บทที่ 9
~รักเธอ รักเธอ รู้เพียงเท่านั้น แม้เราบังเอิญได้พบกัน หรือฟ้าบันดาลให้พบเจอ~
สิมิลันขับรถไปตามทางอย่างอารมณ์ดี ปากก็เอาแต่ร้องเพลงนี้ไปด้วยซ้ำไปซ้ำ เหมือนในหัวกำลังคิดไอเดียดีๆออก
“โอ๊ยย ขอจอดรถจดไอเดียในหัวก่อนได้ไหมนี่” สิมิลันบ่นขึ้น
ครืดด~~ ครืดด~~
โทรศัพท์ที่วางไว้เบาะข้างๆสั่นขึ้น
‘เหนือเมฆ’
“ไหนบอกนัดกัน 9 โมง ทำไมโทรมาตอนนี้ล่ะ” สิมิลันหันมาบ่นกับโทรศัพท์ แล้วหยิบขึ้นมาแนบที่หู
“สวัสดีค่ะ นัดกัน 9 โมงไม่ใช่หรอคะ หรือฉันจำผิด…” คนขี้ลืมพยายามนึกว่าตัวเองจำเวลาผิดหรือเปล่า
(เปล่า…ผม) ปลายอ้ำอึ้งอยู่พักนึง จนคนฟังสงสัย
“อ้าว ถ้าฉันไม่ได้จำเวลาผิด งั้นว่างก่อนะคะ กำลังขับรถอยู่ค่ะ” สิมิลันรีบพูดขึ้นเพื่อกดดันเขา ‘ฮิฮิ ฉันเคยเรียนจิตวิทยามานะเฟ้ย’
(ผมมีเรื่องอยากขอความช่วยเหลือจากคุณ...) เขาพูดมันออกมาช้าๆ เหมือนกำลังลังเลอยู่
“ช่วยอะไรคะ ?” คนฟังยิ้มชอบใจเมื่อทำให้เขาพูดออกมาได้ แล้วถามต่อ
(เฮ้อ…ผมควรขอความช่วยเหลือจากคุณดีไหม…) เขาพูดขึ้นมาลอยๆเหมือนกำลังปรึกษากับตัวเองอยู่
“อ้าว คุณนี่ !!! จะขอให้คนอื่นเขาช่วย ยังจะมาพูดแบบนี้อีก” สิมิลันแหวใส่ทันที “ให้ฉันช่วยอะไรคุณก็ว่ามาเลย” ตามนิสัยไม่ชอบให้ใครมาดูถูกอยู่แล้ว ทำให้หญิงสาวอดโมโหเขาไม่ได้ที่ดูลังเลที่จะขอให้เธอช่วย
‘คนอย่างสิมิลันหยามไม่ได้นะคุณ ต่อให้ต้องคว้าเดือน คว้าดาวมาเพื่อลบคำสบประมาทฉันก็จะทำ ชิ’ สิมิลันนึกถึงคติประจำใจสมัยเรียนของเธอแล้วยิ่งโมโหเขา
(เอาล่ะ…เป็นแฟนกับผมนะครับ) เขาพูดขึ้นช้าๆ
เอี๊ยดดดดดดดดดด !!!!!!
สิมิลันเหยียบเบรคกระทันหันจนมิด ดีที่ไม่มีรถตามมาข้างหลัง ไม่งั้นมีหวังรถหญิงสาวคงจะได้ยุบแน่ๆ โทรศัพท์ที่เอาแนบกับหูร่วงลงไปข้างๆ หัวหญิงสาวโขกเข้ากับพวงมาลัยเต็มแรง เธอเงยหน้าขึ้นเรียกสติจากอาการมึน แล้วขับรถเข้าจอดข้างทางที่จอดได้ ก่อนจะควานหาโทรศัพท์ขึ้นมา เมื่อเห็นว่าคู่สนทนายังถือสายอยู่เลยเปิดสปีกเกอร์โฟนขึ้น
(คุณๆๆๆ มะลิ…มะลิได้ยินไหม) เสียงปลายสายเรียกชื่อหลายครั้ง จนคนฟังเผลอรู้สึกดีขึ้นมาชั่ววูบนึง
“ฉันได้ยิน เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะ” หญิงสาวถามย้ำ
(ผมพูดว่า…มะลิ)
“ไม่ใช่อันนี้” สิมิลันท้วง
(ผมก็เรียกคุณไง) ปลายสายยืนยันคำเดิม
“หรือฉันจะหูฝาดไปเนี่ย โอ๊ย เอาชีวิตจริงกับนิยายมารวมกันจนยุ้งไปหมดแล้ว” สิมิลันบ่นตัวเองขึ้น “โอ๊ยย นี่หัวแตกหรอเนี่ย !!!!” หญิงสาวโวยวายขึ้นเมื่อเอามือจับตรงบริเวณที่เจ็บแล้วมีเลือดสีแดงออกมา
(ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน) เสียงของชายหนุ่มร้อนรนขึ้นทันทีดมื่อได้ยินว่าคู่สนทนาหัวแตก ต่อให้ไม่ต้องบอกเขาก็รู้ว่าเกิดจากอะไร
“ฉันหัวแตกอะคุณ…เจ็บ” สิมิลันโอดขึ้น
(รถชนหรือเปล่า) เขาถามขึ้นเพราะดูหญิงสาวยังใจเย็น
“ไม่ๆ ฉันแค่หัวกระแทกกับพวงมาลัย เพราะเบรคกระทันหัน” เธอปฏิเสธแล้วขับรถต่อเพื่อหาคลินิกสักที่ทำแผลก่อน
(ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนแล้ว) เหนือเมฆถามอีกครั้ง
“ใกล้ถึงบ้านคุณแล้ว แต่ฉันคงหาคลินิกทำแผลก่อน เจอกันที่บ้านนะคุณ ฉันมีเรื่องจะเคลียร์กับคุณยาวหลายร้อยกิโล เตรียมใจไว้เลยคุณน่ะเป็นต้นเหตุที่ทำให้ฉันหัวแตก” สิมิลันบ่นร่ายยาวจนลืมตัวว่าเผลอพูดอะไรออกไป
(ครับ) เหนือเมฆรับคำ
“ไม่ต้องครับเลยนะ” หญิงสาวแหวขึ้นแม้จะเจ็บแผลมากก็ตาม
(ครับ)
“คุณเหนือเมฆ !!!”
สิมิลันขับรถมาถึงบ้านเหนือเมฆช้ากว่าเวลานัดไปเกือบสองชั่วโมง พอรถจอดสนิทที่หน้าบ้านหลังใหญ่ก็เห็นเจ้าของบ้านในชุดไปรเวทเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนส์สีดำยืนชะเง้อรออยู่หน้าบ้านพอดี
เขาทำคิ้วขมวดยุ้งเมื่อเห็นรถของหญิงสาวขับมาจอดตรงหน้า เขาเองก็ไม่เข้าใจตัวเหมือนกันว่าทำไมต้องเป็นห่วง ทำไมต้องหงุดหงิดเพียงแค่หญิงสาวไม่รับโทรศัพท์ แถมเขายังมายืนรออยู่หน้าบ้านนานเกือบสองชั่วโมงแล้วด้วย
“คุณๆ เปิดประตูด้วยค่ะ จะยืนมองกันทำไมเล่า” สิมิลันเปิดกระจกออกมาบอกเขา ผ้าพันแผลพันรอบหัวหญิงสาวอย่างเกะกะ แถมเธอเองก็หงุดหงิดพยาบาลที่ทำแผลให้สุดๆ
เขามองหน้าหญิงสาวแวบนึง แล้วเปลี่ยนท่าทีให้นิ่งเป็นปกติ ก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้
“ขอบคุณค่ะ” เธอยื่นหน้าออกมาบอกชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงประก่อนจะขับรถเข้าไปจอดในบ้านของเขา
“เจ็บมากไหม” เหนือเมฆถามขึ้น เมื่อเดินตามหญิงสาวเข้ามาในบ้าน
“โห เจ็บสิคุณ แถมพยาบาลยังมือหนักด้วย แล้วดูเอาผ้าพันแผลมาพันซะใหญ่เลย” คนตัวเล็กบ่น แล้วหันมาชี้หน้าผากตัวเองให้คนข้างหลังดู “อุ๊ยย !”
“…”
ใบหน้าของทั้งคู่อยู่ห่างกันเกือบคืบเพราะห่างกันแค่ความสูง เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวได้สังเกตุใบหน้าหล่อใสใกล้ๆอย่างนี้ ‘คนอะไรผิวขาวใสขนาดนี้ คุณเป็นทหารจริงๆหรอเนี่ย’
“เอ่อ…” สิมิลันถอยหลังออกมาหนึ่งก้าว แล้วรีบกลับหลังหันไป “ทุกคนไปไหนกันหมดหรอ” หญิงสาวถามขึ้น
“สวนหลังบ้าน” เขาพูดตอบมาแค่นั้น
“อ่อ…” สิมิลันตอบรับ
“คุณ…” เหนือเมฆเรียกหญิงสาวขึ้น แล้วเงียบไป
“หืม ? …” หญิงสาวยังคงหันหลังให้คนตัวสูงที่ยืนอยู่ข้างหลัง
“ผมขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม” เขาพูดขึ้นเบาๆเหมือนกับต้องการให้ได้ยินแค่สองคน
“พูดมาเลยค่ะ ฉันฟังอยู่” สิมิลันบอกทั้งที่หันหลังอยู่อย่างนั้น
“คุณตามผมมานี่หน่อย” คนตัวสูงกว่าพูดแล้วคว้าข้อมือเล็กๆเดินตามไปที่บันได เขาพาหญิงสาวเดินขึ้นชั้นสองของบ้าน
“คุณจะพาฉันไปไหนน่ะ ?” สิมิลันร้องถามขึ้น แล้วขืนตัวเองไว้
“ผมมีเรื่องอยากจะขอร้องให้คุณช่วย…” เหนือเมฆหันมาพูด แต่ไม่ยอมปล่อยมือคนข้างหลังเลย
“แล้วทำไมต้องมาคุยบนนี้ล่ะคุณ” หญิงสาวแย้งขึ้น
“เอ่อ…” เขาไม่รู้จะอธิบายกับคนตรงหน้ายังไง เขาเองก็ไม่รู้ว่าเขากำลังตัดสินใจทำอะไรด้วยเหมือนกัน
“อะไรของคุณเนี่ย ปล่อยมือฉันได้แล้ว” สิมิลันบอกเขาให้ปล่อยมือ
“ตามผมมาได้ไหม เรื่องนี้เป็นความลับ…ช่วยฟังคำขอร้องของผมหน่อย” เขาปล่อยมือคนตัวเล็ก แล้วยกมือทั้งสองข้างของตัวเองขึ้นอย่างจำนน
หญิงสาวมองหน้าเขานิ่งคิด …
‘ตั้งแต่รู้จักกันเมื่อไม่กี่วันก่อนผู้ชายคนนี้ก็…ดูไม่น่าจะใช่คนเลวร้าย เอ๊ย แต่คนเรามันก็รู้หน้าไม่รู้ใจนี่หว่า โอ๊ยย แล้วนี่เขาก็ขอให้เราช่วยอะไรวะ มะลิกลุ้มใจค่ะแม่ !!!’ สิมิลันคุยกับตัวเองในใจ ก่อนจะพูดขึ้น
“ทำไมมันถึงเป็นความลับ…เรื่องที่คุณจะให้ฉันช่วยคืออะไรกันแน่” สิมิลันถามขึ้น
“คุณตามผมไปที่ห้องได้ไหม ผมสัญญาว่าผมจะเล่าทุกๆอย่างที่คุณอยากรู้ และจะไม่ล่วงเกินคุณ้ลยแม้แต่นิดเดียว …ด้วยเกียรติของผม” เหนือเมฆพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
“แล้วฉันจะเชื่อคุณได้ยังไง ว่าคุณจะไม่ทำอะไรฉัน” คนตัวเล็กถามขึ้น
“จะให้ผมสาบานเลยก็ได้”
“ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ เอาเป็นว่าฉันจะตามคุณไป แต่ถ้าคุณทำอะไรฉันแม้แต่นิดเดียว คุณจะเจอเทควันโดสายดำนะบอกไว้ก่อน” สิมิลัยขู่ขึ้น
“ผมสัญญา…” เหนือเมฆบอก
เขาเดินนำหญิงสาวเข้ามาในห้องนอนของตัวเองที่ตกแต่งด้วยสีเขาสว่าง รอบๆมีแต่ตู้โชว์โมเดลเครื่องบินมากมายอยู่ทั่วห้อง แม้แต่ผ้าปูที่นอน หมอน ผ้าห่มยังเป็นลายท้องฟ้าสีฟ้าน่านอนสุดๆ มองไปมองมาห้องของเขาก็เหมือนจะเป็นห้องนอนของผู้หญิงมากกว่าซะอีก ถ้าเครื่องบินๆห้องนี่ไม่ได้เป็นเครื่องบินรบน่ะนะ
เขาเดินไปที่โซฟาสีขาวตรงปลายเตียง ก่อนจะหันมามองคนตัวเล็กที่เอาแต่กวาดสายตาสำรวจทั่วห้องของเขา
“โมเดลพวกนี้คุณต่อเองหรอ” สิมิลันถามขึ้น
“ครับ”
“มันเยอะมากเลยนะ” สิมิลันเดินดูตู้นู่นตู้นี้อย่างอารมณ์ดี โมเดลเครื่องบินแต่ละลำมีความสวยและสง่าอยู่ตัว แต่ที่สะดุดตาที่สุดคงจะเป็น F-16 ที่ตั้งอยู่ตรงหัวเตียงของเขา
หญิงสาวหยิบโมเดลเครื่องบิน F-16 ขึ้นมาดูใกล้ๆ มันเหมือนจริงมาก ลายละเอียดทุกอย่างเหมือนกับเครื่องบิน F-16 ของจริงทุกอย่าง ตรงแพนหางมีรูปงูจงอางบ่งบอกได้เป็นอย่างดี ว่าเครื่องบิน F-16 ลำนี้อยู่ในสังกัดกองบินที่ 4 ตาคลี กองบินที่เจ้าของโมเดลประจำอยู่นั้นเอง
“คุณชอบเครื่องบินมากเลยหรอเนี่ย” หญิงสาวหันมาถามคนที่อยู่บนโซฟาสีขาว ซึ่งเขาก็มองเธออยู่นานแล้วเหมือนกัน
“ครับ”
“ขอโทษค่ะ” เมื่อสิมิลันรู้ตัวว่าหยิบของคนอื่นโดยไม่ได้ขออนุญาติเจ้าของก่อนก็รีบวางกลับคืนที่เดิมทันที
“…คุณชอบหรือเปล่า ?” เหนือเมฆถามขึ้น
“ชอบค่ะ” คนตัวเล็กตอบ แล้วเดินมานั่งที่ผนักพิงอีกฝั่งของโซฟา “คุณจะให้ฉันช่วยอะไรคะ” เธอถามขึ้น
“ช่วยเป็นแฟนกับผมได้ไหม ?” เขาหันมาถามด้วยสีหน้าที่ดูจริงจังมาก ถึงมากที่สุด
“คุณจะบ้าไปแล้วหรอ !!!!” สิมิลันโวยขึ้นทันที่เขาพูดจบ
“ว่าแล้วไงไอ้พี แผนนี้มันใช้ได้ที่ไหน” เหนือเมฆบ่นขึ้น
“ช่วยอธิบายทีว่ามันคือแผนอะไร ?” สิมิลันได้ยินเขาพูดถึงแผน จึงถามขึ้น
“เอาล่ะ ผมจะเริ่มอธิบายทุกอย่างให้คุณฟัง… มีน้องสาวข้างบ้านคนนึง เขาชอบผม…มานานแล้ว แต่ว่าผมไม่กล้าปฏิเสธตรงๆ ผมคิดกับเขาปแค่น้องสาวคนนึง และไม่มีทางจะรู้สึกมากกว่านี้ เพื่อนผมแนะนำให้ผมมีแฟน แต่…ผมไม่มี อันที่จริงก็เคยมีมั้ง…” เหนือเมฆพูดแล้วเงียบไป
“ ‘เคยมีมั้ง’ มันหมายความว่ายังไงเนี่ยคุณ” หญิงสาวถามขึ้นอย่างสงสัย
“ผมไม่รู้ว่าความสัมพันธ์อย่างนั้นเรียกว่าความรักหรือเปล่า” เขาพูดอย่างจริงจัง
“ห้ะ !! แล้วมันความสัมพันธ์แบบไหนกันล่ะ” สิมิลันทำหน้าเหวอขึ้นทัน แล้วถอยออกไปจนติเกับผนักพิงกว่าเดิม
“มันไม่ใช่แบบนั้น - _ - เราแค่คุยกัน ไปดูหนัง กินข้าว ไม่มีใครขอคบ แล้วก็ไม่เคยบอกรักกัน แล้ววันนึงแฟนเขาก็มาอารวาด แค่นั้นเอง…“ เหนือเมฆปฏิเสธขึ้น
“แล้วคุณรักเธอหรือเปล่า” สิมิลันถามขึ้นอีก
“อ่า…ผมคิดว่าผมรักเธอนะ” ชายหนุ่มพูดขึ้น แม้ในแววตาของเขาจะวูบไหวเมื่อนึกถึงรักแรกที่ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดไม่น้อย
“แล้วทำไมคุณถึงปล่อยเธอไปล่ะ” สิมิลันยิงคำถามไปอีก
“มันไม่เหตุผลอะไรที่จะยื้อคนที่เขาไม่รักเรา ไม่ได้มีเราคนเดียวเอาไว้” เขาบอกแล้วหันไปมองหน้าคนถามอย่างขอความคิดเห็น ถ้าหากสายตาของเขาพูดได้ มันคล้ายกับจะถามคนตรงหน้าว่า ‘เขาทำถูกหรือเปล่า’
“คุณทำถูกแล้วแหละ เขาไม่ได้มีคุณคนเดียว ยังมีคนอีกมากมายที่พร้อมจะรักคุณ” สิมิลันเองรู้สึกเข้าใจเขามากขึ้น ก่อนที่หญิงสาวจะเขยิบเข้ามานั่งใกล้ๆเขา “แล้วทำไมคุณถึงมาขอให้ฉันช่วยเป็นแฟนคุณ มีคนแนะนำแผนนี้กับคุณใช่ไหม?” หญิงสาวถามขึ้น
“ใช่ เพื่อนผมบอก…มันบอกให้ผมขอให้ใครสักคนช่วยแกล้งเป็นแฟน เพราะมันเหมือนการปฏิเสธณิชาอีกทาง นอกจากการพูดตรงๆ” เหนือเมฆบอกขึ้น
“บางทีคุณก็ควรจะพูดตรงๆนะ” หญิงสาวแนะนำ
“ผมเคยพูดแล้ว ณิชาเอาแต่ร้องไห้ไม่ยอมฟังอะไรเลย แถมตอนนี้แม่ผมอยากให้ผมมีแฟนมาก ก็เลยจับคู่ผมกับณิชา… เขาไม่ใช่ผู้หญิงที่แย่หรอกนะ แต่ผมอยากคบใครสักคน อยากใช้ชีวิตร่วมกับใครสักคน เพราะความรักเท่านั้น” ชายหนุ่มพูดขึ้น
“ฉันเข้าใจแล้ว” สิมิลันเอื้อมมือมาจับมือเขา เพราะคิดว่าเขาคือเพื่อนสาวของเธอเวลาที่มีปัญหา หญิงสาวมักจะจับมือเพื่อนเพื่อเป็นการให้กำลังใจ “ฉันจะช่วยแกช้งเป็นแฟนกับคุณเอง 55 คุณไว้ใจถูกคนแล้วแหละ หวังว่าสักวันคุณจะเจอกับรักแท้ที่คุณตามหานะ” แม้จะอวยพรให้เขา แต่ในใจคนพูดก็แอบมีความรู้สึกเจ็บแปลบๆขึ้นมาซะงั้น ‘หยุดความหวั่นไฟวแค่นี้เถอะมะลิ เขาไม่มีทางมารัก มาชอบเราหรอก’
“ขอบคุณครับ” เหนือเมฆพูดแล้วหันมามองหน้าคนข้างๆ ที่เอื้อมมือมาจับมือเขาเอาไว้ มือเล็กๆทำให้เอารู้สึกแปลกๆขึ้นมาในใจทันที ราวกับมันมีสัญญาณบางอย่างกระจายออกมาถึงเขา
“ถ้าฉันเจอหน้าเพื่อนเมื่อไหร่ ขออัดหน้าเขาสักทีได้ไหม คิดได้ยังไงแผนบ้าๆเนี่ย 55 แต่ก็น่าสนุกดีนะ” หญิงสาวพูดไปหัวเราะไป
“กลัวคุณจะไม่กล้าต่อยมากกว่า” เหนือเมฆบอกนิ่งๆ
“เขาหน้ากลัว ตัวใหญ่ กล้ามโตหรอคุณ” สิมิลันทำหน้าเหยเกเมื่อนึกถึงไปหน้าเหี้ยมๆของเพื่อนเขา
“ไม่หรอก มันหล่อมากต่างหาก” เหนือเมฆบอกเสียงเข้ม เอ๊ะ ทำไมเขาต้องรู้สึกไม่ดีที่มีเพื่อนหล่อขึ้นมาเนี่ย
“อ่อ…อยากเห็นจัง” หญิงสาวตาเป็นประกายขึ้นมาทันที เมื่อได้ยินสิ่งที่คนข้างๆบอก
พอคนตัวเล็กนั่งอยู่ข้างๆพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคลิบเคลิ่ม เหนือเมฆก็รีบดึงมือตัวเองออกจากมือเล็กทันที เขารู้สึกโกรธ รู้สึกหงุดหงิดแปลกๆ เมื่อได้ยิน
พลั่กกก !!!
ประตูห้องนอนชายหนุ่มถูกพลักเข้ามาด้วยหญิงสาวคนนึงที่อยู่ในชุดเครื่องแบบทหารอากาศหญิง ใบหน้าของหญิงสาวแทบจะแเงก่ำด้วยความโกรธ เมื่อเห็นผู้หญิงอีกคนในห้องของชายในดวงใจ แถมยังนั่งอยู่บนโซฟาตัวเดียวกันอีกด้วย
ณิชาถือวิสาสะปั้มกุญแจห้องของเขาเอาไว้ ตอนที่ป้านีเผลอฝากกุญแจเอาไว้ เมื่อหลายเดือนก่อน ปกติเธอไม่คิดจะเปิดห้องเขาแบบนี้ ถ้าไม่เห็นรถและร้องเท้าผู้หญิงอยู่หน้าบ้าน และที่สำคัญเธอเดินหาทั่วบ้าน ก็เจอแต่ป้านีกับนริศ หญิงสาวควันออกหู ทั้งโมโห ทั้งเสียใจ
“มันเป็นใครคะพี่เหนือ !!!” เสียงของหญิงสาวฟังดูเหมือนกรีดร้อง มากกว่าคำถาม
“เขาคือแฟ…” เหนือเมฆกำลังจะพูด แต่โดนคนตัวเล็กข้างๆขัดขึ้นสะก่อน
“คุณเป็นใครคะ ? ฉันก็เป็น…แฟนเหนืออะค่ะ” สิมิลันพูดแล้วเข้าไปเกะแขนคนตัวสูงเอาไว้
“พี่เหนือมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ณิชาไม่ยอมให้พี่เหนือมีแฟนนะคะ” ณิชาโวยขึ้นทันที ทำท่าจะเข้ามากระชากชายหนุ่มออกไป
“โอ๊ย !! หยุดค่ะ หยุดอยู่ตรงนั้น ‘คนนี้แฟนฉัน’ เขาเป็นแฟนฉัน ใช่ไหมคะเหนือ” สิมิลันพูดพร้อมกับทำท่าออดอ้อนคนตัวสูงไปด้วย
“แฟนบ้าอะไร ปล่อยพี่เหนือเดี๋ยวนี้นะ” ณิชาวิ่งตรงเข้ามาจะกระชากหญิงสาว แต่เหนือเมฆเขยิบมาบังไว้
“ณิชา…มะลิเขาเป็นแฟนพี่” เหนือเมฆพูดขึ้นนิ่งๆ ภายในใจเขากลับรู้สึกดีเมื่อได้พูดประโยคนี้
“คุณเลิกโวยวายได้แล้ว เข้ามาในห้องแฟนฉันได้ยังไงคะ” สิมิลันพูดขึ้นทันทีเมื่อเห็นกุญแจในมือหญิงสาว
“เอ่อ…” ณิชาทำท่าอ้ำอึ้งทันที ถ้าพ่อเธอรู้เรื่องนี้ เธออาจจะต้องโดนกักบริเวณแน่ๆ
“ณิชาแอบปั้มกุญแจห้องพี่หรอ” เหนือเมฆถามขึ้น
“พี่เหนือ…คือ” ณิชาจนปัญญาจะอธิบาย น้ำตาแห่งความพ่ายแพ้ไหลอาบแก้มทันที