ตอนที่ 9 เหตุไม่คาดฝัน (4)
หญิงสาวชะงักกึก เสียงฝีเท้าที่ตามมาก็เงียบตามไปด้วย พอเจ้าหล่อนทำใจดีสู้เสือชำเลืองมองเงาร่างนั้นช้าๆ ดูจากกรอบโครงร่างตะหง่านง้ำที่ดูใหญ่โตกว่าเธอมากมาย เสียงฝีเท้าสวบสาบที่ดังคุกคามตามหลังมาอย่างกระชั้นชิด คราวนี้หญิงสาวใจหายวาบ สัญชาตญาณแห่งการระวังภัยทำงานทันที!
‘ทางเข้าบ้านเธอนี่เปลี่ยวเป็นบ้าเลย ไฟก็ไม่ค่อยสว่างด้วย นี่ถ้าไม่มีรถ แล้วให้เดินเข้าซอยมาคนเดียวค่ำๆ มืดๆ ล่ะก็ มีหวังถูกฉุดเข้าข้างทางแหงๆ’
คำพูดของตรีรักษ์ทำให้หัวใจของศุภิสราเต้นระทึกด้วยความหวาดหวั่น เธอไม่คิดว่าซอยทางเข้าที่เดินทุกวันจนเคยชินจะมีอันตรายใดๆ เพราะบ้านของคุณไกรภพตั้งอยู่ในย่านของคนมีอันจะกิน บ้านหลายหลังใหญ่โตโอ่อ่าตั้งเรียงราย ทว่าที่ลืมคิดคือยามค่ำคืนมืดมิดเช่นนี้ ด้วยอาณาบริเวณของบ้านแต่ละหลังใหญ่โตบางบ้านมีรั้วสูงท่วมศรีษะ และข้างทางก็มืดสลัว ใครเลยจะสนใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนอกรั้วบ้านตนเอง!!
ฝีเท้าที่ทอดเดินช้าๆ ค่อยๆ ก้าวเร็วรี่ขึ้น และเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ ทว่าดูเหมือนเงาร่างใหญ่เบื้องหลังก็เร่งฝีเท้ากระชั้นเข้ามาด้วยเช่นกัน ร่างบางหอบหายใจถี่ หัวใจเต้นระรัว เหงื่อกาฬผุดพรายเต็มดวงหน้า สายตาแลเห็นประตูรั้วอัลลอยยังอยู่ห่างออกไปเบื้องหน้าเกือบสองร้อยเมตรทำให้ใจชื้น และยิ่งมีกำลังใจเพิ่มขึ้นเมื่อได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซด์คันหนึ่งวิ่งมาใกล้ ศุภิสราเหลือบมองเงาด้านหลังกะระยะก่อนตัดสินใจรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดออกวิ่งลงไปกลางถนนหวังขอความช่วยเหลือจากรถมอเตอร์ไซด์คันนั้นทันที
ทันใดนั้นเอง... ร่างบางระหงก็ถูกรวบเอวยกลอยขึ้นจากพื้น พละกำลังมหาศาลกระชากร่างบางปลิวเข้าประทะอกแกร่งก่อนล็อกตัวเธอไว้มั่นคง กระนั้นแรงเหวี่ยงสะบัดมีผลให้ร่างทั้งสองล้มกลิ้งไปข้างทาง!
“ช่วยดะ... อุ๊บ” ริมฝีปากบางหวีดร้องขึ้นได้เพียงแอะเดียวก็หมดสิทธิ์อุทธรณ์เพราะถูกมือหนาประกบปิดเสียงไว้เสียก่อน หญิงสาวเบิกตาค้าง ใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม รู้ถึงอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้นกับตนเอง ร่างบางก็ผวาจะลุกและพยายามดิ้นรนทำทุกวิถีทางให้พ้นจากพันธนาการที่รัดรั้งไว้แน่นหนา เสียงรถมอเตอร์ไซด์แล่นผ่านไปไกลเสียแล้ว ทำให้หญิงสาวนึกอยากร้องไห้
“บ้าจริง!” เสียงห้าวลึกสบถอย่างมีอารมณ์ ร่างบางหยุดกึก ทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ เธอรู้สึกไปเองหรือไรนะ... น้ำเสียงเข้มนั้นช่างคุ้นหูอย่างน่าประหลาด ดูเหมือนคนร้ายที่ได้ยินเพียงเสียงแต่ไม่เห็นหน้าเพราะความมืดบดบังจนเห็นเพียงเงาเลือนลางจะมีเรือนร่างสูงใหญ่ไม่น้อย เพราะเพียงมือเดียวก็สามารถล็อกร่างเธอไว้ได้ชะงัด
“อยากตายนักหรือยังไงฮะ!” เสียงห้าวสะบัดใส่ มือที่ล็อกเอวกิ่วไว้เลื่อนมาอยู่ที่ลำตัวอย่างแน่นหนา อีกมือยังคงตะปบปิดริมฝีปากไว้ อาศัยลำตัวแกร่งประคองร่างเธอให้ลุกขึ้นพร้อมกันอย่างทุลักทุเล
“วิ่งทะเล่อทะล่าไปแบบนั้นเดี๋ยวก็ได้ตายหรอก หยุดนะ!” เจ้าโจรร้ายตวาดใส่อีก เมื่อคนในอาณัติเริ่มออกฤทธิ์อีกครั้ง หญิงสาวนึกในใจอย่างเด็ดเดี่ยว ตายเป็นตาย... เธอยินดีถูกรถชนตาย ดีกว่าเป็นเหยื่อให้คนร้ายมาข่มเหงรังแกได้!
“เฮ้... บอกให้หยุด อยู่นิ่งๆ ” ยิ่งว่าเหมือนยิ่งยุ คนหลับหูหลับตาดิ้นรนเอาตัวรอด ทำให้มือหนาต้องเลื่อนจากปากเธอมาล็อกคอไว้แทน หญิงสาวจึงได้โอกาสอาศัยจังหวะนั้นเอง อ้าปากงับลงไปบนท่อนแขน ฝังรอยเขี้ยวไว้จนสุดแรงเกิด
“โอ้ย!” เสียงห้าวอุทานลั่นด้วยความเจ็บปวด มือที่ล็อกคอไว้หลุดออกสะบัดเร่าๆ ทำให้อีกฝ่ายใจมา เธอกระตุกศอกใส่ลำตัวอีกฝ่ายเต็มเหนี่ยวจนร่างแกร่งผงะ เปิดช่องให้ร่างบางเป็นอิสระ ศุภิสราผวาจะออกวิ่ง หากข้อมือกลับถูกกระชากไว้เสียก่อน ทำให้เสียหลักเล็กน้อย แต่ตอนนี้แรงฮึดทำให้เธอไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมอีกต่อไป หญิงสาวสะบัดข้อมือออก ก่อนประเคนทั้งเข่า ทั้งหน้าแข้งหวดอย่างไม่เลือกที่ ทำให้อีกฝ่ายต้องหลบเป็นพัลวัน จังหวะสุดท้ายหลบไม่ทันหัวเข่าของอีกฝ่ายจึงกระทุ้งเข้าใจกลางร่างเต็มรักส่งให้เขาลงไปกองกับพื้น เธอจึงได้จังหวะกระชากข้อมือออกจากการเกาะกุมอย่างแรง แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมปล่อยง่ายๆ จนต้องออกแรงยื้อยุดฉุดดึงกัน จนท้ายสุดเธอก็เป็นฝ่ายชนะ หญิงสาวสะบัดข้อมือหลุดจากการเกาะกุมพร้อมกับอะไรบางอย่างขาดคามืออีกฝ่ายเป็นของแถม...
