ตอนที่ 6 ท่ามกลางสายฝน (3)
“น้องเฟื่อง!” คนที่เดินตามเข้ามาทีหลังร้องเรียกอย่างตกใจ
“พี่เพชรคะ ฮึกๆ ช่วยด้วยค่ะ... ยัยเด็กนี่ผลักเฟื่อง โอย เจ็บ...ฮือ” คนก้นจ้ำเบ้าโอดครวญ ทำให้เด็กชายตัวสูงต้องรีบเข้าไปช่วยพยุงให้ลุกขึ้น แววตาเย็นชาทำให้คนตัวน้อยสะดุดลมหายใจ จนต้องรีบเบือนหน้าหนี
“นี่แหน่ะ!” ก่อนจะทันรู้ตัว คนตัวป้อมที่ถลันหลุดจากวงแขนของพีรภัทรเข้ามาผลักสุดแรงบ้าง แต่ก่อนที่ศุภิสราจะล้มลงบาดเจ็บ มือของใครคนหนึ่งก็เข้ามาดึงร่างคนถลาเป็นนกปีกหักเข้ามากอดไว้ได้ทันท่วงที ศุภิสราเงยหน้ามองคนช่วยอย่างตกใจ
“พี่โท!” เจ้าของชื่อมองคนตรงหน้าถอนหายใจอย่างโล่งอกถ้าเขามาช้าอีกก้าวเดียวคนตัวเล็กในอ้อมแขนมีหวังได้เจ็บตัวอีกเป็นแน่ โทรินทร์หันขวับมองเด็กหญิงตัวกลมป้อมที่วิ่งกลับไปยึดแขนลูกชายเจ้าของบ้านพลางแลบลิ้นปลิ้นตาใส่อย่างไม่พอใจ
“สมน้ำหน้า อยากมาผลักเขาก่อนทำไม” เสียงแหลมเล็กเย้ย ทำให้โทรินทร์ของขึ้น จะเข้าไปราวีคนเก่งแต่ปากที่แอบหลบอยู่ด้านหลังเด็กชายหน้าคมคายอีกคนที่ยืนจ้องหน้าทั้งคู่นิ่ง
“หนอย... ปากดีนักนะ ยัยเด็กอันธพาลตัวร้าย”
“พี่โทจ๋า อย่าไปยุ่งกับเขาเลยนะ” มือเล็กรีบรั้งแขนคนมุทะลุไว้ พลางส่ายหน้าเชิงห้ามเบาๆ เพราะไม่อยากมีเรื่อง ทำให้คนถูกมองอดใจอ่อนไม่ได้ ภาพนั้นทำให้คนคอยสังเกตการณ์เงียบๆ ตาวาววับเผลอกำแขนเล็กป้อมแน่นเข้าอย่างลืมตัว
“โอ้ย! เจ็บนะ... พี่เพชรมาบีบแขนเฟื่องทำไมคะ”
“ขอโทษจ้ะ เอ่อ... พี่ว่าเราพาบราวนี่เข้าบ้านกันดีกว่านะน้องเฟื่อง” เด็กชายตัดบทฉับพลัน ก่อนเดินคอแข็งกลับเข้าบ้านไป โดยมีเฟื่องตะวันเกาะแขนตามแจไม่ยอมห่าง แถมยังแอบหันมาแลบลิ้นใส่คนทั้งคู่อีกรอบ
“หนอย... มันน่านักเชียว” โทรินทร์ฮึดฮัดเจ็บแค้นแทน พอเห็นรอยเขี้ยวเล็กๆ บนแขนเรียวจนห้อเลือด เด็กชายถอนหายใจเบาๆ ทำไมนะ ทุกครั้งที่เขาพบเธอ ต้องมีแต่เรื่องให้ได้เจ็บตัวทุกคราวไป
คิดแล้วก็ให้แค้นใจยัยเด็กแก้มป่องตัวร้ายนั่น แต่เหนืออื่นใด โทรินทร์กลับนึกชังสีหน้าเย็นชาราวกับไร้ความรู้สึกของเด็กชายอีกคนมากกว่า นึกแล้วก็อยากจะตั๊นหน้าหยิ่งจองหองนั้นให้แตกยับหมดหล่อเสียเลย!
“พี่โทมาคนเดียวหรือคะ” คนตัวน้อยพยายามเบี่ยงเบนความสนใจของอีกฝ่าย
“วันนี้ยัยตรีไปเรียนพิเศษ พี่ก็เลยมากับคุณพ่อแค่สองคนน่ะ ตอนนี้คุณพ่อไปคุยกับท่านบนตึก พี่ก็เลยเดินมาหาน้องทรายนี่แหละ” คนพูดถอนหายใจเบาๆ พลางคว้าแขนบางที่มีรอยเขี้ยวเจ้าขนฟูขึ้นมาเป่าให้เบาๆ
“ยังเจ็บรึเปล่า...”
“ไม่เจ็บแล้วค่ะ ก็พี่โทเป่าให้แล้วนี่นา” คนตัวเล็กรีบยิ้มหวานประจบ กิริยาน่ารักนั้นทำให้อีกฝ่ายอดไม่ได้ต้องรวบร่างนั้นเข้ามากอดปลอบใจเบาๆ
“คอยดูนะ โตขึ้นพี่จะเป็นหมอให้ได้เลย จะได้มารักษาน้องทรายให้หายเจ็บ เออ จริงสิ เอาอย่างนี้ดีกว่า!” จู่ๆ เด็กชายก็ร้องออกมาอย่างตื่นเต้น พลางยกร่างบางนั้นขึ้นมานั่งบนตักเขาอย่างอ่อนโยน ศุภิสราเลิกคิ้วตามไม่ทัน “โตขึ้นเราแต่งงานกันนะ!”
“หา... อะไรนะคะ!”
“พี่จะพาน้องทรายไปอยู่บ้านด้วยไง ดีไหม” คนฟังถึงกับอึ้ง แต่พอเห็นความหวังดีของอีกฝ่าย จึงตัดสินใจพยักหน้ารับไป
“ก็ได้ค่ะ แต่งก็ได้”
“จริงๆ นะจ๊ะ สัญญาก่อน” โทรินทร์ชูนิ้วก้อยขึ้น ทั้งๆ ที่ไม่ได้เข้าใจความหมายของคำพูดนั้นสักเท่าไหร่นัก แต่คนตัวเล็กก็ยอมยกนิ้วก้อยเกี่ยวก้อยตอกย้ำคำสัญญานั้น
“ไชโย้...” โทรินทร์ตะโกนอย่างสมหวัง หากเขามัวดีใจจนไม่ทันเห็นสิ่งที่ซ่อนลึกในลูกแก้วคู่งามนั้น
‘ดีเหมือนกัน ไปจากที่นี่ซะ ไม่มีเราสักคน เขาคนนั้นจะได้อยู่ที่นี่อย่างมีความสุขสักที...’
ไม่กี่วันต่อมา สิ่งที่ศุภิสราหวังก็พังทลายลงพร้อมกับพายุใหญ่
“คุณพี่ว่ายังไงนะคะ!” เสียงเอะอะโวยวายดังคับบ้าน “จะส่งลูกไปเรียนเมืองนอก”
“เบาๆ หน่อยเถอะ คุณพราว เดี๋ยวก็ได้แตกตื่นทั้งบ้าน” ประมุขของบ้านปราม
“ช่างหัวมันปะไร ดิฉันไม่สน ตอบมาสิคะ ทำไมตาเพชรต้องไปอยู่ที่อื่นด้วย หรือว่าเป็นแผนเฉดหัวพวกเราออกไปจากบ้านนี้ให้หมด เริ่มจากลูกก่อน อีกหน่อยก็คงเป็นฉัน” คุณพราวพิไลตีโพยตีพายทั้งน้ำตา
