บทที่ 2 เกิดหใม่ในนิยาย
บทที่ 2 เกิดใหม่ในนิยาย
แสงสว่างสาดส่องลอดหน้าต่างเข้ามาทำให้เธอแสบตาเสียงผู้คนเดินไปมาเหมือนกับว่าเกิดอะไรขึ้น และเสียงที่ดังเอะอะข้างๆ ก็ทำให้หนานลี่รู้สึกลำคาญแต่เธอก็นึกขึ้นได้ว่าเธอนั้นอยู่ในห้องเพียงคนเดียว จะมีคนอื่นอยู่กับเธอได้อย่างไร เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอก็ลืมตาขึ้นมาดูก็พบว่าตนเองนั้นมายังที่ที่ไม่เคยคุ้นตาแถมผู้คนก็แต่งเสื้อผ้าราวกับคนโบราณ
'เอ๊ะ! นี่เราฝันไปหรือยังไง ต้องใช่แน่ๆ เพราะฉันอ่านหนังสือแนวนี่หน่า เอ๊ะแต่ว่าฉันจำได้ว่าฉันนั้นอ่านจบและเดินไปซื้อเหล้ามากินนี่หน่า เอ๊ะ เอ๊ะฉันทำไมไม่รู้สึกเจ็บเลยล่ะ ฉันจำได้ว่าฉันถูกรถชนระหว่างทางกลับห้องไม่ใช่หรือไง? หรือที่นี่คือสวรรค์ แต่คงไม่ใช่แน่ๆ สวรรค์บ้าอะไรถึงแต่งเสื้อผ้ากันอย่างนี้' หนานลี่มองรอบๆ และคิดอยู่คนเดียวในใจเธอหยิกเข้าที่แขนตัวเองเพื่อเป็นการยืนยันว่าตัวเองนั้นฝันหรือไม่
"โอ๊ย! เจ็บชะมัด" เธออุทานออกมาเสียงดังทำให้ผู้คนมากมายรีบวิ่งมาดูเธอที่เตียงมากมาย แถมยังทำสีหน้าแตกตื่นราวกับว่าเธอนั้นจะเป็นอะไร
"พระชายาท่านเป็นอะไรเพคะ หรือว่าท่านรู้สึกไม่สบายอีกแล้ว นี่เจ้ารีบไปตามหมอหลวงมาตรวจดูพระอาการเร็วๆ "ผู้หญิงหน้าตาดีที่เข้ามาหาเธอด้วยความตกใจ ทำให้หนานลี่ยิ่งสงสัย
"นี่!ที่นี่ที่ไหนแล้วทำไมพวกเธอถึงแต่งตัวกันแบบนี้ล่ะ นี่กี่โมงแล้วฉันไม่ได้อยู่โรงพยาบาลหรอกเหรอ ฉันโดนรถชนนี่หน่า แต่ว่าทำไมถึงไม่รู้สึกเจ็บอะไรเลยล่ะ " สาวใช้ที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ทำหน้าฉงนใจ เหตุใดนายของตนเองถึงเปลี่ยนไป
"โธ่ พระชายาข้าละสงสารท่านจริงๆ ร่างกายก็อ่อนแออยู่แล้วยังมาถูกท่านอ๋องไม่ใส่ใจทำให้ท่านตรอมใจจนหลับไม่ฟื้นไปหลายวัน ท่านตื่นมาก็เพ้อถึงขนาดนี้เลยหรือเพคะ จนพูดจาแปลกไป " คำพูดของหญิงสาวที่นั่งอยู่ต่อหน้ายิ่งทำให้หนานลี่เริ่มเข้าใจอะไรมากขึ้น เธอไม่ได้ฝันและนี่ก็ไม่ใช่แสดงละคร
"พระชายา ฉันนะเหรอพระชายา" หนานลี่ใช้นิ้วชี้มาที่ตัวเองและถามหญิงตรงหน้า
."ใช่เพคะ ท่านคือพระชายาเหมยลี่ เป็นพระชายาเอกของท่านอ๋องโม่อี้หลาน โธ่ๆ ความจำของท่านก็เลอะเลือนนี่พวกเจ้ารีบไปดูสิเมื่อไหร่หมอหลวงจะมาเสียที" สิ้นคำพูดของหญิงสาวทำให้หนานลี่นั่งอ้าปากค้างนี่เธอโดนรถชนและตายจนทะลุมิติมาในนิยายที่พึ่งอ่านหรือ ใช่แล้วจิตสุดท้ายตอนที่เธอกำลังจะถูกรถชนเธอกำลังคิดเรื่องของพระชายาผู้น่าสงสาร แต่ไม่คิดเลยว่าเธอจะได้เข้ามาอยู่ในนิยายอย่างนี้ ความตายช่างน่ากลัวแถมตัวละครตัวนี้ก็ต้องตายอีกในไม่ช้า ในเมื่อต้องการให้เธอทะลุมิติมาเป็นพระชายา เธอจะกลับมาแก้ไขเรื่องราวในนิยายเอง
"ว่าแต่เธอชื่อว่าอะไรนะ" หนานลี่ถามหญิงสาวที่นั่งอยู่ต่อหน้า
"หม่อมฉันหรือเพคะ ขนาดชื่อหม่อมฉันพระชายายังจำไม่ได้ โธ่ๆ "
แม้หมานลี่จะอ่านนิยายเรื่องนี้จบแต่ในเรื่องไม่ได้บรรยายชื่อของตัวละครทุกตัวดังนั้นเธอจึงจำไม่รู้ว่าตัวละครนี้ชื่อว่าอะไร
"หม่อมฉันเป็นสาวใช้ข้างกายของพระชายานามว่าจี่ซุนเพคะ"
"จี่ซุนงั้นเธอช่วยไปหยิบกระจกมาให้ฉันหน่อยได้มั้ย?" คำพูดคำจาของพระชายาเปลี่ยนไปจนจี่ซุนเอียงคอสงสัย ทำให้หนานลี่เริ่มเข้าใจว่าตัวเองนั้นยังติดคำพูดของเธออยู่ จากนี้เธอต้องพูดแบบคำพูดในนิยายสินะ
“เจ้าไปนำกระจกเงามาให้ข้าหน่อยสิ” นางเงยหน้าเอ่ยออกมาอย่างผ่าเผย
“ได้เพคะ” นานเดินตรงไปข้างหน้าไปที่หน้ากระจกใหญ่และคว้ากระจกใบเล็กมาให้แก่หนานลี่
“นี่เจ้าค่ะกระจกเงาที่ท่านถามหาท่านจะดูอะไรหรือเพคะ.”
หนานลี่ไม่ตอบแต่นางถือกระจกเงามาส่องที่ใบหน้านางเป็นคนขี้เหร่มาตั้งแต่กำเนิดบัดนี้นางได้มาอยู่ในร่างที่สวยงามราวกับเทพธิดาแต่ว่าใบหน้านี้กลับซีดเผือกไร้เลือดฝาดต่อจากนี้นางจะทำให้ใบหน้าที่งดงามนี้กลับมามีชีวิตชีวาและจะหาสวามีใหม่ให้ตนเองโดยที่จะไม่ง้อท่านอ๋องใจร้ายอีกต่อไป
หนานลี่ยิ้มออกมาอย่างพอใจ
แต่ตอนนี้ร่างกายอ่อนแอปวกเปียกเหลือเกิน
‘ไม่ได้การล่ะ ฉันต้องจัดการกับร่างกายที่อ่อนแอนี้ให้กลับมาแข็งแรงเพื่อที่จะได้ออกไปจากที่แห่งนี้ยิ่งเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี จริงสิแล้วพ่อกับแม่ของพระชายาชื่อว่าอะไรนะฉันเองก็จำไม่ค่อยได้’ หนานลี่นึกคนเดียวในใจ จี่ซุนเองก็มองตามไปมาในกระจกเงาก็ไม่เห็นมีอะไรผิดแปลกไปสักนิด ตั้งแต่พระชายารู้สติมานางเองรู้สึกได้ว่าพระชายาไม่เหมือนคนเดิมอีกต่อไปแถมยังนางยังทำตัวแปลกๆ อีกด้วย
“ใบหน้าของพระชายามีอะไรหรือเพคะเห็นพระชายาเอาแต่มองกระจกเงาอยู่เช่นนั้น"
“เปล่าหรอกข้าแค่อยากเห็นตัวเองเท่านั้นนอนไปหลายวันอยากดูว่าใบหน้าตอนนี้เป็นเช่นไรตอนนี้ข้าหิวแล้วล่ะ เจ้าช่วยบอกพ่อครัวเตรียมอาหารที่อร่อยที่สุดและดีที่สุดมาให้ข้าด้วยอะไรที่สามารถบำรุงร่างกายให้แข็งแรงได้ในเร็ววันจึงเตรียมมาให้หมด” จี่ซุนได้ยินก็ดีใจรีบพยักหน้าและหันไปบอกนางรับใช้อีกนางหนึ่งให้ไปบอกพ่อครัวจัดหาอาหารมาให้พระชายาโดยเร็ว หนานลี่ลุกขึ้นจากเตียงนอนเดินไปที่ตู้เสื้อผ้านางดูจนหมดมีแต่เสื้อผ้าที่จืดชืดไร้สีสันช่างไม่เหมาะกับใบหน้าที่งดงามนี้ยิ่งนักไม่ได้การล่ะต้องเปลี่ยนใหม่ทุกอย่าง
“จี่ซุนข้ามีสมบัติและเงินทองมากหรือไม่หากข้าอยากซื้อเสื้อผ้าอาภรณ์ใหม่ข้าจะทำได้หรือไม่” หนานลี่ได้หันไปถามจี่ซุนที่เดินตามหลังนางไม่ห่าง
“ได้สิคะไม่ว่าพระชายาต้องการอะไรขอเพียงเอ่ยปากบอกหม่อมฉันจะรีบหามาให้เลยเพคะ”
“ข้าต้องการเสื้อผ้าอาภรณ์หรือไม่เจ้าก็ไปซื้อผ้าไหมและสั่งให้ช่างตัดเย็บเสื้อผ้าให้ข้าใหม่หรือไม่งั้นข้าจะไปเลือกกับเจ้าเองหลังจากที่ข้ากินอาหารเสร็จ”
“แต่ว่าร่างกายของพระชายายังไม่ค่อยแข็งแรงนะคะอีกอย่างพระชายาพึ่งฟื้นหม่อมฉันเกรงว่าท่านจะหมดสติไปอีก”
“เจ้าไม่ต้องห่วงข้าแข็งแรงดี เจ้าไปเตรียมน้ำมา ให้ข้าล้างหน้าล้างตาเถอะ” จี่ซุนเองก็รีบไปทำตามคำสั่ง หนานลี่เดินสำรวจห้องที่นางอยู่ ช่างไม่สมเกียรตินางสักนิด นี่หรือพระชายาของท่านอ๋องแต่ก็ไม่แปลกเพราะท่านอ๋องเองก็ไม่ได้ดีใจที่มีนางด้วยซ้ำ แต่หนานลี่เองก็จะทนอยู่ไปก่อนเพราะไม่นานต่อจากนี้เธอจะพาร่างของพระชายาออกจากที่แห่งนี้ไปหาความสุขและหาคนที่รักนางจริง ใบหน้าที่สวยงามอย่างนี้ไม่นานก็คงหาสามีใหม่ได้
หนานลี่เดินมาเรื่อยๆ จนมาถึงโต๊ะเครื่องแป้ง เธอนั่งลงรอน้ำมาล้างหน้าก่อนที่จะประทินโฉมออกมาให้กับสาวใช้ตกใจกันเล็กน้อย ในโลกของหนานลี่เธอชอบการแต่งหน้ามากแต่ใบหน้าของเธอขี้เหร่ต่อให้แต่งอย่างไรก็กลายเป็นตัวประหลาดอยู่ดี วันนี้นางได้แสดงฝีมือในการแต่งแต้มใบหน้าที่งดงามออกมาให้งดงามกว่าเดิม
"พระชายาวันนี้ท่านงดงามากเพคะ ตั้งแต่หม่อมฉันดูแลพระชายามาแม้พระชายาจะงดงามอยู่แล้วแต่วันนี้ท่านยิ่งงามมากขึ้นกว่าเดิม ทำให้หม่อมฉันแปลกตายิ่งนัก" จี่ซุนได้เอ่ยออกมาแววตาเป็นประกาย
"ต่อจากนี้เจ้าจะได้เห็นข้างดงามทุกๆ วันและจะงดงามมากขึ้นทุกวันไปเถอะข้าหิวแล้ว"หนานลี่ได้บอกสาวใช้นางก็ได้เดินพานางไปกินข้าวที่ทางพ่อครัวได้ใส่สำรับมาให้หนานลี่มองดูอาหารมากมายบนโต๊ะเธอจึงไม่รอช้าจัดการกินอาหารพวกนั้นจนอิ่มแปล้ยิ่งเป็นที่แปลกใจของสาวใช้ทั้งหมดเพราะพระชายาไม่เคยกินอาหารมากมายขนาดนี้มาก่อนและไม่แสดงท่าทีว่าชอบอะไรด้วยแต่ครั้งนี้แตกต่างกันไปอาหารทุกอย่างที่ยกมาไม่เหลือแม้สักอย่าง