บท
ตั้งค่า

บทที่ 9

ภายในห้องพักผู้ป่วยพิเศษหญิงสาวผมยาวนั่งอยู่บนเตียงหันมายิ้มให้กับพี่สาวคนละแม่ที่มาเยี่ยมเธอเป็นคนแรก

หลังจากได้รับการติดต่อจากรพีฉายเรื่องของน้องสาว ศิวพรรีบมาทันที แม้ว่าจะเป็นลูกคนละแม่ แต่ศิลดาก็เป็นญาติเพียงคนเดียวที่เธอเหลืออยู่ตอนนี้ เพราะหลังจากย้ายไปอยู่อังกฤษได้ 1 ปี แม่ของเธอก็เสีย

"ขอบคุณพีมากนะที่โทรไปบอกแบม โชคดีนะที่ป้าสร้อยยังเก็บเบอร์แบมไว้" ศิวพรโทรมาขอบคุณรพีฉาย ยังดีที่คนข้างบ้านยังเก็บเบอร์ของเธอไว้

(ไม่เป็นไรเราก็คนกันเอง) รพีฉายตอบ ใบหน้าเจ้าตัวยิ้มแย้มอย่างปลื้มปริ่มในแผนการของตัวเอง

"ยังไงก็ขอบคุณนะ พี..." ศิวพรพูดแล้วเงียบไป

(อะไรหรอ)

"ทิวเป็นยังไงบ้าง" ศิวพรถามถึงอีกคน

(มันก็สบายดี) รพีฉายสะดุ้งเมื่อได้ยินชื่อเพื่อนรักที่เขาวางแผนให้ไปโคราช จนตอนนี้ก็เย็นแล้วยังไม่มีการติดต่อจากทิวากรเลย

"หรอ ?"

(ใช่ มันก็เรื่อยๆของมันนั้นแหละ) รพีฉายตอบ

ศิวพรถามถึงสารทุกข์สุขดิบแล้ววางสายไป รพีฉายที่นึกถึงเพื่อนขึ้นมารีบกดโทรศัพท์โทรหาทันที แต่สิ่งที่ได้รับคือทิวากรปิดเครื่อง มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย !!!

"ไอ้เหนือ" รพีฉายเรียกคนข้างๆ

"อะไร" เหนือเมฆที่เหมือนจะหลับตอบมา

"ไอ้ทิวมันปิดเครื่อง" รพีฉายบอกอย่าหวาดๆ

"แล้ว ?" คนไม่ผิดถาม

"ทำไงดีวะ" รพีฉายกุมขมับ

ทิวากรที่ขับรถไปเรื่อยๆตามทาง เขาเคยมาที่นี้หลายปีแล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าเส้นทางจะเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ นี้ก็จะมืดแล้วแต่อีกร้อยกว่าโลกว่าจะถึงที่หมาย คนข้างๆก็หลับมาตลอดทาง โทรศัพท์ของทิวากรก็เกิดแบตหมดซะงั้น จะยืมโทรศัพท์คนข้างๆมาดูจีพีเอสก็ไม่กล้าปลุก เลยต้องแวะถามข้างทางไปเรื่อยๆ

ทิวากรเลือกที่จะมาที่นี่แทนการติดต่อศิวพรด้วยวิธีอื่น เพราะไม่อยากเกี่ยวข้องอะไรกันอีก เขาเข้าใจหญิงสาวดีว่าเธอคงทนไม่ได้ที่เขาไม่มีเวลาให้ แต่เธอล่ะ ไม่เคยเข้าใจเขาเลย ทั้งที่สิ่งที่เขาทำเป็นความฝันเป็นเป้าหมายของชีวิตตั้งแต่วัยเด็ก ทิวากร เหนือเมฆ และรพีฉายมีความฝันอยากจะเป็นทหารเหมือนกัน แต่คนที่พยายามมากที่สุดเห็นจะเป็นทิวากร เพราะเขาไม่ได้เรียนเก่งเหมือนเหนือเมฆ หรือว่ายน้ำได้เก่งแบบรพีฉาย เมื่อได้มีโอกาสทำตามความฝันของตัวเองเขาจึงทุ่มเทแรงกายแรงใจ และเวลาทั้งหมดให้สิ่งที่รัก แต่ก็ต้องสูญเสียคนข้างๆที่เขาก็รักมากอย่างศิวพรไป

ตอนที่หญิงสาวมาบอกเลิก ชายหนุ่มที่เข้มแข็งกลับอ่อนแอขึ้นมาทันที แต่พ่อและแม่คอยปลอบและคอยให้กำลังใจเสมอ แถมยังมีรพีฉายที่คอยพาไปนู่นไปนี่ ทำให้เขาทำใจได้รวดเร็ว แต่ก็ยังไม่อยากรักใครจริงๆจังๆ ยิ่งตอนนี้มีหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่รออยู่ แต่ก็เหมือนชีวิตต้องแขวนอยู่บนเส้นด้าย...

"คุณทิวคะ อีกไกลไหมคะเนี่ย" รายรุ้งที่เพียงตื่นถามขึ้น

"อีกร้อยกว่าโลนู่นล่ะครับ ขอโทษนะครับคุณหมอผมไม่ได้มานานแล้ว เลยหลง แหะๆ" ทิวากรพูด

"5555 ไม่เป็นไรค่ะ นี่ก็จะเย็นแล้ว กว่าจะถึงอีก แล้วเราจะพักที่ไหนคะเนี่ย" รายรุ้งหัวเราะ แต่พอนึกถึงเรื่องที่พักก็เครียดขึ้นมาทันที

"เดียวถ้าถึงที่นั้นแล้ว เราค่อยออกมาหาโรงแรม ไม่ก็รีสอร์ทก็ได้ครับ" ทิวากรเสนอความคิด เพราะมันต้องเป็นเช่นนั้นแน่ และเขาก็ไม่อยากค้างบ้านศิวพรด้วย

"ค่ะ" รายรุ้งตอบ แล้วนั่งคิดอะไรไปเรื่อย อยู่ๆโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

รายรุ้งดูชื่อบนหน้าจอแล้วกดรับ

"ฮัลโหล"

(รุ้งอยู่ไหน ที่บ้านก็ไม่อยู่) เสียงธาดากรพูดอย่างหงุดหงิด เขาหารูปสมัยเด็กๆมาทั้งวันทั้งคืนแล้วก็ไม่มี

"มาธุระนิดหน่อย เดียวตอนกลับแวะเอารูปที่บ้านแม่ให้นะ" รายรุ้งตอบอย่างรู้ทัน สงสัยว่าทำไมธาดากรถึงอยากได้รูปตอนเด็กนัก

(โอเค ขอบใจมาก แค่นี้แหละ) พูดจบก็ตัดสายไปเฉยๆ ไม่รู้รีบร้อนอะไรนักหนา

"คุณทิว กลับจากบ้านเพื่อนคุณแล้วแวะที่นครนายกได้ไหมคะ" รายรุ้งถาม

"อ่อ ได้ครับ" ทิวากรตอบ แล้วในรถก็ตกอยู่ในความเงียบ

รายรุ้งนั่งสับสนอยู่ในโลกส่วนตัวของตัวเอง ตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยไปไหนสองต่อสองกับผู้ชายคนอื่นเลย นอกจากพ่อกับธาดากร ขนาดตอนมีแฟน เวลาไปไหนด้วยกันเธอก็จะลากธาดากรไปด้วยตลอด แต่ทำไมนะ ? ทำไมกับทิวากรเธอถึงไว้ใจเขานัก ? แล้วยิ่งมาไกลขนาดนี้เธอไว้ใจผู้ชายข้างๆที่พึ่งเจอกันไม่กี่ครั้งได้ยังไง ? แล้วทำไมถึงรู้สึกดีเวลาที่ได้อยู่ใกล้ๆผู้ชายคนนี้ ? คำถามมากมายเกิดขึ้นในหัว คนอย่างรายรุ้งไม่ใช่คนโง่ แต่สำหรับคำถามพวกนี้เธอยังไม่มีคำตอบ...

ทิวากรเองก็ตั้งใจขับรถแล้วดูทางอย่างเก็งๆ เพราะรู้ว่าถูกคนข้างๆมองอยู่ เขาชักหงุดหงิดรพีฉายขึ้นมานิดๆ ทำไมเส้นทางที่เขาถามรพีฉายเพื่อความแน่ใจ มันถึงได้สับซ้อนวกไปวนมา พอคิดมาถึงตรงนี้พึ่งนึกได้ว่าตนเองปรึกษาคนผิดซะแล้ว รพีฉายน่ะมันเจ้าเล่ห์ จอมวางแผน หึๆ

"ไอ้พี" เหนือเมฆสกิดเพื่อนที่หลับอยู่ข้างๆ

"ว่าไง" รพีฉายตอบทั้งที่ยังหลับตาอยู่

"ที่โทรตามมานี่จะมาให้นั่งดูพระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตกหรอวะ แล้วคืนนี้จะนอนตรงชายหาดนี่ใช่ไหม" เหนือเมฆพูด

"นอนก็นอน" รพีฉายตอบง่ายๆ เขาเคยนอนอย่างนี้มานับครั้งไม่ถ้วน อากาศดีจะตาย :)

"งั้นฉันไปนอนในบ้าน อยากนอนนี่ก็นอนไป" เหนือเมฆบอกแล้วลุกขึ้นเดินไปหาบ้านพักข้าราชการของรพีฉายทันที เรื่องอะไรจะมานอนให้ยุงกินเลือดเล่น ไม่ได้เป็นโรคจิตแล้วก็รักทะเลยิ่งกว่าชีวิตแบบรพีฉายสักหน่อย -.-

ด้านทิวากรพอถึงที่หมายก็ปาไปเกือบ 2 ทุ้มบริเวณไร่องุ่นของศิวพรมีไฟส่องทางเป็นระยะ มันดูเงียบสงบมากๆ แต่ก็มีหลายๆอย่างเปลี่ยนไป เขาจอดรถหน้าบ้านหลังใหญ่ ก่อนจะปลุกคนข้างๆ

"คุณรุ้งถึงแล้วครับ" ทิวากรเรียก คนถูกปลุกก็งัวเงียลืมตาดู

"งั้นรุ้งลงไปคุยกับเขาเลยนะคะ" รายรุ้งรีบบอกเพราะดึกมากแล้ว ไหนจะต้องออกไปหาที่พักอีก

"ครับ" ทิวากรตอบ เพราะเขาเองก็ไม่ต้องการลงไปเจอศิวพรอยู่แล้ว ...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel