บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 8 ของฝากจากแดนไกล (3)

“เอ๊ะ! แล้วนี่ยัยทรายหายไปไหน ทำไมยังไม่มาอีกเนี่ย”

“ไม่รู้สิ วันนี้ยังไม่เห็นเข้ามาที่ชมรมเหมือนกัน คงอยู่ห้องสมุดนั่นแหละ เธอไม่ลองโทรหาล่ะ” คนพูดช่วยหาทางออก

“ก็ถ้ายัยนั่นมันพกโทรศัพท์ล่ะก็ ฉันคงโทรไปจิกแล้วหรอก” ตรีรักษ์บอกอย่างจนปัญญา ในยุคที่ใครต่อใครแข่งกันพกพาเครื่องมือสื่อสารสุดแสนไฮเทค ล้ำยุค หากคนที่กำลังเอ่ยถึงกลับภูมิใจกับความโลเทคของตัวเองนักหนา

‘ไม่เอาล่ะ ฉันขี้เกียจมีเจ้าชีวิตเพิ่มย่ะ วันๆ ไม่ต้องทำอะไรมัวแต่รับสายกันให้วุ่น หรือไม่ก็แชทกันให้มือหงิกมืองอ’ และยามนี้แม่คนโลเทคก็ทำให้ใครๆ ปวดเศียรเวียนเกล้าเพราะไม่รู้ว่าเจ้าหล่อนล่องหนไปอยู่ที่ไหน

“แล้วนี่ยังเหลืออีกกี่คนน่ะ” แม่งานใหญ่ทำหน้าเมื่อย

“น้องต้นไม้คนเมื่อกี้ที่แกเพิ่งตะเพิดไปก็คนสุดท้ายแล้วล่ะย่ะ ไงจ้ะ คราวนี้จะทำยังไงกันดี นางเอกก็ยังหาไม่ได้ ยัยทรายก็ไม่อยู่ซะด้วย เอาไงดีล่ะทีนี้” คนพูดกระเซ้าอย่างกึ่งขำกึ่งประชด เพราะใครๆ ก็รู้ว่าหญิงสาวที่ถูกกล่าวถึงมักจะเป็นที่พึ่งสุดท้ายให้กับทุกคนได้เสมอ โดยเฉพาะกับคนที่เป็นทั้งเพื่อนรักเพื่อนสนิทอย่าง ตรีรักษ์ วรรณยุกต์ ผู้นี้ด้วยแล้ว ไม่ว่าจะขอร้องอะไร ต่อให้สิ่งที่ขอร้องจะยากเย็นแสนเข็ญก็ตาม หากเธอผู้นั้นก็ไม่เคยเอ่ยปากปฏิเสธที่จะช่วยเสมอ หากก็มีเหมือนกันที่เจ้าตัวจะแอบดื้อเงียบทำฤทธิ์ขัดใจมหาชนเฉกเช่นวันนี้

“ฉันว่าสงสัยงานนี้ท่าจะต้องไปเอาต้นไม้มาแสดงแทนจริงๆ แล้วมั้งเนี่ย”

“โอ้ย... กลุ้มโว้ย!” คนตัวเล็กระบายอารมณ์ด้วยการเตะขวดน้ำใกล้ๆ ลอยข้ามฟากเฉี่ยวศีรษะ ‘ใครคนหนึ่ง’ ที่กระโดดหลบแทบไม่ทัน คนรอดจากอาการหัวแตกมาได้หวุดหวิด ถอนหายใจพรืดอย่างโล่งอก หูยังได้ยินเสียงแหลมเล็กอาฆาตลอยฝากลมมาแจ้วๆ “ไอ้ทรายนะไอ้ทราย เจอตัวเมื่อไหร่ล่ะน่าดู๊...จะจับมันเป็นนางเอกซะให้เข็ด!”

สรรพนามเรียกขานคนเป็นเพื่อนสนิทที่เปลี่ยนไปนั้นทำให้คนแอบฟังกลืนน้ำลายลงคออย่างหวาดเสียว อีกใจก็นึกเป็นห่วงสวัสดิภาพของคนที่ถูกอาฆาตมาดร้ายที่ป่านนี้คงจะหลบลี้หนีภัยอยู่เหมือนกัน

ชายหนุ่มร่างสูงล่ำสันในเครื่องแบบของแพทย์ฝึกหัดเดินแกมวิ่งขึ้นบันไดทีละสองขั้นจนกระทั่งขึ้นไปบนตึกอันเป็นที่ตั้งของชมรมดนตรีสากล เวลานี้เย็นมากแล้วห้องต่างๆ ถูกปิดล็อกไปเกือบหมด ยกเว้นห้องเดียวที่เปิดไฟอยู่ เสียงบรรเลงเพลงหวานกังวานไพเราะจับใจที่ดังแว่วมาทำให้ชายหนุ่มคลี่ยิ้ม เดินมุ่งตรงไปทางต้นเสียงทันที จากรอยแง้มของประตู ภาพที่ปรากฏต่อสายตาของเขานั้นราวกับภาพวาด

แกรนด์เปียโนสีขาวหลังใหญ่ตั้งอยู่กลางห้องแห่งนั้นกำลังถูกร่ายมนต์โดยสาวน้อยผู้หนึ่ง ท่วงทำนองอ่อนหวานที่กำลังบรรเลงอยู่สะกดให้คนฟังตกอยู่ในภวังค์แสนหวานที่เจ้าหล่อนบรรจงสร้างขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ทั้งที่แต่ไหนแต่ไรมาดนตรีกับเขานับเป็นของแสลงกันจนเคยออกปาก

‘ดนตรีเป็นเรื่องของผู้หญิง ให้ยัยตรีมันเรียนคนเดียวเถอะ’ หากถึงกระนั้นคนขี้เบื่อก็ยังได้วิชาดนตรีติดตัวมาบ้างอย่างละนิดอย่างละหน่อย โดยมักถูกน้องสาวตัวดีนั่นแหละล้อเลียนเอาบ่อยครั้ง

‘พี่โทน่ะเรียนดนตรีเหมือนเป็ด’

‘มันเป็นยังไง เป็ดเล่นดนตรีเป็นด้วยเรอะ’ คราวนี้คนฟังงงเต็ก

‘ก็เป็ดน่ะมันเดินบนบกก็ได้ ลงไปว่ายน้ำก็ได้ ถึงมีปีกแต่ก็บินไม่ได้เหมือนพี่โทเลย เล่นดนตรีเป็นเกือบทุกอย่าง แต่ไม่เอาอ่าวเลยสักกะอย่าง’

‘อย่างกับมันเล่นเก่งนัก เล่นทีไรวงแตกทุกที’ คนเหมือนเป็ดแอบหันไปแอบงึมงำกับเด็กหญิงอีกคนเบาๆ จนคนฟังอดหัวเราะออกมาไม่ได้ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รับรู้ความสามารถทางดนตรีโดยเฉพาะเปียโนของสาวน้อยตรงหน้าว่าอยู่ในขั้นดีเยี่ยมแค่ไหน และหนึ่งในนั้นคือเขา แม้ไม่ได้ตระเวนเรียนที่สถาบันดนตรีดังเหมือนกับใคร เพราะมีครูส่วนตัวอย่างคุณพรรณรายคอยสอนให้ที่บ้าน แต่หญิงสาวกลับทำคนเคยเบื่อเสียงดนตรีต้องชื่นชมเสียงไพเราะนี้อย่างถอนตัวไม่ขึ้น

เมื่อบทเพลงที่กำลังบรรเลงอยู่จบลง ท่วงทำนองใหม่ที่เปลี่ยนไปก็เริ่มขึ้น คราวนี้เพลงที่เล่นแตกต่างไปโดยสิ้นเชิงกับเพลงแรก และแม้ ‘ไม่เอาอ่าว’ แต่คนฟังจำได้แน่เพราะมันคือเพลงที่ใช้ร้องในวันเกิดนั่นเอง แล้วจู่ๆ นิ้วที่กำลังเคาะแป้นก็หยุดนิ่งลงไปดื้อๆ หญิงสาวหลับตาลงก่อนสะดุ้งสุดตัว เมื่อดวงหน้าคมคร้ามโน้มลงไปกระซิบเบาๆ ที่ข้างหู

“ลืมโน้ตเพลงหรือว่าง่วงนอนกันแน่ หืม คนเก่ง!” ร่างระหงผ่อนลมหายใจช้าๆ อาการเกร็งและตกใจคราวแรกหายไป เมื่อได้ยินเสียงทุ้มนุ่มหูที่จำได้ทันทีว่าเป็นของผู้ใด

“ทั้งสองอย่างค่ะ” ไออุ่นจากร่างที่เคียงใกล้ ทำให้ดวงตาหวานหลับพริ้มลง หากรอยยิ้มบางๆ แตะที่ริมฝีปากสวยนั้น ทำให้หัวใจชายหนุ่มเกิดอาการกระตุกเสียเอง จนเจ้าตัวต้องรีบกลบเกลื่อน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel