ตอนที่ 6 ท่ามกลางสายฝน (2)
“เอ๊... ตาบอดหรือไงนังนี่ ก็ที่วางนั่นไม่ใช่...อ้าว!” คนพูดอุทานลั่น “โจ๊กฉันหายไปไหนล่ะเนี่ย!”
ทั้งคู่ไม่รู้เลยว่า... ชามโจ๊กหอมกรุ่นที่หายไป ยามนี้เดินทางมาถึงเรือนเล็กแล้วด้วยฝีมือใครคนหนึ่งที่อาศัยจังหวะที่คนอื่นกำลังวุ่นวาย แอบย่องเข้าไปในห้องคนป่วยอย่างเงียบเชียบ
“นะ...น้ำ...ขอน้ำ” เสียงเบาเอ่ย ทำให้ผู้บุกรุกสะดุ้งเกือบจะเผ่นหนีออกจากห้องไปด้วยความตกใจ แต่เมื่อเห็นว่าคนป่วยไม่มีทีท่าว่าจะรู้สึกตัวก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก่อนตัดสินใจเข้าช่วยป้อนน้ำให้คนเจ็บอย่างทุลักทุเล สายน้ำเย็นชื่นใจซึมซาบผ่านริมฝีปากแห้งแตกระแหงขับไล่ความร้อนระอุที่แสนทรมานออกไปจนแทบหมดสิ้น ทำให้สีหน้าคนป่วยผ่อนคลาย
“หายไวๆ นะ...ฉันขอโทษ...” คำนั้นทำให้คนฟังเผลอยิ้มรับออกมาโดยไม่รู้ตัว
“คุณท่านคะ ฟื้นแล้วค่ะ คุณทรายฟื้นแล้ว” เสียงแม่อบตะโกนลั่นอย่างลืมตัว ทำให้คนเพิ่งฟื้นไข้ต้องกะพริบตาถี่ๆ อย่างงุนงง
“อะไรกันจ๊ะ แม่อบ เอะอะอะไรเสียงดังไปถึงด้านนอกนู่น” ร่างบนรถเข็นปรากฏขึ้นที่หน้าประตู
“คุณทรายฟื้นแล้วค่ะคุณท่าน ค่อยๆ นะคะคนดี อย่ารีบลุกเดี๋ยวจะเวียนหัว” ท้ายประโยคบอกคนตัวเล็กอย่างเป็นห่วง พลางเข้าช่วยประคอง
“หนูหลับไปนานเท่าไหร่เหรอคะ โอย... มึนจัง”
“แค่คืนหนึ่งค่ะ” คนฟังทำตาโต
“แล้วนี่ป้ากับคุณท่านเฝ้าไข้หนูตลอดเลยเหรอคะ”
“ใช่สิคะ อ้อ...ยังมีคุณไกรด้วยอีกคนนะคะ แต่ท่านเพิ่งขึ้นตึกไปเมื่อกี้นี้เอง”
“ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ” หนูน้อยยกมือไหว้คนสูงวัยกว่าอย่างซาบซึ้ง “ถ้างั้นน้ำเมื่อกี้ก็...”
“อะไรนะคะ คุณอยากดื่มน้ำหรือคะ งั้นรอเดี๋ยวนะคะ” แม่อบกุลีกุจอจะเอาใจคนป่วย “อ้าว... แล้วนี่ใครมาทำน้ำหกไว้ล่ะเนี่ย!” แม่อบอุทานออกมาอย่างแปลกใจ เมื่อเห็นแก้วน้ำล้มระเนระนาด น้ำเจิ่งนองเต็มพื้น
“แล้วมีใครไปรับปิ่นโตที่ตึกใหญ่มาให้คุณท่านหรือยังคะ”
“อย่าห่วงเลย เขามาส่งให้แล้วล่ะ ว่าแต่เราน่ะหิวไหมล่ะ จะได้ให้แม่อบไปอุ่นโจ๊กให้” คุณพรรณรายบอกอย่างปรานี ก่อนหันจะไปบอกคนสนิทที่กำลังยืนหน้านิ่วคิ้วขมวด งงเป็นไก่ตาแตกเพราะหันไปเห็นชามโจ๊กวางอยู่บนโต๊ะข้างๆ แก้วน้ำ ทั้งๆ ที่เจ้าตัวจำได้ว่าเพิ่งเป็นคนเอาไปวางไว้ในครัวกับมือหยกๆ ที่น่าแปลกคือรูปทรงของชามที่ใส่เป็นคนละใบกันแน่นอน
“แล้วโจ๊กชามนี้มันมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไงกัน?” คนสนิทของคุณพรรณรายยืนครุ่นคิดอย่างสงสัย
หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนั้น อาการป่วยของหนูน้อยค่อยๆ ทุเลาลงจนเกือบเป็นปกติ โดยมีคุณพรรณรายกับแม่อบคอยดูแลประคบประหงม ทุกเย็นคุณไกรภพจะลงมาเยี่ยมไข้แทบทุกวัน นอกจากนี้ยังมีสองพี่น้องวรรณยุกต์ที่คอยมาเยี่ยมแทบทุกวัน จะมีก็เพียงคนเดียวหายหน้าไปเลย แม้ว่าปกติจะแทบไม่ได้พบกันอยู่แล้วก็จริง แต่ยามนี้...คุณเพชรของบ้านกลับทำตัวล่องหน
เย็นวันหนึ่ง ขณะที่ศุภิสรากำลังจะไปรับปิ่นโตที่ตึกใหญ่ดังเช่นทุกวัน จู่ๆ ก็มีเจ้าหมาน้อยขนฟูสีน้ำตาลน่ารักวิ่งหลงทางเข้ามา เด็กหญิงมองเจ้าขนฟูน้อยอย่างแปลกใจ
“ไง เจ้าขนฟู หลงมาจากไหนกันเนี่ย หา” คนพูดก็ก้มลงไปอุ้มหมาน้อยขึ้นมาคลอเคลียอย่างเอ็นดู
“บราวนี่!”
เสียงแหลมเล็กตะโกนลั่น ทำให้คนตัวเล็กสะดุ้งหันขวับ เด็กหญิงตัวป้อมที่เธอจำได้ว่าชื่อ เฟื่องตะวัน ยืนชี้โบ้ชี้เบ้มาทางที่เธอพลางป้องปากตะโกนลั่น
“บราวนี่อยู่ทางนี้ค่ะ พี่เพชร!” ชื่อที่หลุดออกจากปากแดงจิ้มลิ้ม ทำให้หัวใจคนฟังกระตุกวูบลงไปกองที่ตาตุ่มทันที
“เอาหมาของเขาคืนมานะ ยัยหัวขโมย!” จู่ๆ มือกลมป้อมก็จู่โจมเข้ามาจะคว้าตัวเจ้าขนปุยไปจากอ้อมแขน ทำให้ศุภิสราตกใจเผลอเกร็งแขนไว้เพราะกลัวเจ้าหมาน้อยตกลงพื้น การยื้อแย่งจึงเกิดขึ้น จนเจ้าตัวฟูก็เกิดตกใจจึงงับแขนเรียวเล็กของศุภิสราจนต้องปล่อยมือจากมันกะทันหัน ทำให้เฟื่องตะวันถลาล้มก้นจ้ำเบ้าลงไปคลุกฝุ่นที่พื้นทันที
