรับรองอีกฝั่งของเริ่นโส่วถังเมื่อเปิดประตูเข้าไปจึงพบผู้เฒ่าหลิวกับแม่เฒ่าสวีกำลังนั่งคุยกันอยู่

“จื่อเอ๋อ” แม่เฒ่าสวีที่นั่งกังวลมาตลอดว่าจะเกิดเรื่องกับหลานสาวที่ตนพึ่งจะได้มาจึงรีบดินเข้าไปจับตัวนางหมุนไปหมุนมาเพื่อสำรวจดูว่านางเป็นอะไรหรือไม่

“ท่านยายท่านไม่ต้องเป็นห่วง ข้าไม่เป็นอะไร ข้าสายดี พวกท่าทั้งสองล่ะ” เสี่ยวหลันจื่อถามออกไป

“เราสองคนจะเป็นอะไรได้นอกจากกินกับนอนแล้วก็นับเงิน นี่มาดูนี่สิจื่อเอ๋อ” แม่เฒ่าสวีดึงมือเสี่ยวหลันจื่อมาดูตั๋วเงินที่ตนได้รับมาจากการขายสมุนไพรและโสมภูเขาด้วยความตื่นเต้น

“ทั้งชีวิตนี้ของข้าไม่เคยเห็นเงินมากมายขนาดนี้มาก่อนถือว่าเกิดมาไม่เสียชาติเกิดแล้ว” ผู้เฒ่าหลิวเอ่ยออกมาอย่างเลื่อนลอยเมื่อมองไปที่ตั๋วเงิน

“นี่แน่ะตาแก่ นี่มันเงินที่จื่อเอ๋อหามานะ ไม่ใช่ของแกซะหน่อย” แม่เฒ่าสวีเอื้อมมือไปตีแขนสามีคู่ยากของตนแรงๆ

“โถ่ยายแก่นี่ ขอข้าฝันหวานอีกสักหน่อยก็ไม่ได้” ผู้เฒ่าหลิวบ่นกะปอดกะแปดแต่ก็ยอมให้แม่เฒ่าสวีตีอย่างโดยดี เสี่ยวหลันจื่อหัวเราะอย่างอารมณ์ดี นางรู้สึกมีความสุขยามมองสองผู้เฒ่าทะเลาะกันทำให้นึกถึงตายายในโลกก่อน

ช่างเป็นการแสดงความรักของคนสองคนที่แปลกประหลาด ถึงแม้จะทะเลาะกันทุกวัน แต่เมื่อไม่เห็นอีกฝ่ายก็จะถามหาทันที ถึงจะทะเลาะกันทุกวันแต่ก็อยากให้อีกฝ่ายอยู่ในสายตาตลอดเวลา ทั้งยามกินและยามนอน

นี่น่าจะเรียกว่าอยู่ด้วยกันทั้งยามทุกข์และยามสุขหรือไม่นะ แล้วตัวนางล่ะจะมีวาสนาได้มีคนที่อยู่ด้วยกันทั้งยามทุกข์และยามสุขไหม

ผู้ดูแลเฉินหลังจากที่มาส่งเสี่ยวหลันจื่อและผู้เฒ่าทั้งสองกลับไปเขาก็กลับไปที่เรื่อนของเซียวอี้เหิงอีกครั้ง เพื่อรายงาน

“พวกเขากลับไปแล้วขอรับ”

“อืม” ซียวอี้เหิงรับคำเบาๆ เขาไม่ได้สนใจนางอีกต่อไป เพราะคิดว่าความฝันที่ตามหลอกหลอนตนนั้นได้รับการแก้ไขแล้ว เขาโบกมือเบาๆ เป็นการบอกว่าให้ผู้ดูแลเฉินออกไป หลังจากได้นอนหลับจนเต็มอิ่มเซียวอี้เหิงก็มีใบหน้าสดชื่นและอารมณ์ดีอย่างเห็นได้ชัด

เขากลับไปที่จวนอ๋องอีกครั้งหลังจากออกจากเมืองหลวงเพื่อตามหาอวี้ซูเหยา เหล่าข้ารับใช้ที่ใช้ชีวิตในจวนอ๋องอย่างระวังเนื้อระวังตัวไม่กล้าแม้แต่จะผายลม ก็พากันถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที ที่ได้เห็นนายเหนือหัวของพวกเขากลับมามีใบหน้าที่แจ่มใสอีกครั้งหลังจากอาละวาดแทบจะกวาดล้างทั้งจวนให้พังพินาศเพราะโรคไม่สามารถนอนหลับได้ซึ่งมีเพียงองครักษ์คนสนิทไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้เรื่องราวที่แท้จริง

เซียวอี้เหิงที่พึ่งกลับมาก็อารมณ์ดีอย่างเห็นได้ชัดถึงแม้เขาจะไม่ได้ยิ้มหรือหัวเราะออกมาแต่บรรยากาศรอบตัวของเขากลับดูเปลี่ยนไปจากเมื่อหนึ่งเดือนที่แล้ว ไม่อึมครึมอีกต่อไปวันนี้เซียวอี้เหิงเข้าร่วมการประชุมราชสำนักอย่างเห็นได้ยาก

แม้เขาจะนั่งอยู่เฉยๆ ไม่ได้พูดอะไรเลยตลอดการประชุม แต่ทุกคนก็มองออกว่าเขาอารมณ์ดี แม้กระทั่งฮ่องเต้หมิงหยวนยังสงสัยว่าเขาไปทำอะไรมา หลังจากกการประชุมจึงมีรับสั่งให้เซียวชินอ๋องเข้าเฝ้าในห้องทรงงาน

“ดูเหมือนวันนี้เจ้าจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ”

“พ่ะย่ะค่ะ” เซียวอี้เหิงตอบเสียงเรียบนั่งคลึงจอกชาไปมาก่อนจะยกขึ้นจิบนี่เป็นนิสัยส่วนตัวของเขาไม่ว่าจะดื่มเหล้าหรือดื่มชาเขามักจะหมุนคลึงไปมาก่อนดื่มเข้าไป

“เราได้ยินมาว่าครึ่งเดือนก่อนเสด็จแม่ให้ขันทีจางไปเชิญท่านเจ้าอาวาสเสวียนคงมาที่จวนของเจ้า”

“พ่ะย่ะค่ะ” เซียวอี้เหิงยังคงตอบเสียงเรียบเช่นเดิม ฮ่องเต้หมิงหยวนถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย เจ้าเด็กคนนี้ตั้งแต่ถูกสั่งให้กลับมาจากสนามรบก็ไม่เคยสนใจงานราชการ เอาแต่เตร็ดเตร่ไปมามอบหมายให้ทำอะไรก็ไม่เคยสนใจ

“อาเหิงเจ้ายังโกรธเราอยู่หรือ ที่สั่งให้เจ้ากลับมาเมืองหลวง” ฮ่องเต้สังเกตใบหน้าที่เหมือนกับเขาตอนยังหนุ่มถึงเจ็ดส่วน

“เจ้าก็อายุยี่สิบห้าแล้วควรแต่งงานมีครอบครัว เสด็จแม่เป็นห่วงเจ้ามากนะ”

เซียวอี้เหิงยังคงนั่งนิ่ง ฮ่องเต้หมิงหยวนถอนหายใจอีกครั้ง จากนั้นจึงบอกให้น้องชายคนเล็กที่แสนเย็นชาและดื้อรั้นของเขาออกไป

คืนนั้น เมื่อเซียวอี้เหิงหลับไปความฝันนั้นก็กลับมาอีกครั้งและดูเหมือนจะรุนแรงยิ่งกว่าเดิม อวี้ซูเหยาที่ร่างกายแปรเปลี่ยนเป็นโครงกระดูกสีแดงที่ชุ่มไปด้วยเลือดกำลังกอดเกี่ยวร่างกายของเขา ทุกส่วนที่นางสัมผัสล้วนเกิดรอยแผลความเจ็บปวดทำให้เซียวอี้เหิงตื่นขึ้น

จึงพบว่าตอนี้สว่างแล้วร่างกายของเขาเปียกชุ่มไปหมดเขาเรียกองครักษ์ข้างกายเข้ามา ฉีเยี่ยนรีบเปิดประตูเข้ามาเมื่อได้ยินเสียงเรียกของผู้เป็นนาย ภาพที่เห็นทำให้เขาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง

“ท่านอ๋องเกิดอะไรขึ้นพ่ะย่ะค่ะ” ฉีเยี่ยนรีบเข้ามาดูเซียวอี้เหิง แม้เขาจะใส่ชุดนอนสีดำแต่ร่องรอยรอบเตียงเปียกชุ่มไปด้วยเลือดสีแดงสด และที่เขาคิดว่าร่างกายของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อนั้นมันคือเลือดของเขาเอง ฉีเยี่ยนรีบเรียกหมอให้เข้ามารักษาและสั่งการองครักษ์ตรวจสอบกลัวว่าจะมีคนร้ายลอบเข้ามาทำร้ายท่านอ๋อง

“ท่านอ๋องเกิดอะไรขึ้น เมื่อคืนมีคนร้ายลอบเข้ามทำร้ายท่านหรือพ่ะย่ะค่ะ” ฉี่เยี่ยนร้อนใจรีบถามออกไป

เซียวอี้เหิงส่ายหัว “เปล่า”

“แล้วเหตุใดท่านถึงได้บาดเจ็บหนักเช่นนี้”

เซียวอี้เหิงถอนหายใจ โบกมือไล่หมอที่มารักษาแผลออกไป

“นางกลับมาอีกแล้ว”

“นางหรือพ่ะย่ะค่ะ ไม่ใช่ว่ารักษาหายแล้วหรือ เหตุใดคราวนี้รุนแรงยิ่งกว่าเดิม”

เซียวอี้เหิงส่ายหัวด้วยใบหน้าเรียบเฉย “ข้าก็ไม่รู้”

เสี่ยวหลันจื่อที่กลับมามีชีวิตปกติสุขอีกครั้งผ่านไปหนึ่งวันแต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นดูเหมือนว่าชินอ๋องผู้นี้จะไม่ติดใจเอาความนางแล้ว

ถึงเวลาที่นางต้องเสวยสุขกับความร่ำรวย เสี่ยวหลันจื่อนำเงินหนึ่งร้อยตำลึงแลกเป็นตั๋วเงินสิบตำลึงสิบใบให้ตายายเก็บไว้ใช้ในบ้าน ส่วนอีกหนึ่งพันตำลึงนางให้ตานำไปฝากไว้ที่ร้านแลกเงิน ตัวนางถือเอาไว้สี่ร้อยตำลึง

ตอนแรกผู้เฒ่าทั้งสองปฏิเสธเพราะนี่เป็นเงินของเสี่ยวหลันจื่อ พูดยังไงก็ไม่ยอมรับท่าเดียวจนนางต้องงัดวิชาการแสดงร้องห่มร้องไห้ที่เคยเห็นในละครออกมาใช้ ผู้เฒ่าทั้งสองจึงได้ยอมรับเงินไว้เเต่โดยดี และบอกนางว่าต้องการใช้เงินเมื่อไหร่ให้บอกพวกเขาทันที

พวกเขาซื้อของมากมายเข้าบ้านแต่ เสี่ยวหลันจื่อไหนเลยจะสนใจของพวกนั้น เพราะสิ่งที่นางสนใจคือร้านค้าออนไลน์ต่างหาก เสี่ยวหลันจื่อดวงตาเปล่งประกายด้วยความสุขอดทนรอให้ถึงกลางคืนไม่ไหวแล้ว

เปิดระบบ ร้านค้าออนไลน์ เสี่ยวหลันจื่อคลิกเลือกหัวข้อร้านอาหาร เมื่อเห็นราคานางแทบจะเป็นลม นี่มันขี้โกงชัดๆ ปกติเงินที่นี่ก็ค่อนข้างหายากแล้วนี่ยังคิดใช้ระบบมาขูดรีดกันอีกหรือ สี่ร้อยตำลึงที่ได้มา ดูแล้วไม่น่าจะพอ นางจึงเลือกซื้อของใช้ที่จำเป็นก่อน ถ้าหากนางไปขอเงินเพิ่มตายายจะต้องสงสัยแน่ว่านางเอาเงินไปใช้ทำอะไรเสี่ยวหลันจื่อทอดถอนใจในโชคชะตาของตัวเอง

เสี่ยวหลันจื่อซื้อหลายอย่างเช่น พวกแชมพู ครีมอาบน้ำ ครีมล้างหน้า ครีมทาหน้า ทิชชู่เอาไว้ใช้ตอนเข้าห้องน้ำ ผ้าอนามัย อุปกรณ์รักษาบาดแผล ยาจำเป็นต่างๆ และชุดชั้นใน เสี่ยวหลันจื่อมองของกองเล็กๆ ตรงหน้าแล้วอยากน้ำตาไหล น้อยจริงๆ เมื่อเทียบกับเงินสามร้อยห้าสิบตำลึง

หลังจากยัดสิ่งของใส่ในไอเทมบ๊อกเสร็จแล้วนางก็รีบเข้านอน พรุ่งนี้นางจะต้องหาเงินให้มากกว่าเดิมเสี่ยวหลันจื่อดึงเสี่ยวหงเข้ามากอดแล้วหลับไป

เสียงดังจอแจของชาวบ้านตอนเช้าปลุกให้เสี่ยวหลันจื่อตื่นขึ้นอย่างงัวเงีย เมื่อคืนนางนอนดึกวันนี้จึงตื่นสาย เสียวหลันจื่อขยี้ตาเดินออกมาดูว่าเหตุใดชาวบ้านจึงมาชุมนุมหน้าบ้านของตน สิ่งที่เห็นทำให้นางตะลึง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel