บท
ตั้งค่า

บทที่ 10

รายรุ้งเดินเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบ รอบบริเวณมืดแล้ว แต่มีแสงไฟข้างทางส่องลงมาตามทาง

"คุณ คุณมาหาใครคะ" หญิงวัยกลางคนตะโกนออกมาจากในบ้าน

"สวัสดีค่ะคุณน้า พอดีหนูเป็นหมอค่ะ คุณน้าเป็นญาติกับคุณศิลดา วัฒนรักษ์ใช่ไหมคะ เธอเป็นคนไข้ที่โรงพยาบาลหนูพอดี เอ่อ...คุณศิลดาเธอได้รับการกระทบเทือนบริเวณศีรษะ ทำให้ความทรงจำบางส่วนหายไปน่ะค่ะ เราเลยอยากติดต่อญาติของเธอให้ช่วยฟื้นความทรงจำที่หายไปและช่วยเป็นกำลังใจให้เธอค่ะ" รายรุ้งร่ายยาว โดยไม่สนสายตางงงวยของหญิงวัยกลางคนตรงหน้า

"หนูๆ ฉันไม่รู้จักคนชื่อศิลดาหรอกจ๊ะ แต่ว่านามสกุลวัฒนรักษ์นี่มันคุ้นๆอยู่นะ เดี๋ยวจะเรียกลูกชายมาถามให้" หญิงวัยกลายคนตอบแล้วตะโกนเรียกลูกชาย

"ดิน ดินลูก ลงมานี่หน่อย"

"ครับแม่ มีอะไรครับ" ลูกชายตะโกนตอบแล้วมีเสียงเปิดและปิดประตูตามมา

ผู้ชายผิวสีแทนตัวสูงยืนอยู่ตรงหน้ารายรุ้ง หน้าตาชายหนุ่มดูเป็นมิตร บุคลิกท่าทางก็ดูเป็นคนสะอาด

"มีอะไรครับแม่" ชายหนุ่มหันไปถามมารดาของเขา

"คุณคนนี้เขามาถามถึงคนชื่อ... ชื่ออะไรนะคะคุณ"

"อ่อ คนไข้เธอชื่อ ศิลดา วัฒนรักษ์ค่ะ คุณรู้จักญาติพี่น้องของเธอหรือเปล่าคะ" รายรุ้งถาม พอจะเดาสถานการณ์ออกว่าสองคนนี้ไม่รู้จักโลมาของเธอแน่นอน

"ผมไม่รู้จักคนที่คุณบอกหรอกครับ แต่ถ้าคุณมาถามถึงญาติของเธอ เจ้าของไร่คนเก่านามสกุลวัฒนรักษ์เหมือนกันครับ คุณศิวพรน่ะ แต่ผมไม่มีเบอร์ติดต่อเธอนะครับ เห็นว่าขายไร่นี้แล้วก็จะย้ายไปอังกฤษ ขอโทษด้วยนะครับ" ชายหนุ่มบอกสิ่งที่เขารู้ให้หญิงสาวฟัง

"อ่อ ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณคุณทั้งสองมากนะคะ" รายรุ้งบอก

"คุณมาถามหาญาติของเขาทำไมหรือครับ มีอะไรหรือเปล่า"

"พอดีคุณศิลดาป่วยนะค่ะ ต้องการกำลังใจจากคนใกล้ชิด" รายรุ้งเลี่ยงตอบเพราะอย่างไรคนตรงหน้าก็ไม่ใช่ญาติของคนไข้

"ครับ ขอโทษนะครับที่ช่วยเหลืออะไรไม่ได้" ชายหนุ่มบอก

"งั้นฉันขอตัวนะคะ ขอบคุณคุณทั้งสองมาก" รายรุ้งบอกแล้วยกมือไหว้ลาทั้งสอง

ทิวากรที่นั่งรออยู่ในรถเห็นรายรุ้งเดินออกมาออกมาคนเดียว ก็สงสัย ? 'ทำไมคุณหมอเดินออกมาคนเดียว' ชายหนุ่มคิดในใจ อยากจะโทรไปถามไอ้เพื่อนรักใจจะขาด ว่าที่เขาต้องมาที่นี้เป็นแผนของมันหรือเปล่า

รายรุ้งเปิดประตูแล้วขึ้นมานั่งบนรถ ซึ่งคนข้างๆก็รอฟังอย่างใจจดใจจ่อว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง รายรุ้งถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเล่า

"เพื่อนเก่าของคุณทิวขายไร่นี้ แล้วก็ย้ายไปอยู่ที่อังกฤษแล้วค่ะ"

"ผมขอโทษนะครับคุณหมอ ที่ทำให้ต้องเสียเวลามาไกลถึงที่นี่ แถมยังไม่ได้อะไรกลับไปอีก" ทิวากรเอ่ยขอโทษ

"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เราไปหาที่พักกันเถอะ :) " รายรุ้งบอกแล้วหันมายิ้ม นี่ก็ดึกแล้ว ไม่รู้จะไปหาที่พักได้ที่ไหน

"ครับ" ทิวากรตอบแล้วขับรถออกไปจากไร่ที่เงียบสงบทันที...

รพีฉายที่นอนบนชายหาดมาได้สักพักก็ตื่นขึ้นมานั่งคิดเรื่องที่ทิวากรปิดเครื่องไม่ติดต่ออะไรกลับมาเลย เขารู้ว่าทิวากรคงไม่เป็นอะไรไปง่ายๆ และก็รู้ดีว่าเพื่อนของเขาจะสามารถปกป้องคุณหมอได้สบายอยู่แล้ว แต่แล้วอะไรล่ะที่ทำให้ทิวากรไม่ยอมติดต่อกลับมาเลย ถ้าแบตหมดแล้วทำไมถึงไม่ชาตล่ะ เล่นปิดเครื่องมาทั้งวันแบบนี้หรือเส้นทางที่เขาบอกมันจะซับซ้อนเกินไป เพราะเขาเขียนแผนที่อ้อมนู่นอ้อมนี่ไปเรื่อย... :P

"ทำไมไอ้ทิวไม่โทรมาเลยวะ" รพีฉายบ่นๆ

ครืดด~ ครืดด~ ครืดด~

"เบอร์ใครเนี่ย" รพีฉายหยิบโทรศัพท์มาดูหน้าจอ แต่เบอร์ที่โทรเข้ามาไม่คุ้นสักนิด

"ฮัลโหล" ชายหนุ่มรับสายแล้วพูดขึ้น

(ไอ้พี !! นี่แผนของแกหรือเปล่า) ทิวากรที่ขอยืมโทรศัพท์รายรุ้งมาโทรหา

รพีฉายเสียงขุ่น 'โหย มันตายอยากจริงๆ' รพีฉายคิดในใจ

"แผนอะไรวะ" คนเจ้าเล่ห์ถามเสียงซื่อ

(ก็แผนที่ทำให้ฉันหลงทางไง อ้อมนู่นอ้อมนี่กว่าจะถึงโคราช แล้วกว่าจะไปถึงไร่นั้นก็ปาไป 2 ทุ้มแล้ว แถมยังติดต่อแบมไม่ได้อีก ขายไร่แล้วย้ายไปอังกฤษกันทั้งบ้าน ฉันกับคุณหมอต้องออกมาหาโรงแรมอยู่ บอกมาไอ้พี บอกมาเดี๋ยวนี้แผนแกใช่ไหม) ทิวากรที่เดือดเต็มที่ถามขึ้น

"ไม่ใช่นะ ไม่ใช่แผนฉัน ฉันก็อาจจะลืมที่ลืมทางไปบ้าง ฉันก็ไม่ได้ไปตั้งนานแล้วนะเว้ย ฉันไม่รู้ด้วยว่าแบมขายไร่ แล้วย้ายไปอยู่อังกฤษ แกอย่ามาหาเรื่องฉันนะ" คนเจ้าเล่ห์ยังคงหาทางรอดอย่างเนียนๆ

(ไอ้พี !!! อย่าให้รู้นะว่าเป็นแผนแก เออ งั้นแค่นี้นะ) ทิวากรขู่ก่อนวางสายไป ทำเอาคนวางแผนขนลุกซู่ 0.0

รพีฉายยิ้มกริ่มอยู่สักพักก่อนจะล้มตัวลงนอนบนชายหาดอย่างเดิม เขามีความสุขที่แผนสำเร็จในตอนนี้ แต่จะตลอดรอดฝั่งหรือเปล่ามันก็อีกเรื่องแหละเนอะ ชายหนุ่มนอนยิ้มเงยหน้าดูดวงดาวบนท้องฟ้าอย่างสบายใจ

ทิวากรเมื่อกดวางสายจากเพื่อนก็หงุดหงิดไม่น้อย อีกใจนึงก็คิดว่าต้องเป็นแผนของรพีฉายแน่ๆ แต่อีกใจนึงก็อยากจะปล่อยมันไป เขาเองก็ไม่หลักฐานอะไร แถมรพีฉายมันยังยืนยันหัวชนฝาว่าไม่ใช่แผนของมัน...

"คุณทิวคิดอะไรอยู่คะ" รายรุ้งที่พึ่งเดินออกมาถามขึ้น

"ก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยครับ คุณหมอยังไม่นอนหรอ"

"คิดมากแก่เร็วนะคะ ดูคิ้วขมวดจนจะผูกโบว์ได้อยู่แล้ว" รายรุ้งแกล้งล้อ เธอรู้สึกแปลกใจ ทำไมเวลาที่อยู่ใกล้ผู้ชายคนนี้ถึงได้รู้สึกอุ่นใจยังไงบอกไม่ถูก ซึ่งชายหนุ่มเองก็รู้แบบนั้นเช่นกัน

"อยู่ต่างที่น่ะค่ะ นอนไม่หลับ 555" รายรุ้งตอบ

"แต่ในรถคุณหมอหลับแทบจะตลอดทางเลยนะครับ" ทิวากรแซว

"5555 คุณทิวไม่นอนหรอคะ"

"ไม่ค่อยง่วงครับ เวลานี้อยากได้กีต้าร์" ทิวากรชอบเล่นกีต้าร์โปร่งมากๆ ว่างๆชอบนั่งเล่นกีต้าร์แล้วก็ร้องเพลงไปเรื่อยๆ ยิ่งเวลาดึกๆ เงียบๆแบบนี้ เขาชักคิดถึง 'หนูมาลี' กีต้าร์สุดที่รักขึ้นมาแล้วสิ

"ตอนนี้ไม่มีกีต้าร์นะคะ จะร้องเพลงอย่างเดียวก็ได้ค่ะ ถ้ารุ้งฟังได้รุ้งก็จะฟัง" รายรุ้งพูดขำๆ

"โหย คุณหมอ ผมร้องเพลงเพราะนะ" ทิวากรอวด

"งั้นก็ร้องเลยค่ะ" รายรุ้งพูดอย่างท้าทาย

"ครับ _~>>$€€~||~##^}]" ทิวาเริ่มร้องเพลงไปเรื่อยๆ เริ่มตั้งแต่เพลงแรกไปเกือบสิบเพลง รายรุ้งทำท่าว่าจะหลับขึ้นมาซะงั้น

"คุณหมอจะหลับแล้วหรอครับ" ทิวากรถามขึ้น ทำให้คนเริ่มเคลิ้มมีสติขึ้นมาทันที

"55555 เริ่มง่วงแล้วค่ะ งั้นเดียวคุณทิวร้องเพลงสุดท้ายมาก่อน เดี๋ยวรุ้งจะไปนอนแล้ว" รายรุ้งบอก หญิงสาวยอมรับว่าทิวากรร้องเพลงเพราะอย่างที่เขาว่า เสียงทุ้มนุ่นชวนฝัน ฟังแล้วอบอุ่นในใจแปลกๆ

"ได้ครับ แต่เพลงนี้เพลงสุดท้ายแล้วนะครับ 555" ทิวากรพูด

"ค่ะ" คนเริ่มง่วงตอบ

"หลับตาเถอะนะ

ขอให้เธอหลับฝันดี

คืนนี้ไม่ต้องห่วง

ตรงนี้ฉันจะดูแลด้วยชีวิตของฉัน

...

ฝากดาวบนฟ้า ร้องเพลงนี้ให้เธอฟัง

หากฉันไม่ได้กลับ ก็ขอให้เธอหลับสบาย

ก็พอแล้ว..."

(เพลงราตรีสวัสดิ์ : ฟักกลิ้งฮีโร่)

ทิวากรร้องจบแค่นั้น แต่หารู้ไม่ว่าหัวใจคนฟังพองโตขึ้นมาทันที สายตาของคนทั้งสองหันมาสบกัน... >\\\<

"งั้นรุ้งไปนอนแล้วนะคะ" รายรุ้งที่พยายามละสายตาออกจากภวังค์มาได้ก่อนรีบขอตัวไปนอน 'ขืนอยู่ต่อแกต้องตกหลุมรักผู้ชายนี้แน่ยัยรุ้ง' รายรุ้งคิดในใจก่อนจะเดินไปอย่างรวดเร็ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel