บทที่ 7
สิมิลันนั่งมองอาหารมากมายที่ถูกยกมาวางบนโต๊ะทีละอย่าง ของบนโต๊ะส่งกลิ่นหอมจนกระเพาะแทบจะทนรอไม่ไหว คนยกอาหารออกมามองหญิงสาวอยู่เช่นกัน
“คุณกินก่อนก็ได้นะ” เหนือเมฆพูดขึ้น เมื่อเห็นอาการของคนตรงหน้า
“กินก่อนได้หรอ ?” หญิงสาวตรงหน้าถามขึ้นตาโต
“อือ…” เขาตอบแล้วตักข้าวใส่จานยื่นให้เธอ “ไม่ได้กินอะไรมาเลยใช่ไหม?” ดขาถามขึ้นนิ่งๆ เหมือนจะคุยกับตัวเองมากกว่า
“ใช่ๆ ยังไม่ได้กินมาเลย…” สิมิลันตอบ แล้วเริ่มตักแกงจืดด้วยช้อนกลาง
“อ่อ” เขาพยักหน้ารับรู้
“นี่ฉันเกรงใจคุณจัง นั่งลงกินด้วยกันสิ” หญิงสาวพูดราวกับเธอเป็นเจ้าบ้านเสียเอง
สิมิลันวางช้อนแล้วลุกเดินมายืนข้างๆผู้ชายตัวโตสูงโปร่งที่ทำให้เธอดูตัวเล็กนิดเดียวเมื่อยืนอยู่ข้างเขา เธอเปิดหม้อแล้วจับทัพพีขึ้นมาตักข้าวใส่จานด้วยมือซ้ายที่ไม่ค่อยถนัด เลยทำให้ดูเก้ๆกังๆ
“เดี๋ยวผมตักเอง” เหนือเมฆทำท่าจะแย่งทัพพีในมือของหญิงสาว
“ฉันตักให้” หญิงสาวแกว่งทัพพีในมือหลบเขา
เคร้งง !
ทัพพีเจ้ากรรมหลุดออกจากมือของสิมิลันตกไปที่พื้นทันที
“ - _ - “ เหนือเมฆมองตามนิ่งๆ เหมือนกลับจะพูดว่า ‘ว่าแล้วเชียว’ อะไรอย่างนั้น
“แฮะๆ ฉันขอโทษนะ ขอโทษค่ะ” ถ้าเป็นเวลาปกติมือที่พนมไหว้ขอโทษเขา เธอคงจะเอาไว้จับหัวตัวเองโขกลงกับโต๊ะแน่ๆ
“ไม่เป็นไรครับ” เหนือเมฆพูดแล้วยกมือขึ้นห้ามหญิงสาว
“ฉันขอโทษค่ะ” หญิงสาวพูดอีกครั้งแล้วก้มเก็บทัพพีขึ้น
“เดี๋ยวผมเอาไปล้างเอง” เขาบอกแล้ว ทำท่าจะดึงทัพพีออกจากมือคนตรงหน้า
“เดี๋ยว…” สิมิลันกำลังจะแย้ง แต่ถูกขัดขึ้นก่อน
“ห้ามปฏิเสธนะครับ” เขาพูดแล้วดึงทัพพีออกจากมือหญิงสาวเบาๆ แล้วเดินไปทางห้องครัว
“โอ๊ย มะลิแกดึงสติหน่อยสิ วันนี้มันวันอะไรเนี่ย ซุ่มซ่ามจริงๆเลย นี่ฉันต้องขายหน้าผู้ชายคนนี้อีกสักกี่รอบเนี่ย” สิมิลันบ่นกับตัวเองตามลำพัง
“น้องมะลิคะ ป้านีเอาทัพพีอันใหม่มาให้” ป้านีเดินออกมาจากครัวพร้อมทัพพีอันใหม่ แล้วมองคนตรงหน้าด้วยความเอ็นดูในความเปิ่นของเจ้าตัว
“ขอบคุณนะคะ แฮะๆ” หญิงสาวรับทัพพี แล้วกำลังจะตักด้วยมือซ้าย
“ป้าตักเองดีกว่าค่ะ” ป้านีบอกกับคนที่ตักข้าวใส่จานอย่างเงอะงะ
“ไม่เป็นไรค่ะ” หญิงสาวปฏิเสธคนอาวุโสกว่า
“ดื้ออย่างนี้ ถ้าอยู่กับน้องริศนี่ต้องบ้านแตกแน่เลย” ป้านีบอกขำๆ
“อ่อ…หนูได้ยินว่าน้องริศเข้าโรงพยาบาล แล้วหนูจะได้เจอน้องริศเมื่อไหร่คะ” หญิงสาวถามป้านี
“เดี๋ยวกินข้าวกินปลาเสร็จ ป้าก็ว่าจะไปเฝ้าน้องริศที่โรงพยาบาลค่ะ ตอนนี้คุณทิวกับหมอรุ้งเฝ้าให้อยู่น่ะค่ะ” ป้านีอธิบาย และเอ่ยถึงคนทั้งคู่ที่ดูเหมือนว่ากำลังกิ๊กกั๊กกันอยู่
“คุณทิวกับคุณหมอเป็นพ่อกับแม่ของน้องริศหรอคะ” สิมิลันถามด้วยความสงสัย
“อุ๊ย ไม่ใช่ค่ะ 555” คนแก่หัวเราะชอบใจ เพราะก็แอบเชียร์นี้อยู่ห่างๆด้วยเหมือนกัน
“อ้าว มะลิคิดว่าเป็นพ่อกับแม่ของน้องริศสะอีกค่ะ” มะลิบอกกับคนสูงวัยกว่า
“พ่อกับแม่นอกริศเปิดร้านอาหารอยู่ต่างประเทศนู่นค่ะ นานๆจะกลับมาที บ้านนี้มีแค่ป้านี คุณรัศแม่ของน้องเหนือ น้องเหนือ แล้วก็น้องริศเท่านั้นค่ะ” คนแก่กว่าอธิบายให้หญิงสาวเข้าใจ
“ค่ะ แล้วพ่อคุณเหนือล่ะคะ” เธอถามอย่างสงสัย
“พ่อคุณเหนือเสียแล้วค่ะ” ป้านีบอก
“ขอโทษนะคะ หนูไม่น่าถามเลย” หญิงสาวบอกและยกมือไหว้
“ไม่เป็นไรค่ะ น้องมะลิถามก็ดีแล้วค่ะ เพราะเดี๋ยวน้องมะลิก็ต้องมาอยู่บ้านนี้แล้ว” ป้านีบอกอย่างเอ็นดู
“อะไรนะคะ !!?” สิมิลันถามขึ้นงงๆ
“ก็น้องมะลิจะมาเป็นพี่เลี้ยงชั่วคราวให้น้องริศจนกว่าจะเขียนนิยายเสร็จไม่ใช่หรอคะ เมื่อเช้าก่อนน้องเหนือออกไปรับน้องมะลิ คุณบ.ก.ของน้องมะลิโทรมาขออนุญาติน้องเหนือให้เรียบร้อยแล้วค่ะ”
“แล้วหนูต้องมาอยู่ที่นี่หรอคะ” สิมิลันถามขึ้นอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“ใช่ค่ะ คุณบ.ก.ขอให้น้องมะลิอยู่ที่นี่ชั่วคราว แล้วยังบอกอีกว่าถ้าน้องมะลิมีปัญหาหรือสงสัยอะไรให้โทรไปถามได้” ป้านีบอก
“อ่อค่ะ งั้นหนูขอไปโทรศัพท์คุยกับ บ.ก. แปปนึงนะคะ” สิมิลันหยิบโทรศัพท์แล้วเดินออกมาที่สวนหน้าบ้าน
การสนทนาของหญิงสาวกับป้านี และบ.ก.อยู่ในสายตาของเขาทั้งหมด เหนือเมฆแอบมองปฏิกิริยาของหญิงสาวหลายๆอย่างในวันนี้ เขารู้สึกว่าเธอดูไม่มีพิษภัยอะไร ยกเว้น เรื่องความเปิ่นและโก๊ะของเธอ แถมรุ่นพี่ของเขาและบ.ก.ของเธอยังรับประกันว่าจะรับผิดชอบหากเกิดอะไรขึ้นกับคนในบ้านเขาเพราะเธออีกด้วย ชายหนุ่มเบาใจลงเมื่อเขาสามารถไว้ใจเธอได้ในระดับนึง แต่หลังจากวันนี้เป็นต้นไปเขาคงต้องกลับบ้านบ่อยๆเพื่อดูหญิงสาวไปอีกสักระยะ เพื่อความแน่ใจ