บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 น้อยไปหน่อย

บทที่ 5 น้อยไปหน่อย

รุ่งเช้าวันต่อมา

ร่างเล็กนอนอุดอู้อยู่ในอ้อมกอดของคนเป็นแม่อย่างอบอุ่น แสงแดดเริ่มสาดส่องเข้ามาเล็ดลอดหน้าต่างทำให้ร่างบางเริ่มแสบตาค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมองดูเธอสะดุ้งตกใจเมื่อเห็นเด็กชายในอ้อมกอด ก่อนจะคิดขึ้นมาได้ว่าเธอทะลุมิติมาเป็นแม่ของเด็กชายคนนี้ เธอหายใจเข้าออกอย่างช้า ๆ กลัวว่าจะทำให้เด็กชายตื่น จ้องมองใบหน้าของเด็กน้อยอย่างละเอียด คิ้วคมเข้มจมูกโด่งเป็นสันริมฝีปากเหมาะเจาะกับใบหน้า ยิ่งมองยิ่งเห็นว่าเด็กชายคนนี้โตขึ้นต้องหล่อมากแน่ ๆ

“อื้อ...” เสียงเล็กครวญครางออกมาเมื่อรู้สึกตัวว่าเช้าแล้ว

“ตื่นแล้วหรือ?”

“อ้ายเยว่ตื่นแล้วครับ เมื่อคืนนี้อ้ายเยว่ฝันดีมากเลยครับ ฝันว่าคุณพ่อกลับมาครอบครัวของเราอยู่พร้อมหน้า คุณแม่กับคุณพ่อนอนกอดอ้ายเยว่ในอ้อมแขนอบอุ่นเหลือเกินจนไม่อยากจะตื่นเลยครับ”

“หื้ม ..ฝันดีจริงๆ ด้วย!! เอาล่ะในเมื่อตื่นแล้วเราไปล้างหน้ากันเถอะนะ” เด็กชายยันกายลุกขึ้นบิดขี้เกียจซูเม่ยก็รีบลุกตามเปิดหน้าต่างมองออกไปด้านนอก วันนี้เธอคิดไว้จะไปทำผมทำเล็บที่ร้านเสริมสวยที่นี่น่าจะมีร้านอยู่บ้างอย่างไรยุคนี้ก็เป็นยุคที่เข้าถึงความเจริญแล้ว

“อ้ายเยว่ตอนนี้ลูกได้เรียนหนังสือหรือยัง”

“คุณย่าบอกว่าอายุของอ้ายเยว่ยังไม่ถึงครับ” เด็กชายเดินลงจากเตียงพร้อมตอบคำถามแม่

“อย่างนั้นหรือ? งั้นวันนี้เราออกไปข้างนอกดีมั้ยไปเที่ยวเล่นกัน”

“จริงเหรอครับ ดีเลยอย่างนั้นอ้ายเยว่จะไปที่ห้องแต่งตัวก่อนนะครับ” เด็กน้อยยิ้มเล็กยิ้มน้อยอย่างดีใจที่ซูเม่ยจะพาออกไปเที่ยวเล่น

หลังจากนั้นเธอได้ล้างหน้าล้างตาเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่แต่เมื่อกำลังแต่งแต้มใบหน้าก็เห็นถึงความงดงามของใบหน้านี้

“อื้อหื้อ เมื่อวานฉันตกใจอยู่สินะเลยไม่ได้มองดูใบหน้านี้อย่างละเอียดทำไมถึงได้สวยทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้แต่งหน้าอย่างนี้หากอยู่ในยุคปัจจุบันคงเป็นดาราได้ง่าย ๆ เลย อย่างนี้ฉันจะต้องแต่งหน้าหน่อยแล้ว ออกไปข้างนอกทั้งทีต้องสวยหน่อย ให้แต่อยู่ในบ้านทำงานก้นครัวเสียดายความงามแย่” ซูเม่ยเริ่มแต่งหน้าตามของที่มีอยู่แม้จะดูเก่าแต่ก็ยังพอใช้ได้ ด้วยอาชีพของเธอที่เป็นนักแสดงจับแต่งนิดแต่งหน่อยก็ออกมาดูดีแล้ว ซูเม่ยจ้องมองตัวเองในกระจกอย่างพึงพอใจก่อนจะลุกขึ้นเดินออกจากห้อง จู่ ๆ ก็ต้องหยุดชะงักไม่เดินต่อ

“เดี๋ยวสิฉันจะออกไปอย่างนี้ได้อย่างไงกัน เมื่อวานฉันเก็บของไม่เห็นเงินในห้องสักหยวน อย่าบอกนะว่าแม่สามีไม่ให้เธอได้ใช้เงินเลย โห่! เกินไปแล้วนะ ใช้งานเยี่ยงทาสฉันเป็นถึงลูกสะใภ้ไม่ให้เงินใช้เลยหรือไงกัน ไหนจะเงินถุงเงินถังตอนแต่งงานอีก ฮึ ฮึ เรื่องนี้ฉันยอมไม่ได้หรอกนะต้องไปหาแม่สามีหน่อยแล้ว” พูดจบซูเม่ยได้เดินไปหาชิงเถาที่ห้องแต่ไม่พบเลยเดินลงมาดูข้างล่าง เห็นเธอกำลังนั่งจิบชาอย่างอารมณ์ดี

ชิงเถาตื่นเช้าขึ้นมาอย่างอารมณ์ดีเมื่อตอนเช้าตรู่มีเสียงของโทรเลขโทรเข้ามาปลายสายแจ้งว่าจะกลับบ้านในวันหยุดนี้ ทำให้คนเป็นแม่ที่ไม่ได้พบลูกเสียนานดีใจที่สุดแต่เมื่อเห็นใบหน้าของซูเม่ยเดินลงมาอารมณ์ของเธอได้เปลี่ยนไปทันที

“นึกอะไรขึ้นมาถึงได้แต่งหน้าแต่งตาอย่างนี้แล้วนั่นชุดอะไรของเธอ แวกขาขนาดนั้นจะใส่ไปอ่อยใครกัน” ซูเม่ยเห็นเสื้อผ้าที่อยู่ในตู้มีแต่ชุดเก่า ๆ เฉย ๆ เธอเลยจัดการเปลี่ยนแปลงให้ชุดธรรมดากลายเป็นชุดที่แปลกใหม่และดูดีกว่าเดิมแต่ไม่ถูกใจแม่สามีสักนิด

“ทำไมหรือคะ คุณแม่ไม่ชอบหรือไงที่ลูกสะใภ้แต่งตัวสวยงามแต่งหน้าให้ดูดี อย่างนี้ไม่ดีต่อตระกูลของคุณแม่หรือไง วันนี้ฉันจะออกไปข้างนอกค่ะและมีเรื่องจะคุยกับคุณแม่ด้วย”

“เฮอะ! ออกไปให้อายคนอื่นทำไมกัน เรื่องที่เธออยากคุยกับฉันเรื่องอะไรว่ามา”

“ฉันต้องเงินเดือนค่ะ คุณแม่จะให้ฉันใช้ชีิวิตอย่างไรหากไม่มีเงินติดตัว อ้อฉันพึ่งนึกออกตอนแต่งงานเงินถุงเงินถังที่เป็นส่วนของฉันคุณแม่ก็เก็บเอาไว้หมดอย่างนี้ไม่เป็นธรรมต่อฉันเลยนะคะ หรือว่าเรื่องนี้คุณแม่อยากให้คนอื่นได้รู้ ตลอดเวลาห้าปีกับการเป็นลูกสะใภ้เป็นภรรยาของท่านนายพลยิ่งใหญ่ ต้องพบเจอเรื่องอะไรแถมยังโดนกดขี่สารพัด ไหนจะไม่ให้เงินใช้สักหยวนอย่างนี้มันไม่เกินไปหรือ? หรือว่าคุณแม่อยากให้คนอื่นรู้คะ” ซูเม่ยเปิดหีบเล็กที่อยู่ในห้องเห็นสมุดบันทึกแม้ว่าเธอจะไม่ได้เรียนสูงแต่เธอยังพอมีความรู้อ่านออกเขียนได้ ในบันทึกเขียนเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเธอความทุกข์ทรมานใจที่เธอต้องเจอมาโดยตลอดเธอไม่รู้ว่าจะไปเล่าให้ใครฟังทำได้เพียงเขียนเพื่อระบายความรู้สึกลงในกระดาษเท่านั้น

“นี่เธอไม่คิดถึงเรื่องที่เธอกินเธออยู่ทุกวันนี้เลยหรือไง!! ไหนจะอ้ายเยว่ต้องกินต้องใช้อีกไม่นานจะเข้าเรียนแล้วด้วย อะไรที่ประหยัดได้ก็ต้องประหยัดสิ” ชิงเถาใบหน้าซีดเซียวเมื่อซูเม่ยถามาเรื่องเงินถุงเงินถัง และเงินที่เธอจะได้ใช้ในแต่ละเดือน ที่่ผ่านมาทุกอย่างในบ้านชิงเถาเธอเป็นคนจัดการเองทุกอย่างและไม่ยอมให้เงินตกถึงมือของซูเม่ย

“ฮึ ฮึ คุณแม่สามีใช้ฉันอย่างกับสาวใช้อย่างนี้ฉันจะต้องได้ค่าแรงเพิ่มสองเท่าหรือเปล่านะ …เอาอย่างนี้ดีมั้ยฉันจะไปหานายอำเภอเพื่อปรึกษาเรื่องนี้ไม่ว่าจะมองไปทางใดฉันก็ถูกเอาเปรียบทุกทาง ยิ่งมีอ้ายเยว่ฉันยิ่งต้องได้เงินเดือนสิคะคุณแม่” ชิงเถาเห็นท่าทางยิ่งผยองแถมยังไม่กลัวเธออีกด้วย แต่เธอจะทำอย่างไรได้ในเมื่อเธอไม่อยากให้เรื่องนี้ถึงหูนายอำเภอตงหนาน กลัวหนูยูร์เหยาได้ยินเรื่องที่เธอทำกับลูกสะใภ้ เรื่องนี้เธอจะยอม ๆ ไปก่อนเพราะอย่างไรอีกไม่กี่วันลูกชายของเธอจะกลับมาหย่ากับซูเม่ย การให้เงินครั้งนี้ถือเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะให้

“ไม่เห็นจะต้องทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ก็ได้ก็ได้ป้าหลินไปหยิบกระเป๋าฉันมาให้ที” ชิงเถารีบเรียกสาวใช้ที่ดูเหมือนจะเป็นคนเก่าคนแก่ของที่นี่เพราะดูจะมีอายุมากแล้ว

“ได้ค่ะคุณนายใหญ่” ป้าหลินรีบเดินขึ้นไปด้านหยิบกระเป๋าของชิงเถาทันที ส่วนซูเม่ยแสยะยิ้มมุมปากอย่างดีใจที่เธอเอาชนะแม่สามีได้อีกหนึ่งเรื่อง

ไม่นานนักอ้ายเยว่ได้เดินลงมาจากห้องของตัวเองเขาแต่งตัวอย่างน่าเอ็นดูจนซูเม่ยต้องรีบเดินเข้าไปอุ้มเด็กชายอย่างทะนุถนอม

“ว๊าว ^ ^วันนี้อ้ายเยว่ของแม่น่ารักจังเลย หิวแล้วใช่มั้ยไปกินข้าวกันเถอะจะได้ออกไปข้างนอกกัน”

“ผมดีใจที่สุดเลยครับที่จะได้ออกไปข้างนอกกับคุณแม่วันนี้เลยเลือกเสื้อผ้าเป็นพิเศษ” เด็กชายยิ้มระเรื่อ ชิงเถามองดูอยู่ถึงกับไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรจนป้าหลินเดินลงมาจากด้านบนพร้อมกระเป๋าของเธอ เธอล้วงเงินจำนวน 10 หยวนยื่นให้ซูเม่ย

“นี่เงินของเธอรับไปสิ” ซูเม่ยเห็นเงินที่น้อยนิดเกิดความไม่พอใจทันที เงินเพียงเท่านี้จะไปทำอะไรได้

“มันไม่น้อยไปหน่อยหรือคะ? ค่าทำผมทำเล็บไหนจะเลือกซื้อผ้าชุดใหม่อีกสิบหยวนคงไม่พอ คุณแม่ก็แต่งตัวดูดีสีผมก็ดัดลอนสวยงามดูเล็บสิสีแดงฉาดแบบนั้นคงรู้ราคาใช่มั้ยคะว่าสิบหยวนทำอะไรได้แค่ไหน เฮ้อ! อ้ายเยว่วันนี้แม่คงพาลูกไปเที่ยวเล่นไม่ได้แล้ว เราจะต้องไปที่อำเภอกันก่อน” ซูเม่ยคิดไว้แล้วว่าอย่างไรชิงเถาคงไม่ยอมให้เงินเธอง่าย ๆ แน่นอนคนเจ้าเล่ห์อย่างเขาต้องเจอคนเจ้าเล่ห์กว่า

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel