บทที่ 8
เหนือเมฆกับป้านีเดินนำหญิงสาวเข้าไปในห้องคนไข้ ภายในห้องมีเสียงหัวเราะของชายหญิงคู่หนึ่งและเด็กชายดังออกมา
“อาเหนือ ยายนี สวัสดีครับ” เด็กชายหันมากระพุ่มมือไหว้ทันที เมื่อเห็นชายหนุ่มกับป้านีเดินเข้ามา “โอ๊ะ โอ แฟนอาเหนือสวยจังครับ” เด็กชายเห็นหญิงสาวอีกคนก็รีบทักขึ้น “สวัสดีครับ”
“สวัสดีค่ะ พี่ไม่ใช่แฟนอาเหนือค่ะ” สิมิลันรับไหว้แล้วส่ายหน้าปฏิเสธ “สวัสดีค่ะคุณทิว สวัสดีค่ะคุณหมอ” และทักทายชายหนุ่มในชุดเครื่องแบบทหารบกกีบคุณหมอต่อ
“สวัสดีครับ/สวัสดีค่ะ” ทิวากรกับรายรุ้งพูดขึ้นพร้อมกัน
“ถ้าไม่ใช่แฟนอาเหนือ ก็คงจะเป็นนางฟ้าของน้องริศใช่ไหมครับ” เด็กชายนริศหันไปถามคนเป็นอาที่ตีหน้านิ่งอยู่
“พี่เขาชื่อพี่มะลิ จะมาเป็นพี่เลี่ยงให้นริศชั่วคราวครับ” เหนือเมฆอธิบายให้หลานฟัง
“เป็นนักเขียนที่ยายนีกับย่ารัศชอบด้วยนะคะ” ป้านีบอกเพิ่ม
“คุณมะลิเป็นนักเขียนหรอคะ” รายรุ้งถามขึ้น
“ใช่ค่ะ” หญิงสาวบอก
“นามปากกา ‘มิลัน’ น่ะค่ะ หมอรุ้งเคยอ่านไหมคะ” ป้านีถามอย่างหาแนวร่วม
“เคยค่ะ รุ้งชอบมากเลยค่ะ รุ้งขอลายเซ็นหน่อยได้ไหมคะ” รายรุ้งบอก
“คุณหมออ่านนิยายด้วยหรอครับ” ทิวากรถามรายรุ้ง
“อ่านสิคะ โห ไม่คิดเลยค่ะ ว่าจะได้เจอตัวจริงด้วย เดี๋ยวรุ้งขอไปหยิบหนังสือก่อนะคะ” รายรุ้งบอกแล้วเดินออกไป โดยมีทิวากรเดินตามออกไปอย่างเนียนๆ
“พี่มะลิจะมาอยู่บ้านเราด้วยหรอครับ” นริศถามขึ้นด้วยความตื่นเต้น
“ใช่ค่ะ” สิมิลันบอกเด็กชายด้วยความเอ็นดู
“ดีจังเลยครับ พี่มะลิมีแฟนหรือยังครับ” นริศถามอย่างมีเลศนัย
“แหม๊ น้องริศนี่ลืมพี่หมอรุ้งแล้วหรอคะ” ป้านีถามขึ้นขำๆ กับท่าทางของเด็กชายตัวน้อย
“โถ่ ไม่ลืมครับ แต่ว่า…พี่มะลิเป็นนางฟ้าของน้องริศ” เด็กชายบอกพร้อมทำท่าพยักหน้า และส่ายหัวไปมา
“อ่อ หรอคะ แล้วหมอได้บอกไหมคะ ว่าน้องริศจะออกจากโรงพยาบาลวันไหน” ป้านีถามอีก
“หมอบอกพรุ่งนี้ก็ออกแล้วครับ” คนตอบคือเหนือเมฆที่คุยกับหมอมาก่อนแล้ว
“พี่มะลิเฝ้าน้องริศคืนนี้ได้ไหมครับ” เด็กชายถามหญิงสาวอย่างอ้อนๆ
“เดี๋ยวคืนนี้อาเหนือเฝ้าเองครับ เกรงใจพี่มะลิเขา เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ได้กลับบ้านแล้ว” เหนือเมฆบอกหลานชาย แล้วเอามือลูบผมเด็กชายเบาๆอย่างเอ็นดู
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันเฝ้าเอง” สิมิลันอาสา
“คุณกลับไปเก็บเสื้อผ้า แล้วพักผ่อนเถอะครับ” ชายหนุ่มบอกเพราะเกรงใจ
“ใช่ค่ะ น้องมะลิน่าจะกลับไปเก็บของนะคะ พรุ่งนี้จะได้มาอยู่บ้านเป็นเพื่อนป้านีกับน้องริศไงคะ” ป้านีสนับสนุนอีกแรง
“โถ่…” นริศโอดขึ้น
“แล้วคุณอยากได้เงินเดือนเท่าไหร่ครับ” เหนือเมฆหันมาถามหญิงสาว
“ไม่เป็นไรค่ะ บ.ก.จ้างฉันพิเศษแล้ว” สิมิลันปฏิเสธทันที เพราะเธอได้ทำข้อตกลงกับ บ.ก.สาวไปแล้ว
“ไม่ได้หรอกครับ มันคนละส่วนกัน” ชายหนุ่มแย้ง
“ฉันไม่เอาจริงๆค่ะ ขอบคุณนะคะ” สิมิลันบอกอีก
เมื่อเห็นหญิงสาวปฏิเสธเหนือจึงไม่เซ้าซี้อะไรอีก
“แล้วสรุปว่าพี่มะลิมีแฟนหรือยังครับ” นริศถามขึ้นอีกครั้ง
“ 555 ยังค่ะ” สิมิลันตอบขำๆ เมื่อเด็กชายถามย้ำอีกครั้ง
เหนือเมฆอาสาขับรถมาส่งหญิงสาวที่บ้าน เมื่อเธอบอกว่าจะกลับมาเก็บเสื้อผ้า หญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆคนขับมีสีหน้าครุ่นคิดมาตลอดทาง ภายในรถมันเงียบจนแทบจะได้ยินเสียงหายใจ สิมิลันแอบหันไปมองหน้าเขาหลายครั้ง และรีบหันกลับไม่ให้เขารู้
“คุณ…” เหนือเมฆเรียกคนข้างๆ “มองหน้าผมทำไม ? “ คำถามของชายหนุ่มทำให้คนฟังเหมือนโดนฟ้าผ่า
‘นี่เขารู้ตัวมาตลอดเลยหรอ ว่าฉันมอง !!! โอ๊ย ตาบ้า’ สิมิลันคิดในใจ
“คะ ฉันไม่ได้มอง ไม่ได้มองคุณเลยสักนิด คุณนี่ !” หญิงสาวหันมาบอกแล้ว หันไปมองกระจกไม่หันมาอีกเลย
“ครับ” เหนือเมฆพูดขึ้น เหมือนกับจะกวนประสาทคนข้างๆ
‘ครับอะไรยะ จะกวนประสาทฉันหรือไง นายนี่มัน… ฮึ่ย !!!’ สิมิลันอดหงุดหงิดเขาไม่ได้ ถ้าอยู่ในกาตูนหญิงสาวอาจจะหน้าแดงจนควันออกหูไปแล้วก็ได้
“ไม่น่าล่ะ ถึงไม่มีแฟน หึ” สิมิลันบ่นงุบงิบคนเดียว แต่คนฟังก็ยังได้ยิน
“ครับ” เหนือเมฆรับคำยิ้มๆ โดยที่คนข้างๆไม่ทันเห็น
“ครับอะไรของคุณ ? “ หญิงสาวหันมาถาม
“ก็…เมื่อกี้คุณบอกว่า…” เขากำลังจะพูดแต่โดนขัดสะก่อน
“ฉันบอกว่าฉันหิวข้าว ใช่ๆ งั้นคุณจอดตรงนี้แหละ ฉันจะลงไปซื้ออะไรกิน เดี๋ยวฉันเข้าบ้านเอง ขอบคุณนะคะ” สิมิลันรีบพูดทันที ‘ดันมาได้ยินอีก หูดีเกินไปแล้วนะคุณเนี่ย’ หญิงสาวบ่นในใจต่อ
“ครับ” เหนือเมฆตอบนิ่งๆ ทั้งที่เขาก็อยากจะหัวเราะท่าทางของหญิงสาว
“ขอบคุณค่ะ” สิมิลันขอบคุณและถอนหายใจออกมา
ชายหนุ่มแอบลอบยิ้ม แล้วขับรถเลยเข้ามาในหมู่บ้านของหญิงสาวโดยไม่จอดให้ลง ปกติเขาก็ไม่คิดจะแกล้งใครสักนิด แต่ถ้าเป็นผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆคนนี้ เขาอยากจะลองแกล้งให้เธอแสดงอาการหงุดหงิด อารมณ์เสีย โมโหขึ้นมาสะอย่างนั้น ท่าทางของเธอดูน่ารักเหมือนกับเด็กๆ ตั้งแต่เจอกันเขาเองก็เผลอยิ้มให้กับท่าทางเปิ่นๆ ซุ่มซ่ามของเธอไปหลายที
“คุณคะ…” สิมิลันพูดและหยุดไว้แค่นั้น
“ครับ” เขาแกล้งไม่รู้ว่าหญิงสาวจะพูดอะไร
“ไม่มีอะไรค่ะ” สิมิลันพูดแค่นั้น แล้วหลับตาลงเพื่อข่มสติลง ถ้าเธอกับเขาเป็นเพื่อนกัน เธออาจจะเอื้อมมือไปทึงหัวเขาเล่น ให้หน้ากากนิ่งๆนั้นหลุดออกมาเหลือเกิน ใครจะรู้ว่าแท้จริงแล้ว ผู้ชายตรงหน้าเธอชั่งยียวนกวนประสาทแบบหลบในสุดๆไปเลย
“ถึงแล้วครับนางฟ้า…ของน้องริศ” เขาจอดรถแล้วพูดมันด้วยท่าทางนิ่งๆ
“ขอบคุณค่ะ” สิมิลันรับรู้ได้ถึงความกวนของเขาเป็นอย่างดี หญิงสาวรีบมองไปที่ประตูว่าปลดล็อกแล้วหรือยัง เธอไม่อยากจะหน้าแตกให้เขาเห็นหลายๆรอบนักหรอก
เมื่อเห็นว่าไม่ได้ล็อกสิมิลันก็รีบเปิดประตูลงไปทันที โดยไม่หันมามองอีก…
รถค่อยๆแล่นออกไปจากหน้าบ้าน หญิงสาวรีบหันกลับมาดูด้วยความโล่งใจ
“โอ๊ย ตาบ้านี่ !!! กวนประสาทที่สุดเลย ฮึ่ยยย !!!” สิมิลันพูดแล้วต่อยมือขึ้นกลางอากาศ แล้วเปิดประตูเดินเข้าบ้านอย่างหัวเสีย