บทที่9 ข้าจะทำให้เจ้ากลายเป็นขันทีซะ
หยวนชิงหลิงตะโกนออกไปด้วยความสิ้นหวัง เวลานี้นางคิดที่จะสู้ตายกับองค์ชายห้าเพราะคิดว่าตนเองไม่มีสิ่งใดจะให้เสียแล้ว แต่ก่อนที่เขาจะทันได้แตะต้องตัวนาง ร่างขององค์ชายห้าก็กระเด็นออกห่างลอยละลิ่วกระแทกผนังเสียงดังสนั่น องค์ชายห้ากระอักเลือดออกมาทันที
หยวนชิงหลิงอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง นี่!!เขา บุรุษชุดสีเขียวใบไผ่ผู้ที่ยืนจังก้าขวางระหว่างนางและองค์ชายห้าเอาไว้เขาคือชายชุดดำที่นางช่วยเอาไว้ก่อนหน้านี้ เขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร นางนึกว่าเขาหนีออกไปจากที่นี่แล้ว ก่อนที่ทหารจากวังหลวงจะเข้ามา
ความจริงเขาออกไปจากจวนตระกูลหยวนแล้ว แต่เขารู้สึกสังหรณ์ใจบางอย่างจึงได้ย้อนกลับมาอีกครั้ง ในตอนนั้นเขากลับมาทันได้เห็นหยวนชิงหลิงโดนองค์ชายห้าตบที่ใบหน้าจนถลาลงไปกองกับพื้นเหมือนนกปีกหัก ภาพที่เห็นกระตุ้นความโกรธภายในใจของเขาให้ปะทุพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าทันที
บุรุษผู้นั้นพยุงหยวนชิงหลิงขึ้น เขาจับใบหน้าของนางพลิกไปด้านข้างเพื่อดูรอยแดงที่เกิดจากฝ่ามือ โทสะที่มีอยู่แล้วยิ่งเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม ดวงตาคมกริบของชายผู้นั้นแดงก่ำแลดูอำมหิตและกระหายเลือด แต่หยวนชิงหลิงกลับไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวเขาเลยสักนิด
นิ้วเรียวยาวของเขาแตะที่ใบหน้าของนางแผ่วเบา ความรู้สึกเย็นสบายทำให้ความเจ็บค่อยๆ ทุเลาลง เขาผละจากนางเดินไปลากตัวองค์ชายห้าที่นอนกองอยู่กับพื้น โยนลงไปแทบเท้าของหยวนชิงหลิง
“เจ้าจัดการเขาได้ตามสบาย ข้าจะเก็บกวาดให้เอง”
หยวนชิงหลิงลังเลเล็กน้อย ถึงแม้นางมั่นใจว่าเขาจะทำได้ตามที่เขาพูดจริงๆ แต่องค์ชายห้ามิใช่คนธรรมดา เขาเป็นถึงเชื้อพระวงศ์แคว้นฉิน อีกทั้งมารดาของเขาก็เป็นถึงฮองเฮา
หากว่าองค์ชายห้าหายตัวไป ตระกูลหยวนจะเป็นที่แรกที่ถูกสงสัย เพราะมีใครหลายคนเห็นเขามาที่นี่ อีกทั้งบ่าวไพร่ที่อยู่ภายในจวนตระกูลหยวนต่างก็เป็นคนของเขา นางจะทำให้น้องชายท่านแม่และท่านย่าเป็นอันตรายไม่ได้
“ฉินฉูอี้!! วันนี้เจ้าได้เผยธาตุแท้ของเจ้าให้ข้าเห็นแล้ว สวรรค์ท่านช่างเมตตาต่อข้าเสียจริง ยังมิทันได้แต่งงานกับเจ้าท่านก็บันดาลให้เจ้าเปิดเผยความเลวที่เจ้ามีออกมา ดูเหมือนว่าบรรพบุรุษตระกูลหยวนจะยังคงคุ้มครองข้าอยู่ ถึงได้ทำให้ข้าตาสว่างก่อนที่จะจมลงไปในโคลนที่เจ้าสร้างขึ้น”
องค์ชายห้าที่สติกลับมาครบถ้วนแล้วนั้น มองไปยังหยวนชิงหลิงและบุรุษชุดสีเขียวใบไผ่ทีละคนด้วยดวงตาวาวโรจน์ ก่อนที่เขาจะเอ่ยขึ้นช้าๆ
“หยวนชิงหลิง เจ้าคิดว่าวันนี้จะรอดพ้นเงื้อมมือข้าไปได้อย่างนั้นหรือ พวกเจ้าสองคนมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายเชื้อพระวงศ์ เตรียมใจชดใช้เอาไว้ได้เลย แต่ก่อนที่เจ้าจะถูกจับตัวไปลงโทษข้าจะเล่นกับเจ้าจนพอใจ แล้วส่งตัวเจ้าให้บรรดาสหายของข้าได้ลิ้มรสหญิงงามอันดับหนึ่งของแคว้นฉินด้วยเช่นกัน ฮ่าๆๆๆ!!!!”
องค์ชายห้าหัวเราะออกมาเสียงดังด้วยความสะใจ สายตาของเขามองแทะโลมร่างกายนางอย่างไม่ปิดบัง บุรุษชุดเขียวใบไผ่หยิบชุดคลุมที่อยู่ในตู้ออกมาคลุมร่างของนางเอาไว้ หยวนชิงหลิงแหงนหน้ามองเขาเล็กน้อยอย่างขอบคุณ
“ขอบคุณ”
ทั้งสองคนมองสบตากันอยู่อย่างนั้นเป็นนาน ในสายตาขององค์ชายห้ามันเป็นสายตาของคู่รักที่รักกันหวานซึ้ง เมื่อเห็นภาพนั้นหัวใจของเขาก็รู้สึกปวดแปลบขึ้นมาทันทีอย่างไม่ทราบสาเหตุ ไม่!! นางเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น ไม่ว่าเดรัจฉานตัวผู้ตัวไหนก็ไม่สามารถแย่งนางไปจากเขาได้
องค์ชายห้าพยายามตะเกียกตะกายจะลุกขึ้นยืน แต่ร่างกายของเขาบาดเจ็บมากเกินไป ทำให้ไม่สามารถประคองตนเองเอาไว้ได้ หยวนชิงหลิงที่เห็นความเคลื่อนไหวนั้น นางก็เดินวนรอบตัวองค์ชายห้าช้าๆ สายตาของนางมองไปที่เขาด้วยความเย็นชา ก่อนที่จะเตะไปที่ขาของเขาจนสุดแรง
“นี่สำหรับคำพูดเน่าๆ ที่พ่นออกมาจากปากของเจ้า”
องค์ชายห้าร้องโอดโอยเสียงดังด้วยความเจ็บปวด นางยังคงไม่พอใจแค่เพียงเท่านั้น เท้าเล็กๆ ของหยวนชิงหลิงกระทืบลงไปยังกึ่งกลางจุดสืบสกุลของเขาอย่างแรงหลายที จนองค์ชายห้าที่เจ็บปวดจนหน้าเขียวและสลบไป
“หึ!คิดที่จะใช้ข้าเป็นของเล่นอย่างนั้นหรือ เช่นนั้นเจ้าก็กลายเป็นขันทีเสียเถอะ”
ท่าทางได้ใจของนางเหมือนเด็กเล็กๆ ที่กำลังอวดของเล่นที่ถูกใจ บุรุษชุดเขียวใบไผ่เห็นวิธีการที่นางใช้จัดการกับองค์ชายห้าแล้วเขาก็รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ขึ้นมาทันที ก่อนหน้านี้ไม่กี่ชั่วยามเขายังบังคับจูบนางอยู่เลย หวังว่านางจะลืมมันไปแล้วนะ หากต้องกลายเป็นขันทีเช่นองค์ชายห้า เขาจะขอร้องให้นางสังหารเขาทิ้งเสียยังจะดีกว่า
หลังจากเก็บกวาดภายในห้องเรียบร้อยแล้ว บุรุษชุดเขียวคิดที่จะพาองค์ชายห้าออกไปจากจวนตระกูลหยวน หยวนชิงหลิงยังรู้สึกเป็นห่วงเรื่องที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ นางจึงเอ่ยสำทับเขาไปอีกรอบ
“ห้ามฆ่าเขาเด็ดขาด แค่ทำให้เขาต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ภายในจวนสักสองสามเดือนก็พอ”
บุรุษชุดเขียวใบไผ่พยักหน้า ก่อนจะแบกร่างขององค์ชายห้าทะยานหายไปในม่านราตรี วันรุ่งขึ้นนางไม่ได้รับข่าวคราวเกี่ยวกับองค์ชายห้าเลย นางไม่รู้ว่าเขาใช้วิธีใดมาจัดการให้เรื่องทั้งหมดเงียบลง แต่ตอนนี้ถือว่านางยังสามารถสบายใจได้เปลาะหนึ่ง
หยวนชิงหลิงจัดการขายบ่าวภายในจวนทิ้งทั้งหมด ส่วนบ่าวเก่าแก่ที่เคยทำงานในจวนตระกูลหยวนมาตั้งแต่สมัยที่ท่านย่าของนางเป็นฮูหยินใหม่ๆ หยวนชิงหลิงคืนสัญญาซื้อขายทาสและจ่ายเงินให้พวกเขามากพอที่จะสามารถออกไปตั้งตัวภายนอกได้