บทที่7 ตามหาคนร้าย
ไม่นาน บุรุษผู้นั้นก็เดินออกมาจากหลังฉากกั้น บนใบหน้าของเขายังคงมีผ้าสีดำปิดบังเอาไว้ หยวนชิงหลิงชี้ไปที่หน้าต่างก่อนที่ตนเองจะถือชุดนอนไปที่หลังฉากกั้นเช่นกัน น้ำสะอาดที่สาวใช้เตรียมเอาไว้ให้นางอาบได้เย็นไปนานแล้ว แต่ตัวของนางยามนี้เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดของเขา คงจะนอนต่อด้วยสภาพเช่นนี้มิได้
เสียงน้ำจ๋อมแจ๋มดังขึ้นที่ด้านหลังฉากกั้นเป็นระยะ ดีที่ตอนนี้เป็นช่วงฤดูร้อน ไม่อย่างนั้นนางคงจะหนาวตายเพราะต้องลุกมาอาบน้ำเย็นตอนกลางดึกเป็นแน่ หยวนชิงหลิงอาบน้ำเสร็จนางก็เปลี่ยนเป็นชุดนอนสีขาวบางเบาที่นางสวมใส่เป็นปกติทุกวัน เมื่อเดินกลับมาที่เตียงก็พบว่า มีร่างสูงของบุรุษผู้นั้นกำลังนอนหลับตาอยู่ หยวนชิงหลิงรู้สึกโมโหขึ้นมาทันที
“นี่!! ข้าบอกให้เจ้ากลับไปแล้วมิใช่หรือ”
นางมองไปยังหน้าต่างที่ถูกปิดเอาไว้อย่างเรียบร้อย ก่อนจะยกมือขึ้นตบที่หน้าผากของตนเบาๆ อย่างจนใจ
“ที่ข้าชี้ไปที่หน้าต่างคือให้เจ้ากลับไป ไม่ใช่ให้เจ้าปิดมัน นี่เจ้าโง่จริงหรือแสร้งโง่กันแน่เนี่ย”
ร่างสูงยังคงนอนนิ่งมองมาที่นางด้วยสายตาเรียบเฉย ก่อนที่จะตบลงไปสองทีที่ว่างด้านข้างตน
“เลิกคิดเรื่องนั้นไปเลยข้าไม่มีวัน.....”
แขนยาวกระตุกร่างเล็กเบาๆ ก่อนที่นางจะถลาซบลงไปที่อกแกร่ง แขนอีกข้างของบุรุษผู้นั้นกอดรัดร่างงามของนางเข้ามาในอ้อมอก ก่อนที่จะตบไปที่แผ่นหลังบอบบางเบาๆ คล้ายกำลังกล่อมเด็ก
“ปล่อยข้านะ นี่เจ้าคิดที่จะฉวยโอกาสกับผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตของเจ้าอย่างนั้นหรือ”
ไร้เสียงตอบกลับมา ดูเหมือนเขาจะไม่สนใจเสียงโวยวายเล็กๆ ของนางเลยสักนิด ขายาวก่ายมาที่ต้นข้าของนาง ตอนนี้หยวนชิงหลิงกลายเป็นหมอนข้างของเขาไปเสียแล้ว นางพยายามดิ้นรนอยู่นานจนหมดแรง ในที่สุดนางก็หลับไปทั้งอย่างนั้นโดยที่ไม่รู้ว่าดวงตาคมกริบที่แสนลึกลับของใครบางคน กำลังจ้องมองใบหน้างามอย่างพึงพอใจ
เสียงดังเอะอะจากด้านนอกทำให้หยวนชิงหลิงงัวเงียตื่น สาวใช้ที่เฝ้าหน้าห้องรายงานว่ามีทหารจากวังหลวงกำลังตามหาตัวคนร้าย ดวงตาของนางสว่างวาบ หยวนชิงหลิงดีดตัวขึ้นทันที นางมองไปที่ด้านข้างตนเองพบว่ามันว่างเปล่าไปเสียแล้ว นางใช้มือคลำไปที่เตียงตรงที่บุรุษผู้นั้นเคยนอน มันยังคงอุ่นอยู่แสดงว่าเขาพึ่งจากไปได้ไม่นาน
ร่างบางถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก นี่นางกำลังเป็นห่วงเขาอยู่หรือ บุรุษที่ฉวยโอกาสกับนางจะไปเป็นห่วงเขาเพื่ออะไร นางควรปล่อยให้ถูกจับไปน่ะดีแล้ว หยวนชิงหลิงลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะเดินไปที่หน้าต่างที่ถูกปิดเอาไว้อย่างสนิท เขาไปแล้วจริงๆ
“เหอะ!! จะขอบคุณสักคำก็ไม่มี นิสัยแย่จริงๆ”
หยวนชิงหลิงจุดตะเกียงตรวจดูภายในห้องว่าตนเองยังหลงเหลือหลักฐานอะไรทิ้งเอาไว้หรือไม่ ก่อนที่สาวใช้ด้านนอกจะรายงานว่าทหารต้องการตรวจค้นห้องนอนของนาง
“ให้พวกเขาเข้ามาได้”
หยวนชิงหลิงสวมชุดคลุมปิดมิดชิดจนถึงคอ นางยืนอยู่ที่ประตูทางเข้าพร้อมกับสาวใช้มองดูทหารจากวังหลวงตรวจค้นที่ต่างๆ ภายในห้องของนาง ก่อนที่สายตาของนางจะสะดุดเข้ากับบางอย่างที่รอดพ้นการตรวจจับของทหารไป
หยดเลือดนั่นมาได้อย่างไร นางคิดว่าตนเองตรวจดูอย่างละเอียดแล้วเชียวนะ หยวนชิงหลิงเดินไปที่ผนังที่นางถูกจับกดเอาไว้ในตอนแรก นางใช้เท้าเหยียบหยดเลือดนั้นก่อนที่จะขยี้มันแล้วเดินลากขามาที่ประตูหน้าห้องอีกครั้ง ทุกคนภายในห้องต่างมองมาที่นางด้วยสายตาแปลกประหลาด รวมทั้งสาวใช้ของนางด้วย
“คือ....วันนี้ข้าเดินมากเกินไปเลยรู้สึกว่าขาจะเป็นตะคริวน่ะ พวกท่านค้นหาคนร้ายต่อได้เลยไม่ต้องสนใจข้า”
หยวนชิงหลิงทำท่านวดขาตนเอง สายตาก็คอยสอดส่องว่าทหารตรวจพบสิ่งใดในห้องของนางหรือไม่ ชิ! เจ้าคนชุดดำนั่นสร้างปัญหาร้ายแรงเอาไว้ให้นาง แล้วตัวเองก็เผ่นหนีไปไม่แม้แต่จะขอบคุณสักคำ จำเอาไว้เลยถ้าหากพบกันครั้งหน้านางจะเอาคืนทั้งต้นทั้งดอกเบี้ย หยวนชิงหลิงก่นด่าบุรุษผู้นั้นอยู่ในใจ
“หลิงเอ๋อ”
เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้นางหันกลับไปมอง องค์ชายห้า เขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร หยวนชิงหลิงย่อตัวทำความเคารพแสดงท่าทางเหินห่าง
“คารวะองค์ชายห้าเพคะ พระองค์มาทำอันใดที่จวนของหม่อมฉันดึกดื่นเพียงนี้”
หยวนชิงหลิงถามออกไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา สายตาของนางมองตรงไปที่พื้น ตอนนี้นางไม่แม้แต่อยากจะมองใบหน้าของเขา
“หลิงเอ๋อ เจ้ายังไม่หายโกรธข้าอีกหรือ ข้าบอกเจ้าไปแล้วมิใช่หรือว่าข้าเองก็ไม่สามารถขัดพระประสงค์ของฝ่าบาทได้”
องค์ชายห้าถอนหายใจออกมาอย่างจนใจ นางช่างเป็นคนที่ดื้อรั้นและใจแข็งยิ่งนัก
“พวกเจ้าออกไปเถอะ ค้นเพียงเท่านี้ก็พอแล้ว”
องค์ชายห้าเอ่ยกับทหารที่กำลังค้นห้องของนาง ก่อนที่ทุกคนจะพากันออกไป
“ท่านยังมิได้ตอบคำถามของข้าเลย ว่ามาทำอันใดที่นี่”