บทที่4 ความสงสัยที่ผุดขึ้นในใจ
หยวนชิงหลิงผลักองค์ชายห้าที่ประคองตนให้ออกห่าง นางทำใจมองหน้าเขาตอนนี้ไม่ได้ นางไม่อยากต้องมาหลังน้ำตาอย่างไร้ประโยชน์ในตอนนี้ หากว่านี่เป็นลิขิตของสวรรค์จริงๆ นางก็พร้อมก้มหน้ายอมรับมัน ถึงอย่างไรชีวิตของนางก็คงจะไม่แย่ไปกว่านี้อีกแล้ว
เมื่อทุกอย่างสงบลง ขบวนแห่ศพของแม่ทัพหยวนหมิงได้เริ่มเคลื่อนตัวไปยังสุสานอีกครั้ง ท่านแม่และท่านย่าของนางมิได้ตามมาด้วย เพราะพวกเขาสะเทือนใจกับเหตุการณ์ที่พึ่งเกิดขึ้นมากเกินไป จึงมีเพียงสองพี่น้องที่เดินนำโลงศพของบิดาไปยังสุสานตระกูลหยวนอย่างโดดเดี่ยว
หัวไหล่ที่ตั้งตรงของหยวนชิงหลิงรู้สึกหนักอึ้ง ตอนนี้นางเหมือนแบกโลกทั้งใบเอาไว้บนบ่า ไม่ว่าจะหันไปทางไหนล้วนแล้วแต่เป็นทางตันทั้งนั้น นางจะต้องจากบ้านเกิดจากมารดาและน้องชายของนางไปอย่างนั้นหรือ
คนที่นางเคยรักและพึ่งพาที่สุดตอนนี้เขาได้ปล่อยมือของนางแล้ว น้ำตาของหยวนชิงหลิงที่คิดว่าเหือดแห้งไปแล้วค่อยๆ ไหลออกมาอย่างสิ้นหวัง นางอยากทำลายทุกอย่างที่บิดาใช้ทั้งชีวิตปกป้อง นางอยากทำลายตระกูลฉินที่มองเห็นแค่ผลประโยชน์แต่ไม่เคยสนใจชีวิตของผู้อื่น นางอยากจะทำลายแคว้นฉินทิ้งไปซะ
มือเล็กๆ ของใครคนหนึ่งยื่นผ้าเช็ดหน้าให้นาง หยวนชิง หลิงชะงักไปเล็กน้อย นางเงยหน้าขึ้นมองผู้ที่ส่งผ้าเช็ดหน้าให้ตน เด็กหญิงตัวเล็กที่มีผ้าสีขาวไว้ทุกข์ผูกเอาไว้ที่หน้าผากนั่งอยู่ในอ้อมแขนของมารดา กำลังมองมาที่นางด้วยดวงตาซื่อตรงกระจ่างใสและบริสุทธิ์
นั่นสินะ ประชาชนแคว้นฉินทำสิ่งใดผิดกัน นางถึงต้องไปโกรธแค้นพวกเขา ทุกคนที่มาที่นี่ล้วนต่างก็เคารพนับคือบิดาของนาง พวกเขาตามมาส่งท่านพ่อเพราะท่านเป็นวีรบุรุษที่ปกป้องพวกเขามานับสิบปี มิใช่ฮ่องเต้เลวผู้นั้น แต่ท่านก็จะยังคงอยู่ในใจของพวกเขาตลอดไป แม้ว่าร่างของท่านจะถูกฝังลงดินไปแล้ว แต่จากนี้จะมิมีผู้ใดลืมเลือนวีรบุรุษตระกูลหยวนที่สละชีพเพื่อบ้านเมือง และคนที่จะถูกประณามคือฮ่องเต้ชั่วผู้นั้น
“ขอบใจนะหนูน้อย”
หยวนชิงหลิงส่งยิ้มทั้งน้ำตาให้เด็กหญิงผู้นั้นอย่างซึ้งใจ
“พวกเราชาวแคว้นฉิน จะอยู่เคียงข้างตระกูลหยวนตลอดไป ท่านหญิงไม่ต้องเป็นห่วง ท่านแม่ทัพทำเพื่อพวกเรามาทั้งชีวิต ตระกูลหยวนก็ถือว่าเป็นผู้มีพระคุณของพวกเราเช่นกัน”
ชาวเมืองหลายคนต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย ความรู้สึกของพวกเขาได้ส่งมาถึงหยวนชิงหลิงแล้ว นางหันมาคำนับให้ชาวเมืองก่อนที่เดินต่อไปด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง ขอบคุณทุกคนที่อยู่ข้างตระกูลหยวน ข้าหยวนชิงหลิงจะไม่ท้อแท้แม้ว่าหนทางข้างหน้าจะหนักหนาเพียงใดก็ตาม นางให้คำสัญญากับตนเองภายในใจ
ร่างสูงใหญ่ของบุรุษสามคนที่แต่งตัวเหมือนชาวบ้านธรรมดา ยืนมองขบวนแห่ศพที่ยิ่งใหญ่ของแม่ทัพหยวนหมิงจนลับสายตา ดวงตาคมกริบของบุรุษที่ยืนอยู่ตรงกลางมองแผ่นหลังที่ตั้งตรงแต่ดูเด็ดเดี่ยวของหยวนชิงหลิงอย่างครุ่นคิด
“เป็นนางหรือพ่ะย่ะค่ะ”
บุรุษที่ยืนอยู่ตรงกลางพยักหน้า ถึงแม้พวกเขาจะมีใบหน้าที่แสนธรรมดา แต่กลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากคนทั้งสามนั้นกลับดูไม่ธรรมดาเลย
“ไม่คิดเลยว่าฮ่องเต้แคว้นฉินจะชั่วร้ายถึงเพียงนี้ พระองค์ทำเช่นนี้กับครอบครัวของผู้ที่ภักดีต่อตนเองได้อย่างไร ช่างน่าเสียดายฝีมือของแม่ทัพหยวนยิ่งนัก หากว่าเขาเป็นคนแคว้นเซี่ยคงไม่ต้องมาตายอย่างอนาถเช่นนี้ อีกทั้งบุตรสาวเพียงคนเดียวยังต้องมาแบกรับหน้าที่ของผู้อื่นอีก”
บุรุษทั้งสามคนต่างคิดไปในทางเดียวกัน จากนี้ไปแคว้นฉินคงจบสิ้นแล้ว หลังจากที่สูญเสียผู้ที่มีฝีมืออย่างหยวนหมิงไป
“ไปเถอะ เราออกมานานแล้วเดี๋ยวคนของแคว้นฉินจะสงสัยเอา”
“พ่ะย่ะค่ะ”
สองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเอ่ยขึ้นพร้อมกัน ก่อนที่จะเดินกลับไปทางเดิมที่พวกเขาพึ่งจากมา
หลังจากฝังร่างของแม่ทัพหยวนหมิงเสร็จแล้ว สองพี่น้องก็กลับมาดูแลท่านย่าและท่านแม่ที่ตอนนี้ยังไม่ฟื้น หยวนชิงหลิงห่วงว่าทั้งสองคนจะเป็นอันใดไปก่อนจึงให้คนไปเชิญหมอหลวงมาตรวจดู
“โหวฮูหยินและโหวฮูหยินผู้เฒ่าเพียงแต่มีอาการสะเทือนใจและอ่อนเพลียเท่านั้นขอรับ ข้าได้จัดยาบำรุงและยาสงบใจให้ทั้งสองท่านแล้ว เสี้ยนจู่อย่าได้เป็นห่วง”
หยวนชิงหลิงขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจ ข่าวลือช่างรวดเร็วเหลือเกินนะ ข้าพึ่งได้รับพระราชโองการแต่งตั้งเมื่อไม่กี่ชั่วยามก่อน แต่ดูเหมือนพวกท่านจะรู้กันหมดทุกคนแล้ว ถึงแม้นางจะรู้ว่าเรื่องนี้จะต้องเป็นการรวมหัวกันของพวกขุนนางเฒ่าในราชสำนัก และฮ่องเต้ทรราชผู้นั้น แต่นางก็ยังรู้สึกไม่พอใจอยู่ดี
“ขอบคุณท่านหมอเจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าจะให้คนไปส่งท่านกลับ”
หยวนชิงหลิงสั่งให้พ่อบ้านนำรถม้าไปส่งหมอหลวง นางเดินกลับไปที่เรือนของตนหลังจากที่สั่งให้คนดูแลมารดาและท่านย่าของนางให้ดี ร่างสูงโปร่งเดินตามนางมาเงียบๆ หยวนชิงหลิงรู้อยู่แล้วแต่นางมิได้เอ่ยสิ่งใดออกมา จนกระทั่งมาถึงด้านหน้าเรือนของนาง
“ท่านมาช่วยงานศพบิดาข้าที่นี่ทุกวันคงจะเหน็ดเหนื่อยมาก ตอนนี้เรื่องทุกอย่างก็เสร็จสิ้นแล้ว ข้าว่าท่านกลับไปพักผ่อนเถอะ”
นางเอ่ยกับองค์ชายห้าด้วยน้ำเสียงเย็นชา ฉินฉู่อี้มองใบหน้างามด้วยดวงตาสับสน ก่อนที่จะดึงร่างของหยวนชิงหลิงเข้ามากอด
“หลิงเอ๋อข้า.....ข้าขอโทษ เรื่องนี้ข้าไม่สามารถช่วยเจ้าได้จริงๆ ข้าพยายามแล้ว”
หยวนชิงหลิงเหนื่อยเกินกว่าที่จะปฏิเสธ หัวใจของนางนั้นด้านชาจนไม่รู้สึกอะไรแล้ว แม้แต่น้ำตาของนางก็ไม่สามารถหลังออกมาได้ในตอนนี้
“ช่วยไม่ได้หรือ”
ร่างบางค่อยๆ ดันเขาให้ออกห่าง หยวนชิงหลิงจ้องใบหน้าหล่อเหลาขององค์ชายห้าด้วยสายตาค้นหา ชายผู้ที่นางวางหัวใจเอาไว้ในมือของเขา คนผู้นี้ที่นางคิดว่าเขาเองก็รักนางดุจเดียวกัน
“มิใช่ว่าฝ่าบาททรงรังเกียจข้าอย่างนั้นหรือ มิใช่ว่าพระองค์ทรงเตรียมสตรีที่มีชาติตระกูลดีเอาไว้ให้ท่านแล้วใช่หรือไม่ หรือเป็นท่านที่เลือกเส้นทางนี้ด้วยตนเอง”
“หลิงเอ๋อ...ข้า”
องค์ชายห้าแสดงท่าทีลนลานออกมาอย่างเห็นได้ชัด หลังจากที่หยวนชิงหลิงเอ่ยเรื่องนี้ออกมา เป็นเช่นนั้นเองสินะ นางเพียงแค่ลองหยั่งเชิงดูเท่านั้น ไม่คิดว่าเรื่องที่นางสงสัยจะเป็นเรื่องจริง เมื่อก่อนหยวนชิงหลิงเคยได้ยินสาวใช้ของนางเอ่ยถึงเรื่องที่องค์ชายห้าเข้าออกจวนตระกูลหลี่บ่อยครั้งเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
แต่เพราะนางรักเขามากจึงแสร้งปิดตาไม่รู้ไม่เห็นเรื่องที่เขากระทำ ทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องของการเสริมอำนาจหรือเป็นเพราะความต้องการของตัวท่านเองกันแน่ ตระกูลหลี่อย่างนั้น หรือ หลี่ฮั่วชางผู้นั้นเป็นรองแม่ทัพของบิดานาง
เพราะท่านพ่อของข้าสิ้นชีพที่สนามรบท่านเลยคิดที่จะผูกสัมพันธ์กับตระกูลหลี่หรือว่ามีอะไรที่มากกว่านั้น ไม่ใช่สิ เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าท่านพ่อจะตายในสนามรบ เช่นนั้นแล้วมันเรื่องอะไรกันแน่ ฉินฉู่อี้ท่านกำลังคิดที่จะทำอะไร