แผนการของนางเอก
เสิ่นฟางหรูหลับไปตอนไหนไม่รู้แต่พอตื่นขึ้นมานางรีบควานหาโทรศัพท์ของตนทันที คลำไปเรื่อย ๆ กลับไม่พบ ก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาตื่นพบว่าตนนั้นอยู่ในห้องสาวใช้เช่นเดิมเหมือนเมื่อวาน
‘นี่ฉันไม่ได้ฝันไปจริง ๆ สินะ’
เสิ่นฟางหรูคิดอย่างอ่อนใจ นางเป็นลูกสาวคนเดียวของครอบครัวแล้วยังมีพ่อกับแม่อยู่ที่นั่นและนางไม่ได้ตัวคนเดียวซึ่งจะมาอยู่ในโลกนี้อย่างไร้กังวล ที่สำคัญคือนางยังมีความฝันที่จะเป็นซูเปอร์สตาร์อยู่นะ ดังนั้นนางจะมาติดอยู่ที่นี่ไม่ได้ต้องหาทางกลับด่วน!
“จูเหยา เจ้าเป็นเช่นไรบ้าง รู้สึกไม่สบายตรงไหนไหม?”
จิ่นซินทันทีที่ได้ยินเสียงคนในห้องขยับตัวนางจึงรีบมาหาถามไถ่อาการ
เสิ่นฟางหรูมีท่าทางห่อเหี่ยว ก่อนจะตอบกลับว่า “ข้าไม่เป็นไร ขอบคุณเจ้ามากที่เป็นห่วงข้า”
จิ่นซินได้ยินดังนั้นจึงโล่งอกที่นางไม่เป็นอะไรมาก “วันนี้เจ้าไม่ต้องไปกวาดจวนแล้วนะ คุณหนูสั่งให้เจ้าพักหนึ่งวัน”
เสิ่นฟางหรูทบทวนความทรงจำในหัว เดิมร่างนี้ทำหน้าที่หลักเลยคือกวาดลานจวนและทำความสะอาดในเรือนคุณหนูทั้งหมด
“ตกลง แล้วตอนนี้คือตอนไหน เอ่อ...ข้าหมายถึงตอนนี้วันที่เท่าไหร่ปีไหนแล้ว”
ตอนนี้นางต้องรู้ว่าตนมาอยู่ในตอนไหนของเรื่องเสียก่อน เพื่อรวบรวมข้อมูล
จิ่นซินแม้ว่าจะสงสัยในท่าทางของสหายแต่ก็ตอบออกมา พลางคิดว่านางคงสมองเลอะเลือนไปชั่วขณะก็ได้
“ปีนี้คือรัชศกหย่งชางปีที่ยี่สิบสอง เดือนเก้า”
“แสดงว่าเจ้ายังอาการไม่หายดี งั้นข้าจะไปแจ้งแก่คุณหนู”
เสิ่นฟางหรูไม่ใช่ไม่หายดีแต่นางไม่ใช่จูเหยาคนเก่าต่างหาก ดังนั้นจึงไม่อยากให้คุณหนูยุ่งยากนางจึงรีบกล่าวว่า
“ข้าแค่ความจำไม่ดีนะ อีกอย่างเจ้าไม่ต้องลำบากไปแจ้งคุณหนูหรอก”
จิ่นซินจ้องมองสหายอย่างฉงน “จริงหรือ? ถ้าอย่างนั้นเจ้ารีบลุกไปล้างหน้าล้างตาก่อนเถิด เดี๋ยวข้าจะไปยกอาหารมาให้เจ้า”
“ได้ ขอบคุณเจ้ามากจิ่นซิน”
คล้อยหลังนางจากไปแล้ว เสิ่นฟางหรูจึงรีบเดินไปแต่งตัวตามความทรงจำของร่างเดิม อย่างน้อยยังพอมีความทรงจำนี้อยู่ ทำให้นางซึ่งมาอยู่ที่นี่พอจะรู้เรื่องวิถีการใช้ชีวิตของร่างเดิม ไม่อย่างนั้นต้องแย่แน่ ๆ เพราะตนนั้นดันมาอยู่ในร่างสาวใช้ซึ่งเป็นแค่ตัวประกอบไม่มีบทพูดเพียงบทเดียว
แต่ทำไมนางจำไม่ได้ว่าในนิยายมีชื่อสาวใช้นามว่าจูเหยาอยู่?
ช่างเถิด อย่างน้อยตนก็มาอยู่ในนิยายที่ชอบ และหมายมั่นว่าจะเป็นฝ่ายช่วยเหลือให้พระนางสมหวังเอง!
ทางด้านสวีกุ้ยฟางนางเอกของเรื่อง หลังจากนางได้ฟังรายงานจากสาวใช้แล้วว่าจูเหยานั้นเกือบถูกขืนใจจนตัดสินใจกระโดดน้ำหนีตาย โดยผู้กระทำคือน้องชายของติงซื่อหรือก็คือแม่เลี้ยงของนางเอง
สวีกุ้ยฟางได้เกิดใหม่และกลับมาในวัยสิบห้าปีได้ไม่นาน อย่างแรกนางเริ่มวางแผนนำสินเดิมของตนกลับมาอยู่ในมือจนได้ แต่เรื่องจูเหยาจากความทรงจำของชาติก่อน นางนั้นได้ตายช่วงเวลานี้พอดีและนางจมน้ำตายอย่างไม่ทราบสาเหตุ
แต่พอมาวันนี้นางได้ล่วงรู้ความจริงแล้ว ว่าสาวใช้ของนางตายอย่างอยุติธรรมในชาติก่อน ชาตินี้นางจะเอาคืนติงฝานเป้าแทนนางเอง
ในขั้นตอนแรกนางได้ให้งานแก่เขาไปดูแลโรงรับจำนำ อีกทั้งนางยังแผนวางเอาผิดเขาเอาไว้แล้วเสร็จสรรพ
“อี้หลัน เจ้าเอาขวดนี้ไปให้นางทาหน้า ให้นางเลือกว่าจะงดงามแต่ถูกจับจ้องหรือยอมขี้เหร่แต่ปลอดภัย”
สวีกุ้ยฟางหยิบตลับยาทาผิวกายให้อี้หลันเพื่อให้นำไปให้จูเหยา เพราะคิดว่านางงดงามเกินไปทำให้ติงฝานเป้าคิดไม่ดีกับนาง ก่อนที่นางจะหาทางกำจัดเขาเพราะว่าในชาติก่อนตามความทรงจำของนาง ติงฝานเป้าคนนี้เป็นคนละโมบและแอบมาฉกฉวยเงินทองจากตระกูลสวีไปไม่น้อย และที่สำคัญเขาเป็นตัวการที่มาขโมยเอกสารลายมือของท่านพ่อไปให้ตระกูลเซี่ยเพื่อปลอมแปลงหลักฐานในการยักยอกเงินหลวง
“เจ้าค่ะ คุณหนู” อี้หลันผงกศีรษะรับคำก่อนจะนำตลับยาไปให้จูเหยา
อี้หลันรีบเดินเข้ามายังห้องพักสาวใช้ ก่อนจะอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้เสิ่นฟางหรูฟัง
“ข้ายินดีทำ เพื่อวันข้างหน้าข้าจะไม่ประสบภัยเช่นนี้อีก”
เสิ่นฟางหรูตัดสินใจอย่างง่ายดาย นางรู้ว่าความสวยของตนนั้นต้องนำพาความซวยมาเยือนในไม่ช้า การเป็นสาวใช้ในยุคนี้นั้นไม่ง่าย ถ้าหากว่ามีวันใดถูกคนไม่ดีหรือชายตระกูลสูงศักดิ์หมายตาอย่างติงฝานเป้าอีกล่ะแค่คิดก็สยองแล้ว
จากนั้นอี้หลันจึงช่วยทาใบหน้าให้นาง จนสีหน้าของนางเริ่มเหมือนคนป่วยใกล้ตายขึ้นเรื่อย ๆ
เสิ่นฟางหรูส่องกระจกดูหนังหน้าตนเองพบว่า มันเหลืองซีดไม่ต่างจากคนจะลาโลกเลยล่ะ
“เฮ้ย อี้หลันข้าว่าเจ้าทาให้ข้ามากไปหรือเปล่า?!”
อี้หลันยิ้มแหยตนเหมือนจะลงมือหนักไปหน่อย “จูเหยาข้าขอโทษ”
“ช่างเถอะ แบบนี้ล่ะถึงจะไม่ดึงดูดผู้ใด” เสิ่นฟางหรูคิดบวก
“เจ้าคิดได้ดังนั้นก็ดี ผ่านไปครึ่งเดือนสีมันก็จางไปเองแหละ” อี้หลันกล่าวให้กำลังใจ