บท
ตั้งค่า

บทที่3 อยากขับข้าออกจากตระกูลหรือ ท่านไม่มีสิทธิ์

ผ่านไปไม่นานจางซานเหนียงก็กลับมาพร้อมกับหัวหน้าหมู่บ้านแซ่สือนามว่าชางไห่อายุราวสี่สิบปี ด้านหลังของเขาคือชายชราผมขาวในความทรงจำของเจิ้งซูอี้เขาคือปู่ของหลิวอันอันหลิวเจี้ยนกั๋ว ชายชราเดินเอามือไพล่หลังตามมาใบหน้าเย็นชาท่าทางไม่ยินดียินร้ายของเขาบ่งบอกว่าไม่ได้ใส่ใจในเรื่องนี้เลย แม่เฒ่าจางเมื่อเห็นหัวหน้าหมู่บ้านเดินเข้ามานางก็รีบปรี่เข้าหาเขาทันที

“ท่านหัวหน้าหมู่บ้านท่านมาก็ดีแล้ว วันนี้ข้าจางกุ้ยฮวาขอตัดขาดจากหลิวตงจวิ้นและขับเขาออกจาตระกูลหลิว”

ถึงแม้ชาวบ้านจะได้ยินนางพูดเรื่องจะขับหลิวตงจวิ้นออกจากตระกูลมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่คิดเพียงว่านางอาจจะแค่โมโหเท่านั้นไม่ได้คิดว่านางจะจริงจังถึงเพียงนี้

“หยุดก่อนนี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ค่อยๆ พูดค่อยๆ จากันก่อนได้หรือไม่”

หัวหน้าหมู่บ้านสือปรามแม่เฒ่าจางให้ใจเย็นลง แม่เฒ่าจางเอาแต่ทำหน้าร้องไห้ทั้งยังก่นด่าสาปแช่งหลิวตงจวิ้นหาว่าเขาอกตัญญูและไม่เคารพผู้อาวุโส หลิวตงจวิ้นผู้ที่ถูกกล่าวหายังคงยืนเงียบอยู่อย่างนั้นไม่แม้แต่จะโต้แย้งสิ่งที่แม่เฒ่าจางพูดเลยสักนิด เจิ้งซูอี้คอยสังเกตอยู่ห่างๆ ว่าเขาจะทำอย่างไรต่อไป ถ้าหากว่าเขาตัดสินใจที่จะออกมาจากตระกูลหลิวนางก็จะช่วยเขาเอง แต่ถ้าหากเขาอ้อนวอนยายเฒ่าขี้โวยวายนางจะยุให้ท่านแม่ของหลิวอันอันทิ้งเขาไปเลย

“ท่านหัวหน้าหมู่บ้านข้าหลิวตงจวิ้นไม่มีสิ่งใดจะพูด ถึงตัวข้าจะไม่ใช่บุตรที่เกิดจากท่านพ่อและท่านแม่แต่ข้าก็เคารพทั้งสองเช่นบิดามารดาแท้ๆ แต่ว่าวันนี้ที่ท่านแม่ทำมันเกินไปจริงๆ หากนางต้องการขับข้าออกจากตระกูลหลิวเช่นนั้นข้าหลิวตงจวิ้นก็ขอพูดสักหน่อยเถอะ ท่านแม่ท่านไม่สามารถทำเช่นนั้นได้เพราะข้าไม่ได้ทำสิ่งใดผิดต่อท่านหรือผิดต่อตระกูลหลิว อีกอย่างถึงข้าจะเรียกท่านว่าแม่แต่ข้ายังคงเป็นบุตรชายของหลิวตงเฟิง และข้าเป็นทายาทเพียงหนึ่งเดียวของเขาถึงแม้ท่านจะเป็นสะใภ้ของตระกูลหลิวแต่ท่านก็ไม่ได้แซ่หลิวดังนั้นเรื่องนี้ท่านจึงไม่มีสิทธิ์พูด ถ้าหากว่าต้องการขับข้าออกจาตระกูลหลิวจริงๆ เช่นนั้นก็รวบรวมผู้อาวุโสของตระกูลหลิวมาแล้วบอกพวกเขาว่าข้าผิดอันใด ที่ผ่านมาข้าเองก็รู้สึกขอบคุณที่พวกท่านคอยดูแลข้ามาตลอดหลายปี แต่วันนี้ถ้าหากท่านต้องการจะตัดขาดจากข้าจริงๆ พวกท่านต้องคืนที่ดินที่เป็นของบิดาข้ามาก่อน”

ทั้งหัวหน้าหมู่บ้านและชาวบ้านที่มาชุมนุมต่างพากันส่งเสียงฮือฮา พวกเขาลืมไปได้อย่างไรว่าหลิวตงเฟิงตอนที่พาหลิวตงจวิ้นมาฝากหลิวเจี้ยนกั๋วเอาไว้ก่อนออกจากหมู่บ้านไปเขามีทรัพย์สมบัติมากมายเพียงใด แต่ดูสถานที่ที่บุตรชายของเขาอยู่สิชาวบ้านพร้อมใจกันหันไปมองหลิวเจี้ยนกั๋วพี่ชายของหลิวตงเฟิงที่เป็นผู้รับเลี้ยงหลิวตงจวิ้นเอาไว้พร้อมกัน

ตลอดหลายปีที่ผ่านมาพวกเขาเห็นหลิวตงจวิ้นเติบโตมาที่เรือนสกุลหลิว เขาทำงานอย่างหนักไม่เคยได้พักต่างจากบุตรชายทั้งสองของผู้เฒ่าหลิวที่ไม่ต้องทำงานและได้ร่ำเรียนที่สำนักศึกษา แต่พวกเขาก็ไม่เคยเห็นหลิวตงจวิ้นพร่ำบ่นว่าน้อยใจหรือว่าร้ายคนตระกูลหลิวออกมาเลยสักคำ คนที่ใกล้ชิดกับหลิวตงจวิ้นต่างรู้ดีว่าเขานั้นเป็นคนที่ซื่อตรงเพียงใด นิสัยของเขาเป็นเช่นเดียวกับบิดาของเขาเอง

“อาจวิ้นเจ้าพูดเช่นนี้ได้อย่างไร”

ผู้เฒ่าหลิวที่ยืนเงียบมานายเอ่ยขึ้น

“เราเลี้ยงดูเจ้ามาตั้งหลายปีเจ้าไม่คิดว่าที่ดินที่น้องชายข้าทิ้งเอาไว้ให้นั้นมันจะหมดไปเพราะเลี้ยงดูเจ้าบ้างหรือ”

ผู้เฒ่าหลิวยังคงแสดงท่าทางสุขุมเหมือนดั่งคนที่เคยร่ำเรียนมา แต่สายตาหลุกหลิกของเขานั้นเจิ้งซูอี้มองออกว่าเขากำลังคิดหาทางออกให้กับตนเอง

“เช่นนั้นท่านจะบอกว่าให้ท่านพ่อของข้ายกที่ดินทั้งหมดให้พวกท่านแลกกับการกตัญญูเช่นนั้นหรือ”

เจิ้งซูอี้เดินออกมายืนด้านหน้ากับหลิวตงจวิ้น ผู้เฒ่าหลิวขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ

“เจ้าเป็นเพียงผู้น้อย หาใช่เรื่องที่เจ้าควรสอดปาก”

ผู้เฒ่าหลิวเอ็ดเจิ้งซูอี้เสียงขรึมแสดงท่าทางผู้ทรงภูมิและมีเหตุผลออกมา แต่นั่นใช้ไม่ได้กับเจิ้งซูอี้ที่ถูกเลี้ยงดูมาในตระกูลใหญ่ นางย่อมมองออกว่าผู้ใดมีความรู้จริงผู้ใดเสแสร้งแสดงออกมา ตลอดหลายปีที่นางตระเวนออกศึกกับท่านปู่และท่านพ่อของนาง ไม่มีใครเคยพูดว่าผู้ใหญ่หรือผู้น้อยเมื่อพวกเขาคุยกันยามวางแผนการรบเพราะทุกคนล้วนใช้ความสามารถคุยกันหาใช่ความอาวุโส

“แต่นี่เป็นเรื่องของครอบครัวข้า หากไม่ให้ข้าสอดปากเช่นนั้นจะปล่อยให้พวกท่านฮุบเอาสิ่งของที่เป็นของท่านปู่แท้ๆ ของข้าไปเช่นนั้นหรือ ท่านปู่ของข้าหายไปเกือบสามสิบปีใครๆ ต่างก็คิดว่าท่านอาจจะตายไปแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ยืนยันเรื่องนั้นเลยนี่ หากวันหนึ่งท่านปู่ของข้ากลับมาที่นี่อีกครั้งจะให้เขานอนข้างถนนเช่นนั้นหรือ ท่านที่เป็นคนตระกูลหลิวเช่นเดียวกันไม่คิดว่าตนเองใจร้ายไปหน่อยหรือไม่”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel