บท
ตั้งค่า

บทที่ 5

"อาทิวมาแล้วครับ" เด็กชายนริศพูดแล้วปรบมือรัวๆ เพราะนั่งรออาทิวเป็นชั่วโมง

"รอนานป่ะวะ" คนมาใหม่นั่งลงที่เก้าอี้แล้วถามเพื่อนๆที่นั่งรออยู่แล้ว

"นานมาก นานสุดๆ รากฉันงอกออกกิ่ง ออกใบแล้ว" เจ้าภาพงานนี้บ่นเพื่อนแบบโอเว่อมาก จนคนโดนบ่นรับมุก

"พอๆ ฉันขี้เกียจรดน้ำใส่ปุ๋ย"

"ยังดิ รอแกกับแฟนเจ้าริศ" รพีฉายตอบเพื่อน คิดๆแล้วก็อยากจะมุดดินหนี พวกเขาสามคนก็หล่อขนาดนี้ เท่ขนาดนี้ สุภาพบุรุษขนาดนี้ นิสัยดีขนาดนี้ ทำไมไม่มีแฟนก็ไม่รู้ เฮ้อ...

"ขอโทษค่ะ รอนานไหมคะ" ผู้หญิงตัวเล็กทักทายแล้วนั่งลง

"คุณหมอเป็น..." ทิวากรกำลังถามด้วยความสงสัย 'คุณหมอชอบกินเด็กหรอวะ' แต่ดันโดนเจ้าตัวแสบขัดขึ้นซะก่อน

"แขกของริศครับ" เด็กชายแย้งพูดทันที เพราะตัวเองดันบอก อาพีกับอาทิวว่าจะพาแฟนมา

"อ่อจ๊ะ" คุณหมอตอบ เธอโดนเด็กน้อยขยั้นขยอให้มาตั้งแต่ช่วงบ่าย แถมยังงอแงโรงพยาบาลแทบแตก เฮ้อ...คุณอาของน้องริศเลยออกปากชวนเธอมา

"คุณหมอนั่งข้างผมก็ได้ครับ" ทิวากรลุกขึ้นขยับเก้าอี้ข้างๆให้คนตัวเล็ก

"ขอบคุณนะคะ :)"

"อาพีครับ เอาหูมานี่หน่อยครับ" เด็กชายนริศเรียกคนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ

"ห้ะ อ่อ" รพีฉายเขยิบเข้าไป

"อาพีสลับที่กับพี่หมอได้ไหมครับ" เด็กชายถามคุณอา

"ไม่ได้หรอกริศ เสียมารยาทนั่งตรงไหนก็เหมือนกันแหละ" รพีฉายบอก

"แต่ริศอยากนั่งข้างพี่หมอนี่" เด็กชายทำท่าจะโวยวายให้ได้

"ถ้าริศไม่ฟังอาจะไม่พาไปดูเรือที่สัตหีบอีกเลยคอยดูสิ" รพีฉายรู้ทันเจ้าหลานตัวแสบจึงได้ยื่นข้อเสนอให้เด็กชาย หึๆ ก็ในบรรดาพวกเขาทั้งสามคน นริศก็คงจะชอบเขามากที่สุด แถมยังออกปากว่าอยากเป็นทหารเรือเหมือนเขาอีกด้วย

"ก็ได้ครับ" เด็กชายขยับออกจากรพีฉาย ด้วยสีหน้าบึ้งตึง ทำเอาคู่สนทนาเมื่อสักครู่ขำออกมา

"คุยอะไรกัน" เหนือเมฆถามด้วยความสงสัย

"เปล่า ไม่มีครับ" นริศตอบอาแท้ๆ แล้วยิ้มให้คุณหมอที่กำลังดูเมนูอาหารอยู่ข้างๆอาทิว

"อาทิวครับ" เด็กชายเรียก

"ครับ" คนถูกเรียกขานรับ

"พาไปห้องน้ำหน่อยสิครับ"

"ได้ครับ" คนเป็นอาถึงกับงง ความจริงพวกเขาก็พานริศมาที่นี่ตั้งหลายครั้ง แถมปกติเวลาจะเข้าห้องน้ำนริศก็จะไปเอง แต่ทำไมครั้งนี้ถึงชวนเขาไปด้วย ?

"อาทิวครับ" หลังจากเดินมาสักพักเด็กก็เรียกคนข้างๆ

"ครับ"

"อาทิวว่าพี่หมอรุ้งน่ารักไหมครับ" เด็กชายถาม

"เอิ่ม...น่ารักครับ" คนตัวสูงนึกถึงคุณหมอคนสวยที่เขาแอบมองเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอที่โรงพยาบาล มันทำให้เขานึกถึงคำพูดนึงของตัวเองขึ้นมา

'มันก็อยู่ที่พรหมลิขิต' คนตัวสูงยิ้มน้อยๆแบบไม่มีเหตุผล

"อาทิวครับ ห้ามยุ้งกับพี่หมอรุ้งนะครับ ริศหวงมาก" เด็กชายบอกแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป

"ตัวแค่นี้แสบใช่เล่นนะเนี่ย" คนตัวสูงพูดแล้วขำตามหลังเด็กชายไป ที่แท้ก็เรียกมาด้วยเพราะเรื่องนี้นี่เอง

หลังจากทิวากรกับนริศกลับมาที่โต๊ะ แล้วทุกคนก็ช่วยกันจัดการกับอาหารบนโต๊ะซะเรียบ แถมยังสั่งมาไม่ยั้ง จนเจ้าภาพถึงกับร้องโอย

"อาพีครับ ริศอิ่มมากเลยครับ" เด็กชายบอกเจ้าภาพ

"กินขนาดนี้ไม่อิ่มก็คงต้องกินช้างแล้วล่ะ" รพีฉายจิกกัดเด็กชายเล็กน้อยตามความเอ็นดู -.-

"คุณหมอเอารถมาหรือเปล่าครับ" เจ้าภาพถามคุณหมอ

"ไม่ได้เอามาค่ะ ว่าจะขึ้นแท็กซี่กลับ :) " คุณหมอตอบ เพราะปกติเธอจะไม่ขับรถตอนกลางคืนเด็ดขาด เนื่องจากสายตาสั้นมาก ถึงมากที่สุด

"บ้านอยู่แถวไหนหรอครับ"

"อยู่แถวถนน c ค่ะ แต่ไม่ต้องไปส่งนะคะแค่นี้ก็ขอบคุณมากแล้วค่ะ" คุณหมอตอบคนถาม

"ดึกแล้วกลับแท็กซี่ก็อันตรายอยู่นะครับ อยู่แถวบ้านผมพอดี" ทิวากรอาสาเพราะเป็นห่วง

"อาทิวย้ายบ้านแล้วครับ" เด็กชายนริศถามอย่างสงสัย

"ย้ายแล้ว" คนถูกถามรีบตอบทันควัน เพื่อนทั้งสองที่รู้อยู่แกใจ แต่ก็ไม่อยากคัดค้านอะไร เพราะให้พวกเขาไปส่งมันก็คงดีกว่าให้คุณหมอกลับเองอยู่แล้ว

"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันขึ้นแท็กซี่ดีกว่า" รายรุ้งรีบบอก

"ให้ไปส่งดีกว่าครับ จะกลับหรือยังครับ" ทิวากรบอกและถามคนข้างๆ

"เอ่อ..."

"คุณหมอให้ไอ้ทิวไปส่งเถอะครับ ขับรถดี ปลอดภัย สบายหายห่วง แถมประหยัดด้วย ดีจะตาย"รพีฉายพูดขึ้น

"ถ้างั้นก็ได้ค่ะ ขอบคุณคุณพีนะคะสำหรับอาหาร"

"ไม่เป็นไรครับ" รพีฉายรับคำขอบคุณยิ้มๆ

"งั้นฉันกลับเลยดีกว่าค่ะ ไปก่อนนะน้องริศ คุณเหนือ คุณพี" คุณหมอพูดจบแล้วคนตัวสูงก็ลุกขึ้นยืนเพราะรู้หน้าที่

#ในรถ

"คุณหมอครับคาดเข็มขัดด้วยครับ" ทิวากรบอกคนข้างๆ เพราะไม่ใครขึ้นมานั่งข้างเขาทีไร เขามักจะบังคับให้คาดเข็มขัดตลอด แหม !!! ก็ปลอดภัยไว้ก่อนนี่นา

"อ่อค่ะ"

ในรถเต็มไปด้วยความเงียบงัน คนขับก็มองแต่ทางด้วยอาการเกร็งสุดๆราวกับพึ่งเคยขับรถเป็นครั้งแรก ส่วนคนนั่งก็มองสำรวจไปรอบรถฟอร์จูนเนอร์ เข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมคนตัวสูงถึงได้เลือกรถอย่างนี้ ในรถมีแต่ของเต็มไปหมด ทั้งเสื้อผ้า รองเท้า และอุปกรณ์ต่างๆมากมาย

"รถมันรกใช่ไหมครับ" คนขับเมื่อรู้ว่ารถตัวเองถูกสำรวจจึงถามขึ้น

"ก็นิดนึงมั้งคะ"

"..."

ภายในรถตกอยู่ในความเงียบงันอักครั้ง...

"คุณทิวคะ หยุดก่อนค่ะ!!!" รายรุ้งตะโกนบอกคนข้างๆ เมื่อสังเกตุเห็นลักษณะคล้ายคนนอนอยู่ข้างทาง ถึงสายตาของเธอจะสั้น แต่ไฟหน้ารถทำให้พอมองเห็นอยู่บ้าง

เอี๊ยดด!!!

คนขับรีบเบรคทันที แล้วมองไปที่ข้างทาง ตามคนข้างๆ จากที่สงสัยว่าทำไมคนข้างๆถึงตะโกนให้เขาหยุดรถซะเสียงดัง ก็เข้าใจในทันที

"นั้นใช่คนหรือเปล่าคะคุณทิว" เธอไม่ค่อยแน่ใจในสายตาตัวเองเท่าไหร่นัก เพราะไม่ได้ใส่คอนแทกเลนส์

"ใช่ครับ" คนตัวสูงบอกแล้วเปิดประตูรถลงไปทันที

คนตัวเล็กเปิดตามลงมา แล้วทั้งสองก็พากันเดินไปดูร่างของหญิงสาวผมยาว ผิวขาวซีดนอนจมกองเลือด ร่างบางหายใจแผ่วจนน่าตกใจ

"เรารีบพาเขาไปโรงพยาบาลเถอะค่ะ" รายรุ้งกับทิวากรช่วยกันพยุงคนเจ็บที่ไม่ได้สติขึ้นรถ ก่อนจะขับออกไปด้วยความเร็วสูง เพราะเป็นห่วงอาการของคนเจ็บ...

ทิวากรนั่งรอคนเจ็บที่เขาพึ่งพามาส่งโรงพยาบาลกับคุณหมอที่เข้าไปในห้องฉุกเฉิน ด้วยอารมณ์ที่สงบและมีสติ'ใครกันมันชั่งทำร้ายผู้หญิงได้ขนาดนี้ ลองเป็นญาติพี่น้องมันบ้างมันจะรู้สึกยังไง' ชายหนุ่มคิดในใจแล้วกำหมัดแน่น สภาพของหญิงสาวที่เขาช่วยชีวิตไว้ คงเจอกับ

เหตุการณ์ร้ายๆจากพวกเดรัสฉานสังคมมา คนแบบนี้จิตใจมันทำด้วยอะไร

"คุณทิวคะ คุณหมอฝากมาบอกว่าให้กลับไปก่อนเลยค่ะ อีกนานเลย" คุณพยาบาลที่อยู่ในชุดสีเขียวเข้มเดินออกมาบอกคนนั่งรอ

"ไม่เป็นไรครับ บอกคุณหมอเลยครับว่าผมรอได้" ทิวากรตอบคุณพยาบาลด้วยรอยยิ้ม เขาจะปล่อยคุณหมอให้กลับบ้านคนเดียว หลังจากมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นไม่ไกลจากบ้านคุณหมอน่ะหรอ...ไม่มีทาง !!!

ชายหนุ่มนั่งรอที่เก้าอี้มาหลายชั่วโมง จนเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว

ตื้ดดด~ ตื้ดดด~

"ฮัลโหลครับแม่" ชายหนุ่มรับโทรศัพท์ทันทีที่เห็นเบอร์ผู้เป็นแม่ขึ้นมา

(ตาทิวอยู่ไหนลูก วันนี้ไม่กลับบ้านหรอ) คนเป็นแม่ถามอย่างเป็นห่วง เพราะหากลูกชายจะกลับดึกหรือไม่กลับก็มักจะโทรมาบอกก่อนเสมอ

"กลับครับแม่ แต่ผมตอบไม่ได้ว่าตอนไหน มีเรื่องนิดหน่อยน่ะครับ"

(มีเรื่องอะไรกับใครห้ะ) คนเป็นแม่โวยลั่น คิดว่าลูกชายไปมีเรื่องต่อยตีกับใคร

"ไม่ใช่อย่างนั้นครับแม่ เดี๋ยวกลับไปบ้านจะให้ฟังนะครับ" ชายหนุ่มบอกมารดา

(แน่ใจนะ ถ้าอย่างนั้นรีบกลับบ้านนะลูก) คนเป็นแม่บอกก่อนจะวางสายไป

"คุณทิว..." คุณหมอเดินออกมาเรียกชายหนุ่ม

"ครับ" เขาหันไปมองคนตัวเล็กที่ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อราวกับพึ่งวิ่งมา ทั้งที่อยู่ในห้องแอร์

"กลับไปก่อนเลยดีกว่าค่ะดึกมากแล้ว" รายรุ้งบอกชายหนุ่มที่อุตส่านั่งรออยู่หลายชั่วโมง

"ไม่เป็นครับ ผมรอคุณหมอดีกว่า เดี๋ยวผมไปส่งที่บ้านจะได้แน่ใจว่าคุณหมอปลอดภัย" ชายหนุ่มบอก ทำเอาคนฟังแอบใจสั่น

"ถ้าคุณว่าอย่างนั้น งั้นรอก่อนแปปนึงนะคะ" คุณหมอพูดแล้วเดินกลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง

ตื้ดดด~ ตื้ดดด~~

(ไอ้ทิวไปส่งคุณหมอถึงไหนครับ) รพีฉายถามเพื่อนด้วยน้ำเสียงล้อเลียน

"อยู่โรงพยาบาลว่ะ มีเรื่องนิดหน่อย" คนเป็นเพื่อนตอบเสียงเครียด

(เรื่องอะไรวะ แล้วใครเป็นอะไร) น้ำเสียเมื่อกี้หายไปหมด เหลือแต่เสียงเย็นเฉียบถามขึ้น

"มีคนถูกทำร้าย ฉันกับคุณหมอเลยพามาส่งโรงพยาบาล" ชายหนุ่มเลือกจะตอบแต่เพียงเท่านี้ เพราะไม่อยากพูดอะไรให้มาก ไว้รอเล่าให้ฟังทีเดียว

(อ่อ ดีเนอะ ช่วยเหลือคนเป็นการทำบุญ แหม!! ทำบุญร่วมชาติ ตักบาตรร่วมขัน) รพีฉายล้อเพื่อนรักอีกครั้ง

"พอเถอะไอ้พี เดี๋ยวข้าจะฟ้องเมย์ เรื่องที่เอ็งไปกินข้าวกับน้องพลอย" คนเป็นเพื่อนขู่ทันที

(ฟ้องไปเหอะ เบื่อจะแย่แล้ว) ปลายสายตอบอย่างไม่แคร์สื่อ เบื่อเต็มทนผู้หญิงอะไรไม่รู้จักให้เกียรติตัวเองเสียบ้าง มาตามเขาอยู่ได้ ไม่เป็นอันทำการทำงานอย่างสงบ

"เหอะ !!!! ครับๆคนหล่อเลือกได้"

(พึ่งรู้หรือครับเพื่อน)

"รู้นานแล้วล่ะ ว่าข้าหล่อกว่าเอ็ง แค่นี้นะ" พูดจบทิวากรก็กดตัดสายเพื่อนรักอย่างไม่ใยดี

"มาแล้วค่ะ" คุณหมอเดินออกมาในชุดเดิมพร้อมกับคุณพยาบาลที่ยิ้มให้ชายหนุ่มน้อย

"คุณหมอมีแฟนแล้วไม่เห็นเล่าให้ฟังบ้างเลยนะคะ"พยาบาลแซว

"ไม่ใช่ค่ะพี่ดาว นี่เพื่อนรุ้งค่ะ" รายรุ้งรีบแก้ทันที

"อ้าว คิดว่าแฟนกันนะเนี่ย เห็นมานั่งรอคุณหมอตั้งนาน" พยาบาลบอกแล้วยิ้มให้ทิวากรอีกครั้ง "ทหารหล่ออย่างนี้ทุกคนเลยหรือเปล่าคะ" พยาบาลสาวเหลือน้อยถามชายหนุ่มบ้าง

"สงสัยจะอย่างนั้นแหละครับ" ชายหนุ่มรับมุกหรือหลงตัวเองอันนี้ก็แล้วแต่จะคิดอะนะ

"จะกลับบ้านหรือยังครับคุณหมอ" ทิวากรหันมาถามคนตัวเล็กบ้าง

"กลับเลยดีกว่าค่ะ นี่ก็เกือบจะตีหนึ่งแล้ว" หญิงสาวตอบหลังจากก้มดูนาฬิกาข้อมือสีขาวของเธอ

"ครับ"

ทั้งคู่เดินออกจากโรงพยาบาลเล็กๆตรงไปที่รถด้วยความเงียบ ไฟรอบข้างอาจจะไม่สว่างนัก เพราะที่นี่เป็นโรงพยาบาลเล็กๆ แต่อยู่ใกล้เขตชุมชน

"คุณหมอครับ การช่วยชีวิตคนเนี่ย เป็นการทำบุญใช่ไหมครับ" อยู่ๆคนตัวสูงก็ถามขึ้นมา

"คะ ? ใช่ค่ะ แต่สำหรับฉันมันเป็นหน้าที่" คนตัวเล็กงงกับคำถามเล็กน้อย 'จู่ๆ ทำไมถึงถามอย่างนี้นะ'

"งั้นวันนี้..." ชายหนุ่มพูดแล้วเว้นวรรค

"- -?"

"เรา..."

"??"

"ก็ได้ทำบุญร่วมกันใช่ไหมครับ" คนตัวสูงถามขึ้นขณะกำลังเปิดประตูให้คนตัวเล็ก

"ค่ะ" คุณหมอตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

ปึ๊ก !!!

ชายหนุ่มปิดประตูให้

"ทำบุญร่วมชาติ ตักบาตรร่วมขัน :) "

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel