ตอนที่ 2 คุณเป็นญาติผู้ป่วยเหรอ
น้ำตาหยดเล็ก ๆ ไหลลงมาเมื่อเขาสวมแหวนไปที่นิ้วนางข้างซ้ายของเธอ
“คำตอบล่ะ”
เนยมองไปที่แหวนเพชรที่นิ้วมือนั้นและหันไปมองหน้าเขาอีกครั้ง
“ค่ะ เนยตกลงจะแต่งงานกับพี่เรย์ค่ะ”
ภาพวันเก่า ๆ บนโซฟาตัวเดิมที่เธอยืนมองอยู่ตรงนี้ค่อย ๆ หายไป นานกว่าห้าปีแต่หมอเรย์ก็ยังไม่ย้ายออกไปจากคอนโดนี้ คงเพราะที่นี่ค่อนข้างสะดวกสบายและใกล้ที่ทำงานเขาละมั้ง
ห้องนอน
“พี่เรย์ คือว่า….”
“พี่จะค่อย ๆ ทำ ครั้งแรกของเราต้องสมบูรณ์แบบที่สุด ไม่ต้องกลัวนะเนย พี่รักเนยนะ”
“เนย…เนยก็รักพี่เรย์ อ๊ะ!!”
ในวันนั้นเขาบอกรักเธอทั้งคืน เซ็กส์ครั้งแรกและครั้งเดียวของพวกเขาเริ่มต้นขึ้นที่นี่ ก่อนที่มันจะจบลง เนยค่อย ๆ เดินมาและลูบไปที่เตียงนั้นอีกครั้ง
สัมผัสของรักครั้งแรกที่เขามอบให้ ทั้งอ่อนหวาน นุ่มนวลและอ่อนโยนราวกับถูกโอบอุ้มด้วยผ้าห่มในคืนวันหนาวเหน็บ อ้อมกอดของคนที่รักที่เธอรู้สึกในวันแรกแต่ในตอนนี้….ไม่มีอะไรที่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว
หนึ่งเดือนก่อนหน้านั้น
“อะไรนะ พ่อ…พ่อเป็นเนื้องอกในสมองเหรอคะ ไม่ผิดแน่เหรอคะ”
“ไม่ผิดแน่ พี่อยากให้เนยรีบมาโรงพยาบาลตอนนี้พี่ทำเรื่องพักงานให้คุณอาแล้วแต่ว่ายังต้องให้ญาติเซ็นยินยอมในการผ่าตัดนะครับ”
“ค่ะ ๆ เนยทราบแล้วค่ะพี่พีร์”
“พีรพัตน์” เป็นเจ้านายของพ่อและเป็นเพื่อนบ้านเก่าของเธอสมัยที่เธอเรียนมหาลัย แม้ว่าเขาจะชื่นชอบเธอแต่เนยในตอนนั้นก็มีแฟนอยู่แล้ว พีรพัตน์เองก็เป็นพี่ชายที่ดีของเธอมาโดยตลอดโดยไม่เคยเรียกร้องอะไรมากกว่านั้น
โรงพยาบาล
“พี่พีร์คะ พ่อของเนยล่ะคะ”
“อยู่ในห้องตรวจน่ะ เนยใจเย็น ๆ ก่อนนะพี่ทำเรื่องลางานให้คุณอาแล้ว”
“ญาติคุณสมชาติอยู่ไหมคะ”
“ฉันเองค่ะ!!”
“เชิญทางนี้เลยค่ะ คุณหมออยากคุยกับคุณเรื่องอาการของผู้ป่วยค่ะ”
“พี่ไปด้วย”
“ขอบคุณค่ะพี่พีร์”
พวกเธอเดินตามพยาบาลเข้าไปยังห้องตรวจหมายเลขสองที่อยู่ตรงข้าม ตอนนี้พ่อของเธอถูกนำไปตรวจอีกขั้นตอนหนึ่งโดยมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจอาการอยู่
“เชิญครับ”
เสียงหมอในห้องตรวจแจ้งให้คนข้างนอกเปิดเข้ามา พีรพัตน์เปิดประตูให้กับเนยก่อนที่พวกเขาจะเดินเข้าไปพบคุณหมอที่ยังหนุ่มและดูดีมากนั่งรออยู่ เนยแทบจะก้าวขาเข้าไปไม่ออกและชะงักไปนิดหน่อยเมื่อเห็นว่าคุณหมอที่ว่านั้นคือใคร
“เชิญนั่งครับ คุณเป็นญาติผู้ป่วยเหรอครับ”
เขาตั้งคำถามนี้ไปที่พีรพัตน์โดยตรงซึ่งเดินมาดึงเก้าอี้ให้เนยนั่ง ทุกการกระทำของพวกเขาหมอเรย์เห็นทั้งหมด ตอนนี้เนยที่นั่งหน้าซีดมากกว่าเดิมซึ่งไม่รู้ว่ากลัวอาการของพ่อเธอที่แย่ลง หรือว่าคนที่นั่งอยู่ตรงหน้านี้มากกว่ากัน
“เอ่อ ไม่ใช่ครับเป็นเจ้านาย”
“ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องรบกวนคุณออกไปรอด้านนอกก่อนนะครับเพราะอาการนี้ผมอยากจะปรึกษาญาติโดยตรงของคนไข้น่ะครับ”
“เอ่อ…แต่ว่าผมก็ถือว่าเป็นญาติ”
“พี่พีร์คะ ออกไปรอข้างนอกก่อนเถอะค่ะ”
“เนยไหวแน่นะทำไมเนยหน้าซีดแบบนี้ล่ะ พี่ว่า…”
“อะฮึ่ม พยาบาล…คุณช่วยไปหายาดม…”
“ไม่ต้องค่ะคุณหมอ พี่พีร์คะอย่าเสียเวลาเลยค่ะเนยอยากจะไปหาพ่อเร็ว ๆ พี่พีร์ออกไปรอเนยข้างนอกก่อนนะคะ”
“เอ่อ ถ้าอย่างนั้นพี่จะไปนั่งรอข้างนอกนะ มีอะไรก็เรียกได้เลย”
“ค่ะ”
หมอเรย์ยังคงนั่งนิ่ง มือทั้งสองของเขายังประสานกันอยู่บนโต๊ะ เมื่อเนยหันกลับไปมอง เขาก็รีบดึงมือลง เธอทันเห็นแหวนเล็ก ๆ ที่นิ้วก้อยข้างหนึ่งของเขาซึ่งเธอไม่แน่ใจว่าตาฝาดหรือเปล่า
“เข้าเรื่องกันเลยนะครับ”
“ค่ะ!!”
“คุณตะโกนทำไม”
เขาถามเมื่อเห็นว่าเธอออกอาการกลัวจนลุกลี้ลุกลน ท่าทางแบบนี้ ใบหน้านี้ที่เขาไม่ได้เจอมาเกือบห้าปี เขาตามหาเธอเกือบสี่ปีและพึ่งหมดหวังไปไม่นาน นึกไม่ถึงว่ามาวันนี้จะได้เจอก็เจอแบบง่าย ๆ
“เปล่าค่ะ ขอโทษค่ะคุณหมอคะอาการของคุณพ่อเป็นยังไงบ้างคะ คุณพ่อ…”
“แม้ว่าจะเหมือนอาการวูบเพราะเป็นลมตามปกติ แต่พอตรวจอาการโดยละเอียดแล้ว พวกเราพบเนื้องอกที่ทับเส้นประสาทอยู่ คุณลองดูภาพนี้…”
แม้ว่าเรื่องในอดีตนั้นเขาจะเคยโกรธเธอมากขนาดไหนแต่ด้วยหน้าที่ที่เขาแบกรับอยู่ในตอนนี้ก็อดที่จะเห็นใจคนตรงหน้าไม่ได้ อาการของพ่อเธอแม้จะไม่ได้หนักหนาสำหรับการผ่าตัดสำหรับเขาแต่ก็ใช่ว่าแพทย์ที่นี่จะมีคนที่สามารถผ่าตัดเนื้องอกในตำแหน่งแบบนี้ได้ทุกคน
“นะ….นี่คือ….ถ้าอย่างนั้นพ่อ…”
“ใจเย็น ๆ ก่อนนะครับตอนนี้คุณอายังอาการไม่ได้หนักถึงขนาดรักษาไม่ได้ แต่เราต้องผ่าตัดเอาก้อนเนื้อนี้ออกมา”
“ผ่า ผ่าตัดงั้นเหรอคะ ผ่าค่ะ!! ผ่าได้เลย ต้องทำยังไง ต้องใช้เงินเท่าไหร่ถึงจะ…”
“นั่นไม่ได้สำคัญหรอกนะ”
“สำคัญสิคะ ต้องทำสิคะ หมอคะ หมอจะ…”
“ขอโทษนะครับ ผมยังผ่าตัดให้พ่อคุณตอนนี้ไม่ได้”
“ทำไมล่ะคะ”
เธอมองหน้าเขาและตั้งความหวังเอาไว้ แต่ว่าดูจากสีหน้าที่เรียบเฉยนั่นแล้วเธอเองก็พอจะรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่
“ทุกอย่างมันมีช่วงเวลาที่เหมาะสม และอีกอย่างในตอนนี้พ่อคุณสุขภาพยังอ่อนแออยู่มาก หากจะต้องผ่าตัดจะต้องรอเวลาไปอีกสักระยะหนึ่ง รอให้แข็งแรงกว่านี้ถึงจะทำการผ่าตัดได้”
“แล้ว…พี่…เอ่อ คุณหมอคะเราต้องใช้เวลานานเท่าไหร่คะ”
ปรเมศวร์หันมามองเธออีกครั้ง เมื่อกี้นี้เธอหลุดเรียกเขาตามที่เคยชินในวันเก่า แต่ในวันนี้นอกจากความโกรธแล้วไม่มีอย่างอื่นที่รู้สึกได้มากกว่านั้น แค่เห็นหน้าเธอเดินมากับผู้ชายอีกคนเขาก็แทบอยากจะยกเคสนี้ให้หมอคนอื่นแล้ว
“ขึ้นอยู่กับสุขภาพของผู้ป่วย”
“แล้วเรื่องค่าใช้จ่าย…”
“หากรวมการพักฟื้น ผ่าตัดและดูอาการหลังจากผ่าตัดก็อยู่ราว ๆ สี่แสนครับ”
“อะไรนะคะ สีแสนงั้นเหรอ แพงขนาดนั้น…”
“นี่เป็นการผ่าตัดใหญ่ การผ่าตัดสมองไม่ใช่เรื่องเล็กนะครับดังนั้นจึงมีค่าใช้จ่ายสูงแต่ว่ามันเป็นหนทางที่แก้ไขได้ตรงจุดและสามารถช่วยคนไข้ได้เร็วที่สุด”
“เข้าใจแล้วค่ะ เรื่องนี้ไม่น่าจะมีปัญหา แล้วอาการหลังจากนี้ล่ะคะ”
“ก็ให้นอนพักไปก่อน อยู่ในโรงพยาบาลเพื่อตรวจเป็นระยะ หากว่าไม่มีอะไรแทรกซ้อนก็กำหนดวันผ่าตัดได้เลย”
“ค่ะ ทราบแล้วค่ะ”
“มีอะไรจะถามเพิ่มไหมครับ”
“ค่ะ แล้วญาติสามารถนอนเฝ้าได้ไหมคะ”
“ได้ แต่ที่นี่มีพยาบาลคอยอำนวยความสะดวกตลอดเวลาอยู่แล้ว หากอยากให้คนไข้พักผ่อนมาก ๆ ก็ไม่ควรจะมาเยี่ยมจนคนไข้ไม่มีเวลาพักจะดีกว่า ที่นี่โรงพยาบาลไม่ใช่งานปาร์ตี้และคนที่ไม่ใช่ญาติก็ไม่สมควรมาบ่อย ๆ”
“หมายความว่ายังไงคะ”
คำพูดของหมอเรย์เริ่มทำให้เนยหงุดหงิดอย่างประหลาดเหมือนกับคุณหมอกำลังจะฟาดงวงฟาดงาและหาว่าพวกเธอพาคนไม่เกี่ยวข้องมาวุ่นวาย
“ตามนั้นแหละครับ มีอะไรถามอีกไหม”
“แล้วการดูแลช่วงนี้ ท่านจะทานอะไรหรือมีสั่งห้ามอาหารแบบไหนบ้างไหมคะ”
“อาหารทางโรงพยาบาลจะเป็นคนดูและจัดหาให้อยู่แล้ว แต่ถ้าญาติอยากจะหามาเพิ่มให้ก็งดของเค็มจัด เผ็ดจัดและงดอาหารทอดที่มีมันเยอะ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พวกปิ้งย่างที่คุณชอบกินก็ควรงดด้วย”
“คะ?”
“มีอะไรจะถามอีกไหม”
เนยหันไปมองหน้าคุณหมอที่ทำท่าขึงขังอีกครั้ง สีหน้าเรียบเฉยของเขาเห็นแล้วช่างน่าหมั่นไส้เสียจริง แม้ว่าจะดูดุแต่เขาก็หล่อขึ้นกว่าเมื่อห้าปีก่อนมาก มากถึงขนาดเรียกว่าทำให้เธอใจเต้นผิดจังหวะมาหลายครั้งแล้วระหว่างที่นั่งคุยกับเขาอยู่ตอนนี้
“ไม่แล้วค่ะ ไม่มีแล้วขอบคุณมากนะคะถ้าอย่างนั้น….”
“คุณไม่มีคำถามแล้วก็ดี ถ้าอย่างนั้นผมจะได้ถามคุณบ้างชนิตา….”