บท
ตั้งค่า

บทที่ 8

ทิวากรขับรถเรื่อยๆไปตามถนน โดยมีเด็กชายนริศนั่งอยู่ตรงเบาะข้างคนขับ สองอาหลานนั่งเงียบเหมือนทั้งคู่กำลังอยู่ในโลกส่วนตัวของตัวเอง ทิวากรที่ในหัววนเวียนอยู่แต่เรื่องหน้าที่ที่พึ่งได้รับมอบหมาย แต่กลับมีหน้าคุณหมอลอยมาเสียนี่ ทำให้ชายหนุ่มสะบัดหัวแรงๆเรียกสติอย่างลืมตัว

"อาทิวปวดหัวหรอ"

"เปล่าครับ"

"แล้วอาทิวสะบัดหัวทำไมครับ" เด็กชายถามเซ้าซี้ไปตามประสา

"ไล่ยุ้งครับ" ชายหนุ่มก็แถจนสีข้างถลอก

"ครับ" เด็กชายตอบแล้วกลับไปนั่งเงียบอย่างเดิม

พอรถจอดที่ลานจอดรถของโรงพยาบาลปุ๊บนริศรีบวิ่งลงจากรถทันที เพราะเด็กชายพึ่งนึกได้ว่าวันนี้นัดฉีดยาเข็มสุดท้าย ถ้าไม่ป่วยก็จะอดมาเจอพี่หมอรุ้ง

"อาทิวรีบตามมานะครับ" เด็กชายหันมาตะโกนบอก

ทิวากรที่เคยหนักแน่นมาตลอด แต่ตอนนี้กลับหวาดกลัวอะไรสักอย่าง ชายหนุ่มคิดทบทวนอยู่หลายครั้ง เขากลัวอะไรกันแน่ คิดอยู่สักพักจึงกดโทรศัพท์โทรหาเพื่อนรัก

(ฮัลโหล) ปลายสายรับโทรศัพท์

"ว่างป่ะ"

(อือ หึ)

"เป็นไรวะไอ้พี" คนโทรอยากจะปรึกษาเรื่องของตัวเอง แต่เเห็นเพื่อนแปลกๆจึงถามขึ้นก่อน

(เบื่อๆ) ปลายสายตอบสั้นๆ

"อะไรของแกวะ ปกติไม่เห็นเป็นแบบนี้นะ อกหักหรือไง"

(ประมานนั้น) ปลายสายยอมรับ

"สมน้ำน่า อยากเยอะดีนัก"

(ตอนนี้เลิกหมดละ)

"แน่ว่าเลิกแล้ว"

(เออสิ โทรมามีไรไหมเนี่ย) ปลายสายโดนกวนประสาทก็เริ่มหงุดหงิด

"มีเรื่องจะปรึกษาว่ะ แต่เห็นแบบนี้ละไม่ดีกว่า" คนโทรพูดไปขำไป

(ก็พูดมาเหอะ แค่นี้จิ๊บๆ 55) คนอกหักหัวเราะร่าเริงเหมือนเดิม

"ก็...รู้สึกแปลกๆ ไม่เหมือนเดิม" ทิวากรพูดแล้วเงียบไป

"ไม่เหมือนเดิมยังไงวะ" ปลายสายถามอย่างงงๆ

ทิวากรเล่าเรื่องทั้งหมดให้เพื่อนฟัง ตลอดการเล่ามีแต่เสียงหัวเราะของคนเป็นเพื่อนแทนคำตอบ

(ไอ้ทิวครับ ข้าว่าเองมีความรักว่ะ) รพีฉายพูดไปก็ขำไป

"ไอ้พี ข้าไม่มีความรักซะหน่อย" ทิวากรเถียง เขาจะรักคนที่พึ่งรู้จักกันจริงๆน่ะหรอ

(เรื่องหัวใจพูดยาก คิดเอาเองแล้วกัน ไม่มีใครรู้ดีเท่าหัวใจของแก...) ปลายสายพูดขำๆแล้วตัดสายไป ปล่อยให้เพื่อนสับสนอยู่กับความคิดของตัวเอง

ทิวากรนั่งรออยู่หน้าห้องตรวจเหมือนเดิมโดยไม่คิดที่จะเข้าไป เพราะชายหนุ่มกำลังคิดเรื่องความรู้สึกของเขาที่มีให้คุณหมอในห้องนี่ต่างหาก และอีกอย่างน้องริศก็เริ่มชินกับเข็มฉีดยาแล้ว

"อาทิวครับ พี่หมอรุ้งเรียกครับ" นริศเดินออกมาเรียกชายหนุ่ม

"ครับ" ทิวากรตอบรับแล้วเดินเข้าไป

"สวัสดีครับคุณหมอ" ชายหนุ่มทักทายคนตัวเล็กที่กำลังนั่งเขียนเอกสารอยู่ที่โต๊ะ

"คุณทิวคะ รุ้งมีเรื่องผู้หญิงคนนั้นจะปรึกษาค่ะ เธออาการดีขึ้นแล้ว แต่ว่า..." รายรุ้งกำลังพูด แต่ถูกแทรกซะก่อน

"ผู้หญิงคนไหนหรอครับ" นริศถามขึ้น

"พี่หมอกับอาทิวช่วยพี่สาวคนนึงไว้ค่ะ พี่เขาไม่สบายน่ะ น้องริศไปรอรับยากับพี่พยาบาลคนสวยนะคะ พี่หมอกับอาทิวมีธุระนิดหน่อย" รายรุ้งเลี่ยงตอบ แล้วให้พยาบาลพาเด็กชายไปรอรับยา เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นกับคนไข้ที่เธอและเขาช่วยเอาไว้ เป็นเรื่องของความรุนแรงที่เด็กไม่ควรรู้ แต่เด็กชายนริศไม่ยอมง่ายๆ

"ริศรู้ไม่ได้หรอครับพี่หมอรุ้ง" นริศถามอย่างคนหัวรั้น

"ใช่ครับ มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ถ้าริศโต เดี๋ยวริศก็จะรู้เอง" ทิวากรก้มตอบหลานชายแล้วลูบหัวเบาๆเป็นเชิงกล่อมให้เด็กชายเชื่อฟังแต่โดยดี

"งั้นริศไม่ฟังก็ได้ครับ" เด็กชายยอมออกไปรับยาพร้อมกับพยาบาลอย่างว่าง่าย

ในห้องจึงเหลือเพียงคุณหมอที่กำลังหาอะไรบางอย่างใต้โต๊ะ กับชายหนุ่มที่นั่งลงตรงเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม

"นี่ค่ะ..." คุณหมอหยิบบัตรประชาชนใบหนึ่งขึ้นมายื่นให้ทิวากร

"ของเขาหรอครับ" ทิวากรถามแล้วรับบัตรมาดู นามสกุลของเจ้าของบัตรนั้นเขาเคยได้ยินมาบ่อยครั้ง

'ศิลดา วัฒนรักษ์'

"วัฒนรักษ์..." เขาคุ้นกับนามสกุลนี้เพราะ...

"คุณรู้จักหรอคะ" คุณหมอถามขึ้น

"เพื่อนเก่าผมใช้นามสกุลนี้ครับ" ชายหนุ่มตอบ

"ผู้หญิงคนนั้นเป็นเพื่อนคุณหรือเปล่าคะ"

"ไม่ใช่แน่นอนครับ" ชายหนุ่มตอบแล้วนิ่งไป...

"คุณทิวคะ งั้นคุณทิวลองไปพบเขาดูไหมคะ" คุณหมอชวนชายหนุ่ม

"ครับ" ชายหนุ่มตอบแล้วลุกขึ้นยืน

ภายในห้องพักคนไข้พิเศษมีเพียงหญิงสาวผมยาวนั่งมองออกไปนอก หน้าต่าง เม่อมองดวงอาทิตย์ที่ค่อยๆลาลับขอบฟ้าไปที่ละน้อย

"คุณโลมาคะ หมอมาแล้วค่ะ" คุณหมอเปิดประตูเข้าไปแล้วเรียกเจ้าของห้อง

"คุณหมอ นั้นเรียกว่าอะไรคะ" คนไข้ที่นั่งมองออกไปนอกหน้าต่างหันมาถามคุณหมอ และอีกคนที่เดินเข้ามาด้วย "คุณเป็นใคร" หญิงสาวถามขึ้น

"นั้นเรียกว่าพระอาทิตย์ค่ะ ส่วนนี่เพื่อนของหมอเอง ชื่อทิวค่ะ " คุณหมอบอก

"ค่ะ"

ทิวากรเมื่อได้มองหน้าคนที่เขาช่วยชีวิตไว้วันนั้นชัดๆ ตอนแรกก็ตกใจไม่น้อยหญิงสาวตรงหน้าคล้ายกับคนๆนึงที่เขาเคยรู้จัก แต่ถ้าหากมองดีๆ ก็จะรู้ว่าไม่ใช่คนเดียวกันแน่นอน

"ผมชื่อทิวนะครับ คุณชื่อโลมาใช่ไหม" ทิวากรแนะนำตัวกับหญิงสาวแล้วยิ้ม

"เอ่อ คุณทิวคะ จริงๆแล้วเธอไม่ได้ชื่อโลมาหรอกค่ะ" รายรุ้งหันมากระซิบคนตัวสูง

"อ้าว แล้วทำไม..."

"คือเธอความจำเสื่อมค่ะ จำอะไรไม่ได้สักอย่าง เพราะสมองของเธอได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ตอนนี้อาการก็ยังน่าเป็นห่วงค่ะ มีเลือดคลั่งอยู่ตามจุดต่างๆที่ได้รับการกระทบกระเทือน" คุณหมอพูดกับชายหนุ่มให้ได้ยินกันแค่สองคน

"คุณหมอแจ้งความหรือยังครับ" ชายหนุ่มถาม

"เรียบร้อยแล้วค่ะ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก เราไม่มีหลักฐานอะไรนอกจากร่องรอยกายถูกทำร้ายบนร่างกายของเธอ แล้วอีกอย่างเธอก็ไม่สามารถให้การณ์กับตำรวจได้ด้วยค่ะ" คุณหมอบอก "แต่..." รายรุ้งพูดแล้วเงียบไป ทำให้คนตั้งใจฟังขมวดคิ้วน้อยๆ

"รุ้งจะไปตามหาญาติของเขาค่ะ อย่างน้อยถ้าเขาได้อยู่กับคนที่คุ้นเคยกัน ความจำเขาอาจจะกลับมา แล้วอีกอย่างป่านนี้ญาติเขาอาจจะตามหากันให้วุ่นแล้ว" รายรุ้งบอกเล่าความคิดของเธอให้คนข้างๆฟัง แปลกนะทั้งๆที่เธอก็ไม่เคยไว้ใจใครได้มากขนาดนี้ ขนาดธาดากรที่เป็นเพื่อนสนิทยังไม่รู้เรื่องนี้ด้วยซ้ำ

"งั้นผมไปด้วยครับ" ทิวากรอาสาทันที เขาเห็นสภาพของผู้หญิงคนนั้น แล้วยิ่งเป็นห่วงคุณหมอไปกันใหญ่

"ค่ะ :) " คุณหมอยิ้ม ใจชื้นมาหน่อย คิดว่าต้องออกโรงคนเดียวซะแล้ว

"คุณหมอจะไปตามหาญาติเขาวันไหนครับ"

"พรุ่งนี้ค่ะ พอดีเป็นวันหยุด ถ้าคุณทิวไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะคะ" รายรุ้งบอก

"พรุ่งนี้ก็วันหยุดผมนะ แล้วคุณหมอจะไปตามที่ไหนครับ"

"คงไปสถานนีตำรวจค่ะ ไปสอบถามว่ามีใครมาตามหาคนหายบ้างหรือเปล่า" รายรุ้งอธิบายความคิดของเธอ

"คุณหมอครับ ผมบอกคุณหมอว่าเพื่อนเก่าผมนามสกุลนี้ใช่ไหมครับ งั้นเราไปถามที่บ้านเพื่อนผมกันไหม เผื่อเขาเป็นญาติกัน" ทิวากรเสนอความคิดบ้าง

"ถ้างั้นก็ได้ค่ะ" รายรุ้งตกลง

"งั้นพรุ่งนี้เช้าผมไปรับคุณหมอที่บ้านนะครับ" ทิวากรบอกแล้วรอคำตอบลุ้นๆ

"ค่ะ" รายรุ้งตอบ แล้วหันไปมองคนไข้ที่นั่งดูทีวีอยู่บนเตียงเงียบๆ

"คุณหมอ โลมาอยากแต่งงาน" คจู่ๆ หญิงสาวก็พูดขึ้นมา

"เอ่อ...โลมาจะแต่งกับใครคะ" รายรุ้งถาม

"แต่งกับคนนั้นไง คนในทีวีไง" คนไข้ชี้ไปที่ทีวี

"อ่อ จางกึนซอก เขาชื่อจางกึนซอกนะโลมา" รายรุ้งตอบแล้วขำ

"งั้นผมกลับก่อนนะครับ พรุ่งนี้เจอกันครับ" ทิวากรลาคุณหมอแล้วลุกขึ้นยืน เดินตรงไปเพื่อจะลาโลมาด้วย

"พี่ทิว พี่ทิว พี่ทิว โลมาจำได้" ทิวากรกับรายรุ้งตกใจที่หญิงสาวพูดขึ้น เธอจำทิวากรได้ แปลว่าเคยรู้จักกันมาก่อน

"ใช่ นี่พี่ทิว โลมารู้จักแบมใช่ไหม" ทิวากรถามหญิงสาว ถึงจะไม่อยากเอ่ยถึงอีกคนสักเท่าไหร่

"แบม แบม เป็นพี่ของโลมา" หญิงสาวตอบ

ทิวากรและรายรุ้งมองหน้ากัน ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดี หญิงสาวที่เธอตั้งชื่อให้ว่าโลมา สามารถจำพี่ของตัวเองได้ แถมพี่ของเธอยังเป็นเพื่อนของทิวากรอีกต่างหาก

"งั้นผมกลับก่อนนะ พรุ่งนี้เจอกันครับ พี่ไปก่อนนะโลมา" ทิวากรยังเรียกชื่อ โลมา เพราะเขานึกไม่ออกเสียแล้วว่าสาวน้อยที่เขาช่วยไว้มีชื่อจริงๆว่าอะไร เพราะคนที่เขาเคยรู้จักไม่เคยบอกว่าเธอมีน้องสาว แถมเขากับผู้หญิงคนนั้นก็เลิกกันไปตั้ง 5-6 ปี ไม่แปลกที่เขาจะจำไม่ได้

"อาทิวครับ ริศรอนานมาก" เด็กชายนริศตะโกนบอกชายหนุ่มที่พึ่งออกมาจากลิฟต์

"ขอโทษครับ เดี๋ยวไปเลี้ยงขนมไถ่โทษเนอะ" ทิวากรเดินมาจูงมือเด็กชายไปขึ้นรถ นริศเองก็ยอมไปโดนง่าย

"แล้วพี่หมอรุ้งล่ะครับ" นริศไม่วายถามหาพี่หมอคนสวยของเขา

"คุณหมอคุยกับคนไข้อยู่ครับ" ทิวากรตอบ ซึ่งนริศก็ไม่เซ้าซี้อะไรอีก :)

ทิวากรที่ตื่นเช้าผิดปกติหรือจะเรียกได้ว่าแทบจะไม่ได้หลับไม่นอนเลย ลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัว แถมยังเข้าครัวทำอาหารเช้าอีกต่างหาก

"หืออ น้องทิวตื่นมาทำอะไรแต่เช้า วันนี้วันหยุดนี่คะ" อ้อยถามขึ้น

"เช้าที่ไหนครับ นี่ 8 โมงแล้วนะ"

" 8 โมงอะไรกันคะ นี่พึ่งตี 5 " อ้อยหันไปมองนาฬิกาอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

"ห้ะ !!!" ทิวากรหันไปมองนาฬิกาดิจิตอลอันใหญ่ยักษ์ที่หน้าปัดขึ้นตัวเลขบอกเวลา 5.15 0.0"งั้นพี่อ้อยทำต่อนะครับ ผมไปนอนต่อละ" ชายหนุ่มบอกแล้วยื่นตะริวให้คนข้างๆทันที

"อ้าวว นี่ตื่นเต้นจนดูนาฬิกาผิดแบบนี้ นัดสาวไว้ล่ะสิ" อ้อยแซวทันที

"เปล่าซะหน่อย" ชายหนุ่มปฏิเสธแล้ววิ่งขึ้นไปบนห้องนอนทันที

ในห้องนอนสีฟ้าสดใสร่างบางนอนพลิกตัวไปมา นอนไม่หลับสักที ทั้งที่ปกติก็ไม่เคยเป็นแบบนี้

"ทำไมนอนไม่หลับสักที" รายรุ้งบ่นพึมพำอยู่คนเดียว

ครืดด~ ครืดด~

"ฮัลโหล" รายรุ้งกรอกเสียงลงโทรศัพท์ หลังจากเห็นเบอร์ที่โทรเข้าเป็นเบอร์ของธาดากร

(ไหนวะ รูปที่แกบอก) ธาดากรที่ยังไม่ได้หลับไม่ได้นอน เพราะนั่งหารูปที่เพื่อนบอกมาทั้งคืน

"ลบไปแล้วมั้ง" รายรุ้งตอบ

(แล้วมีรูปอื่นอีกไหม)

"มี อยู่บ้านแม่ ทำไมแกถึงอยากได้รูปเก่าๆ จะเอาไปทำไร" รายรุ้งถามขึ้น ปกติธาดากรไม่เคยถามหารูปเก่าๆ เวลารายรุ้งเอามาให้ดูทีไร ชายหนุ่มจะชอบบอกว่ารับไม่ได้ทุกที 5555

(รู้สึกเหมือนเจอเพื่อนเก่า) ธาดากรบอกแล้วนึกถึงยัยขี้วีนคนนั้น เหมือนเคยรู้จักกันมาก่อน

"ปกติแกก็ไม่อยากดูไม่ใช่หรอ เห็นบอกว่าเกลียดรูปตัวเองตอนเด็ก" รายรุ้งล้อ

(ถึงตอนเด็กจะอ้วนกลมเป็นหมู หรือซกมก สกปรกยังไง แต่ตอนนี้ฉันหล่อมาก และสะอาดด้วย) ธาดากรว่า

"55555 หรอ" รายรุ้งล้อต่อ

(ก็เออสิ เลิกล้อได้ละ ถ้าฉันหล่อไปมากกว่านี้ จะเลิกเป็นหมอแล้วนะเว้ย)

"กล้าพูด"

(มันเรื่องจริง ก็ต้องกล้าสิ) ธาดากรก็อวยตัวเองไม่เลิกจนรายรุ้งตัดสายไป

"ศิลดา วัฒนรักษ์" รายรุ้งพูดชื่อคนไข้พิเศษของเธอขึ้นมาลอย ก่อนจะลุกไปเปิดโน้ตบุคแล้วค้นหานามสกุล

'วัฒนรักษ์' เผื่อจะติดต่อญาติของหญิงสาวคนนั้นได้บ้าง แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะหาได้ง่ายๆอย่างที่คิด -.-

"คุณเป็นใครกันแน่เนี่ยคุณโลมา แล้วมันเกิดอะไรทำไมคุณถึงตกอยู่ในสภาพนั้น" รายรุ้งพึมพำกลุ้มใจไม่น้อยเลย เธอกลัวเหลือเกิน ไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง กลัวคนพวกนั้นจะย้อนกลับมาทำร้ายหญิงสาวอีก อย่างน้อยเธอก็อยากติดต่อญาติของคนไข้ให้ได้ก่อน มีแค่เธอกับทิวากรเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ คนที่โรงพยายาลรู้แค่ว่าโลมาเป็นญาติห่างๆของเธอที่โดนทำร้ายมาเท่านั้น...

รถสีดำจอดสนิทอยู่หน้าบ้านประตูรั้วสีฟ้าสดใส และตัวบ้านเป็นสีน้ำทะเล ทิวากรไม่เคยเข้าไปในบ้าน แต่ถ้าให้เดาสีภายในบ้านก็คงจะเป็นสีฟ้าเหมือนกัน เพราะรายรุ้งมีข้าวของเครื่องใช้สีฟ้าส่วนใหญ่จะเป็นสีฟ้า กระเป๋าถือสีฟ้า กระเป๋าตังค์สีฟ้า เคสโทรศัพท์สีฟ้า แล้วก็อีกเยอะแยะ ชายหนุ่มนั่งคิดไปก็ยิ้มไปอยู่คนเดียว

เขาไม่คิดจะลงไปกดกริ่งเรียกคนในบ้านหรอกนะ บางทีเจ้าของบ้านอาจจะทำกิจวัตรส่วนตัวอยู่ แถมนี่มันพึ่ง 8 โมงเช้า

'แล้วเมื่อวานก็ไม่นัดเวลาเขาไว้

เนอะไอ้ทิว' ทิวากรบ่นตัวเองในใจ

ครืดด~~ ครืดด~~ ครืดด~~

โทรศัพท์ทิวากรสั่น

สายที่โทรเข้ามานั้นเขารู้ดีอยู่แล้วว่าใคร

"ฮัลโหล" ชายหนุ่มรับโทรศัพท์

(ว่าจะเข้าไปหา แต่ตอนนี้คงไม่ต้องแล้วล่ะมั้ง แกคงรออยู่หน้าบ้านคุณหมอเรียบร้อยแล้ว) รพีฉายแกล้งแซวเพื่อน ทิวากรเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เขาฟังแล้ว และคนเจ้าเล่ห์อย่างรพีฉายก็รู้จักนิสัยเพื่อนดี แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพื่อนรักจะรู้ใจตัวเองหรือเปล่า

"ก็ใช่" ทิวากรตอบ

(ครับ แล้ววันนี้คุณทิวจะพาคุณหมอไปเจอแฟนเก่า เอ๊ย ไปเจอเพื่อนเก่าจริงหรอครับ) คนในสายแกล้งแหย่

"พูดมากว่ะไอ้พี" พอโดนแกล้งอย่างนี้ทิวากรก็ชักจะหงุดหงิด

(โอเค แค่โทรมาเช็คความเรียบร้อย) รพีฉายตอบแล้วตัดสายไปดื้อๆ

ก็อก ! ก็อก !!

ทิวากรเห็นรายรุ้งยืนเคาะกระจกข้างคนขับเลยลดกระจกลง คุณหมอที่ปกติใส่แต่ชุดกระโปรงกับเสื้อกาวน์ วันนี้เปลี่ยนไปเป็นคนละคน

ทิวากรจ้องมองคนตรงหน้าในชุดที่แปลกตาไป หญิงสาวใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้าแขนยาว แต่พับแขนเสื้อไว้ถึงศอกกับกางเกงยีนส์สีดำสนิท

"คุณทิว มองอะไรคะ" รายรุ้งถามขึ้น

"มองคนสวยมั้งครับ" ทิวากรพูดแซว

"อ่อ ตอนเช้านี่กินน้ำตาลก่อนออกจากบ้านหรอคะ" รายรุ้งเหน็บเบาๆ

ทิวากรลงไปเปิดประตูรถให้รายรุ้งก่อนจะปิดลง แล้วเดินกลับมาขึ้นรถฝั่งคนขับ เป้าหมายของเขาคือนครราชสีมา หรือโคราชนั้นแหละ ทิวากรรู้จักครอบครัวของแฟนเก่าเขาดี หลังจากที่เลิกกันไปเขาก็รู้เพียงว่าแม่ของแบมขายบ้านที่กรุงเทพแล้วไปสร้างบ้านอยู่ที่นั้น

"เพื่อนเก่าคุณทิวนี่สนิทกันไหมคะ" รายรุ้งถามขึ้น

"ก็สนิทนะครับ" ชายหนุ่มเลือกที่จะตอบแบบนั้น

"อ่อค่ะ คุณทิวรู้ไหม นี่จริงๆรุ้งนอนไม่หลับทั้งคืนเลย" รายรุ้งเล่าให้คนข้างๆฟัง "คิดว่าคุณทิวจะมารับตั้งแต่ตี 5 "

"โหย ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ โคราชไม่ไกลหรอก เดี๋ยวผมบินไปแปปเดี๋ยวถึงเลย" คนชำนาญทางพูดขำๆ

"โคราชนะคุณทิวไม่ได้ใกล้ๆสักหน่อย" รายรุ้งบ่นเพราะไม่ชอบนั่งรถนานๆ

"ผมสัญญาว่าแปปเดี๋ยว" ทิวากรพูดแล้วหันมายิ้ม...

ชายหนุ่มในชุดเครื่องแบบสีขาวล้วน นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ริมหาดทรายสีขาวสะอาด ในหัวของคนเจ้าแผนการอย่างรพีฉายมีความสุขเสียเหลือเกินที่ได้จับคู่ให้เพื่อนรัก :) คนเจ้าเล่ห์เสนอความคิดให้ทิวากรพาคุณหมอไปบ้านของแบมหรือ

ศิวพรที่โคราช ทั้งที่ความจริงแล้วเขาเนี่ยรู้ดีกว่าใครว่าครอบครัวนั้นย้ายไปอยู่อังกฤษกันหมดแล้ว

"ไอ้พี ถ้าไอ้ทิวมันรู้ว่าแกหลอกมัน แกตายแน่" เหนือเมฆที่ว่างจากงานราชการขับรถมาหารพีฉายถึงสัตหีบ

"มันอาจจะขอบคุณฉันก็ได้นะ" คนเจ้าเล่ห์เชื่อในแผนการของตัวเองนักหนา

"เหอะๆ จะโดนกระทืบล่ะสิ" เหนือเมฆที่รู้จักนิสัยเพื่อนทั้งสองดีส่ายหัวให้กับความคิดของรพีฉาย "เอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่น คุณหมอกับไอ้ทิวอาจจะอยากช่วยผู้หญิงคนนั้นจริงๆก็ได้" เหนือเมฆไม่วายบ่นเพื่อน

"เอาน่ะ ถือว่าผลพลอยได้ไง จริงๆฉันก็รู้แล้วล่ะว่าผู้หญิงคนเป็นใคร :) " คนเจ้าแผนการอย่างเขาทำอะไรก็รอบคอบเสมอแหละ

"ใคร ??" เหนือเมฆถามขึ้น

"ผู้หญิงคนนั้นก็เป็น..." รพีฉายเว้นวรรค

"เป็นไรวะ" คนฟังชักหงุดหงิด

"เป็น..."

"ไอ้พี !!! "เหนือเมฆชักรำคราญเพื่อนเต็มทน

"น้องสาวคนละแม่ของแบม :)" รพีฉายตอบแล้วยิ้มแฉ่ง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel