ตอนที่ 1 หวนคืนอีกครา....
“หากข้ามีโอกาสหวนคืนอีกครั้ง ข้าจะไม่มีวันให้อภัยท่าน!!”
เขาลั่วซาง นอกเมืองหยางโจว
“เฮือก….แคก แคก….ที่นี่….คือที่ใด”
“คุณหนู!! ท่านอยู่ที่นี่เองหรือเจ้าคะ ตายจริง!! ท่านถูกงูกัดหรือเจ้าคะ”
“งูกัด? คุณหนูงั้นหรือ เจ้าเป็นผู้ใดกัน”
“คุณหนูเจ้าคะ นี่ข้าเองอาหยงอย่างไรเจ้าคะ คุณหนูท่านช่างใจแข็งนัก แม้ว่าท่านจะมีปากเสียงกับนายท่านแต่ก็ไม่ควรใจร้อนหนีมาอยู่ในป่านี้เพียงลำพังนะเจ้าคะ ข้าแอบหนีตามท่านออกมาเจ้าค่ะ นึกไม่ถึงว่าท่านจะมีสภาพเป็นเช่นนี้ นี่พึ่งจะสิบวันเองที่ท่าน….”
“โอ๊ย!! อย่าพึ่งพูด พยุงข้าก่อนแล้วค่อย ๆ เล่า”
“ไป๋ซูเม่ย” รู้สึกว่าขานางได้รับบาดเจ็บแต่ในตอนนี้เริ่มดีขึ้นมาแล้ว แม้ว่าจะยังจับต้นสายปลายเหตุไม่ได้ แต่ดูจากสิ่งที่อยู่ตรงหน้าในยามนี้ …..นางทำสำเร็จแล้ว
ก่อนหน้านี้
“อิ่นหลง ยอมแพ้เสียเถอะเจ้าไม่มีทางรอดแล้ว”
“พวกเจ้าเคยเป็นคนของข้า!!….เหตุใด…..”
“ขออภัย เงินผู้ใดให้มาข้าก็รับใช้คนผู้นั้น “อิ่นหลง” ต้องโทษที่เจ้ารักคนที่ไม่ควรรักจึงทำให้เกิดเรื่อง หากว่าเจ้ายังอยู่ องค์ชายสี่ไม่มีทางมีความสุข”
“แต่ข้า!! ข้าเป็นคนช่วยชีวิตเขา เป็นองครักษ์ข้างกายที่ซื่อสัตย์ของเขามาโดยตลอด ทำไม…ข้าไม่เชื่อว่าเขาจะ….”
นางถูกตัดแขนข้างที่ใช้ดาบได้ไปแล้ว บัดนี้ตรงหน้าคือนักฆ่าที่นางฝึกมากับมือและพาเข้าวังเพื่อเป็นองครักษ์ติดตามขององค์ชายสี่ ด้านหลังคือหน้าผาสูงชันความลึกมิอาจคาดเดาได้
“หากว่าข้าจะต้องตาย ข้าไม่มีทางปล่อยให้พวกเจ้าทำได้ พวกเจ้ามัน…ไม่มีค่าพอ”
“อิ่นหลง!!”
นางได้ยินเสียงที่เรียกนางเป็นเสียงสุดท้ายก่อนที่จะทิ้งร่างที่เหลือลงไปในเหวลึก ความเย็นของม่านหมอกที่ปกคลุมร่างของนางแทบจะไร้ความรู้สึก
"หากเป็นไปได้ ถ้าสวรรค์จะเมตตาข้าอีกสักคราถ้าหากข้ามีโอกาสได้กลับมา ข้าจะแก้แค้นพวกเจ้าให้หมดทุกคน “องค์ชายสี่เสวียนอวี่” ….ข้าจะไม่มีทางอภัยให้ท่านเป็นอันขาด!!”
กระท่อมไม้ไผ่
นางเองก็ไม่เข้าใจว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกับนาง ครั้งสุดท้ายที่จำได้คือนางกระโดดหน้าผา แต่กลับตื่นขึ้นมาในร่างของสตรีที่บอบบางแต่ดูมีความรู้เพราะสิ่งที่นางทิ้งไปเป็นเพียงวิญญาณแต่ความรู้ความสามารถของนางยังอยู่
“อิ่นหลง” นักฆ่าและองครักษ์ที่เก่งที่สุดในแดนมืดแห่ง “หอหลัวต๋า” สำนักฆ่าอันดับหนึ่งในใต้หล้าที่มาสวมร่างของสตรีบอบบางในตอนนี้กำลังมองไปยังใบหน้าของสาวใช้อายุน้อยอีกคนที่พยายามเช็ดตัวและทำแผลให้กับนางอยู่
“นึกไม่ถึงว่านายท่านจะใจร้ายถึงเพียงนี้ ให้ท่านมาอยู่ที่นี่เพียงแค่จะรับอนุคนใหม่ ฮือ…คุณหนู ไม่ต้องกลัวนะเจ้าคะต่อไปอาหยงจะอยู่กับคุณหนูเอง”
“เจ้า…เอ่อ อาหยง เจ้าบอกว่าข้า….”
อาหยงเล่าให้นางฟังว่านางคือ “ไป๋ซูเม่ย” เป็นบุตรสาวของท่านหมอหลวง “ไป๋เหลียน” นางเป็นทั้งสาวงามอันดับหนึ่งในหยางโจว อีกทั้งมีความรู้ความสามารถรอบด้านทั้งเรื่องการรักษาที่เก่งไม่ต่างกับบิดา ครั้งนี้นางกับบิดาทะเลาะกันอย่างรุนแรงเรื่องที่เขาจะรับอนุเข้ามาในจวน นางจึงตัดสินใจออกจากจวน
“เช่นนั้นเขาก็มิได้ไล่ข้าออกมา เป็นข้าที่ออกมาเอง”
“ที่นี่…เป็นที่ที่ท่านร่ำเรียนวิชาแพทย์สมุนไพรกับอาจารย์หมอเทวดาเมื่อสามปีก่อนเจ้าค่ะ ท่านจำไม่ได้เลยหรือเจ้าคะ เจ้างูนี่มีพิษทำให้ท่านความจำเสื่อมหรือไม่เจ้าคะ”
“เอ่อ....อาจจะเป็นเช่นนั้นข้าคิดว่าอาจจะทำให้ข้าหลงลืมบางเรื่อง ว่าแต่ที่นี่คือนอกเมืองหยางโจวงั้นหรือ”
“ใช่เจ้าค่ะ แม้จะอยู่นอกเมืองค่อนข้างไกลแต่ก็ยังมิใช่เมืองฉินโจว เมืองหลวงของแคว้นฉินเจ้าค่ะ”
“แล้วที่นี่มีผู้ใดปกครองอยู่ เมืองหยางโจว…หรือว่าจะเป็น…ท่านอ๋อง “เว่ยฉางรุ่ย” ผู้เป็นหนึ่งในสามแม่ทัพรักษาแคว้นฉิน”
“ใช่เจ้าค่ะ คุณหนูท่านไม่เคยสนใจเรื่องในราชสำนัก ท่านรู้จักท่านอ๋องเว่ยได้เช่นไรเจ้าคะ”
“อ่อ…เอ่อ…เคยได้ยินท่านพ่อพูดถึงน่ะ”
“นายท่านเป็นห่วงคุณหนูแต่ก็ไม่ออกตามหา เหตุใดพวกท่านไม่คุยกันดี ๆ เจ้าคะ ข้าเองก็รู้ว่านายท่านเป็นห่วงมิเช่นนั้นคงมิทำเป็นหลับตาทำเป็นมองไม่เห็นว่าข้าตามคุณหนูออกมา”
นางไม่ได้ฟังที่สาวใช้พูดเลย “อิ่นหลง” ในร่างของ “ไป๋ซูเม่ย” กำลังเดินวนไปมาและคิดทบทวนบางอย่าง นางตายแล้วครั้งหนึ่ง แขนขวานางถูกตัดก่อนตายแต่บัดนี้แขนนางยังมีอยู่ครบทั้งสองข้าง เช่นนั้นแล้ววรยุทธ์ของนางเล่า….
“เพล้ง!!”
“กรี๊ด!! มีหนูแน่ ๆ คุณหนูข้าจัดการเองเจ้าค่ะ”
อาหยงคว้าไม้กวาดที่ปลายบานแล้วขึ้นมาด้วยตัวที่สั่น แม้ว่านางจะกลัวแต่ก็พยายามปกป้องคุณหนูของนางอย่างเต็มที่จนทำให้อิ่นหลงอดขำกับท่าทีน่าเอ็นดูนั้นมิได้ ในชาติก่อนนางไม่มีเพื่อนที่เป็นสตรีเลยแม้แต่คนเดียว
“อาหยง ไม่มีอะไรหรอกขวดนั่นตั้งอยู่ใกล้หน้าต่าง พอโดนลมพัดมันจึงตกแตกก็เท่านั้นเจ้าแค่เก็บกวาดไปก็พอ”
“จะ…เจ้าค่ะ”
แม้ว่าจะเป็นสตรีแต่อิ่นหลงก็อุ่นใจที่มีอาหยงมาอยู่เป็นเพื่อนในยามนี้เพราะนางแทบจะไม่รู้เรื่องของไป๋ซูเม่ยผู้นี้เลย ในเมื่อสวรรค์ให้โอกาสนางที่จะกลับมา เช่นนั้นนางจะไม่ยอมปล่อยโอกาสเช่นนี้ไป
“คุณหนู นั่นท่าน…จะไปที่ใดเจ้าคะ”
“ข้าจะออกไปเดินเล่นข้างนอกหน่อย ที่นี่ก็ฝากเจ้าเก็บกวาดและทำความสะอาดเสียหน่อยนะ เจ้าก็เห็นว่าข้าทำได้ไม่ดีเท่าใดนัก”
“รับทราบเจ้าค่ะคุณหนูไม่ต้องห่วงนะเจ้าคะ ข้านำผักและอาหารมาอีกมากมายเลยข้าทำความสะอาดตรงนี้เสร็จแล้วจะรีบทำอาหารอร่อย ๆ ให้ท่านกินเจ้าค่ะ”
“อืม ลำบากเจ้าแล้ว”
“คุณหนูเจ้าคะ!!”
อาหยงเรียกนางด้วยน้ำเสียงตกใจ ไป๋ซูเม่ยหันไปมองหน้านางที่ยืนตัวสั่นหน้าซีดอยู่ด้านหลัง
“มีอะไรงั้นหรือ”
“นะ…นั่น…นั่นมัน….มะ…มะ…แมงมุม….”
ซูเม่ยหันไปเห็นแมงมุมพิษสีดำที่น่าจะหลุดมาจากที่ไหนสักที่ในห้องนี้ เป็นปกติเพราะมันชอบอยู่ตามที่รกร้างเช่นนี้ ไป๋ซูเม่ยใช้นิ้วนี้ชี้ไปที่มัน พลังปราณของนางทำให้แมงมุมพิษนั่นแข็งทื่อไปในทันที มันตกลงพื้นและแน่นิ่งไปจนสาวใช้กรีดร้อง
“เจ้าไม่ต้องร้อง มันตายแล้ว”
“ตะ…ตายแล้ว…เป็นไปได้เช่นไรเจ้าคะเมื่อครู่นี้มันยังไต่อยู่ที่ด้านหลังของคุณหนู….”
“ไม่เชื่อเจ้าก็ดูสิ”
อาหยงหันไปมองแมงมุมที่แน่นิ่งหงายท้องแต่นางกลับแปลกใจมากกว่านั้นคือการที่ไป๋ซูเม่ยที่ปกติแล้วกลัวแมงมุมทุกชนิดเดินเข้ามาและใช้ผ้าจับแมงมุมนั้นขึ้นมา
“ทะ…ท่าน…คุณหนู ท่านไม่กลัวมันหรือเจ้าคะ”
“อ้อ…เอ่อคือ….การอยู่ด้วยตัวเองทำให้ข้า…เลิกกลัวน่ะ แมงมุมนี่พิษร้ายกาจนัก เอามาปรุงยาพิษได้เอาขวดโหลมาเก็บมันเอาไว้ก่อน”
“ยะ…ยาพิษงั้นหรือเจ้าคะ คุณหนูเจ้าคะเราปรุงแต่ยารักษาโรคมิใช่หรือเจ้าคะเหตุใด….”
“อาหยง….บนโลกใบนี้ไม่ได้มีเพียงยาที่เอาไว้รักษาโรคอย่างเดียวหรอกนะที่ช่วยผู้อื่นได้ ยาพิษก็ช่วยคนได้เช่นกัน”
“ช่วยได้งั้นหรือเจ้าคะ ช่วย….เช่นไรเจ้าคะ”
“ก็….ช่วยให้พวกเขาตายเร็วขึ้น จะได้ไม่ทรมานอย่างไรเล่า”