บท
ตั้งค่า

บทที่3 พระบรมราชโองการ

บุรุษวัยกลางคนใบหน้าเกลี้ยงเกลาท่าทางอ้อนแอ้นก้าวลงมาจากรถม้า เขาเดินตรงมาและหยุดอยู่ที่ด้านหน้าของหยวนชิงหลิง นางจำได้ว่าเขาคือขันที่ที่รับใช้ข้างกายของฮ่องเต้ เพราะนางมีโอกาสได้พบหน้าเขาหลายครั้ง เมื่อนางตามบิดาเข้าไปในวังหลวง

“คารวะหลู่กงกงเจ้าค่ะ”

หยวนชิงหลิงย่อกายทำความเคารพอย่างอ่อนช้อย หลู่กงกงลอบสังเกตใบหน้าที่ซีดเซียวของนางเล็กน้อย ก่อนจะโค้งคำนับให้นางเช่นเดียวกัน

แม่นางผู้นี้ช่างงดงามโดดเด่นจริงๆ นางงามมากกว่ามารดาของนางสมัยยังเป็นดรุณีแรกรุ่นเสียอีก นางได้ความสง่างามของบิดาและความอ่อนหวานของมารดาทำให้นางดูเป็นสตรีที่งดงามแบบไม่ต้องพยายามแม้เพียงนิด แม้จะอยู่ในชุดไว้ทุกข์สีขาวแต่กลับมิสามารถลดทอนความโดดเด่นของใบหน้านั้นไปได้เลย ฝ่าบาทตัดสินใจถูกแล้วจริงๆ

“คารวะองค์ชายห้า คุณหนูหยวน ข้ามีพระบรมราชโองการจากฝ่าบาทมามอบให้ตระกูลหยวนขอรับ”

ท่านย่าและมารดาของหยวนชิงหลิงเดินมาด้านหน้าพอดี พวกเขาไม่คิดว่าฝ่าบาทจะมีพระราชโองการลงมาตอนนี้ ทุกคนต่างคุกเข่าลงรวมทั้งชาวเมืองที่มาส่งศพของแม่ทัพหยวนด้วย

“พระบรมราชโองการจากฟ้า แม่ทัพใหญ่หยวนหมิงมีความดีความชอบ สละชีพเพื่อบ้านเมือง แต่งตั้งให้เป็นจงหย่งโหวให้บุตรชายหยวนเฉิงอี้เป็นผู้รับสืบทอดบรรดาศักดิ์ มอบทองคำสองหีบตั๋วเงินสองหมื่นตำลึง แต่งตั้งบุตรสาวหยวนชิงหลิงผู้มีคุณธรรม เฉลียวฉลาดและสง่างามให้เป็นลู่จิวเสี้ยนจู่ท่านหญิงขั้นสี่ หลังจากฝังรางของแม่ทัพหยวนหมิงเสร็จแล้ว ให้เดินทางไปที่แคว้นเซี่ยพร้อมคณะทูต จบราชโองการ”

หยวนชิงหลิงตกใจจนหูอื้อทำสิ่งใดไม่ถูก หลู่กงกงต้องเอ่ยเรียกนางซ้ำๆ หลายครั้งสติของนางจึงค่อยกลับมา

“ท่านหญิงลู่จิวรับพระราชโองการเถิดขอรับ”

“จะ..เจ้าค่ะ”

หยวนชิงหลิงรับพระราชโองการมาจากหลู่กงกง ด้วยท่าทางที่สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ใบหน้างามที่ซีดเซียวแสดงอาการตกใจออกมาอย่างปิดไม่มิด ก่อนที่เขาจะจากไปหลู่กงกงยังหันกลับมาพูดกับนางอีกสองสามประโยค

“ขอแสดงความเสียใจเรื่องของท่านแม่ทัพหมิงด้วยขอรับท่านหญิงโชคดีมากที่ฝ่าบาทเลือกท่านให้ทำภารกิจในครั้งนี้ ท่านได้ทำคุณงามความดีเพื่อบ้านเมืองดั่งเช่นบิดาของท่านแล้ว ชาวเมืองจะต้องสรรเสริญท่านไม่ต่างจากบิดาแน่นอน อ่อ ท่านรู้หรือไม่ว่าชื่อของท่านฝ่าบาทเป็นผู้ตั้งเองกับมือจนเหล่าองค์หญิงในวังพากันอิจฉา ลู่จิวหยกแห่งโชคชะตา ท่านนั้นงดงามเหมือนดั่งหยกและหน้าที่ที่ท่านได้รับมามันคือโชคชะตา เช่นนั้นข้าน้อยขอตัวก่อน”

เอ่ยจบ ขันทีวัยกลางคนก็เดินขึ้นรถม้าจากไป หยวนชิงหลิงที่ยืนคุยอยู่กับหลู่กงกงค่อยๆ หันกลับมามององค์ชายห้าช้าๆ ตอนนี้นางเหมือนถูกฟ้าผ่าตอนกลางวันแสกๆ ร่างของนางชาไร้ความรู้สึกตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า

บิดาของนางพึ่งจากไปได้เพียงไม่นาน ฮ่องเต้ก็คิดที่จะส่งนางไปให้แคว้นศัตรูที่เป็นผู้สังหารบุพการีของนางเสียแล้ว นี่คือการมอบรางวัลสำหรับผู้ที่เสียสละทั้งชีวิตเพื่อแผ่นดินอย่างนั้นหรือ ฮ่องเต้ทำเช่นนี้ต่อผู้ที่จงรักภักดีต่อพระองค์ได้อย่างไร

ร่างบางของหยวนชิงหลิงซวนเซไปด้านข้าง ตอนนี้นางไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะยืนได้อีกต่อไป ท่านย่าและท่านแม่ของนางทั้งตกใจและเสียใจที่พวกตนถูกผู้ที่เป็นใหญ่ที่สุดในแผ่นดินกระทำเช่นนี้ ทั้งสองร้องไห้คร่ำครวญถึงบรรพบุรุษตระกูลหยวนจนสลบไป ทำให้ด้านหน้าจวนเกิดความโกลาหลขึ้น ทั้งที่ขบวนส่งศพของแม่ทัพหยวนหมิงยังไปไม่ทันถึงสุสานเสียด้วยซ้ำ

“ท่าน....ทราบเรื่องนี้หรือไม่”

หยวนชิงหลิงเงยหน้าขึ้นถามองค์ชายห้าที่ประคองร่างของนางเอาไว้ในอ้อมแขน ไม่มีเสียงตอบกลับมามีเพียงแค่ความเงียบงันระหว่างคนทั้งสอง

“ท่าน...รู้อยู่แล้วสินะ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel