บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 6 ท่ามกลางสายฝน (1)

ในห้องนั่งเล่นของบ้านบุรณากรณ์ บุตรชายคนเดียวของบ้านยืนมองกระจกหน้าต่างที่ฝนกำลังตกกระหน่ำอยู่เบื้องนอก ดวงตาคมกร้าวทอดมองไปเบื้องหน้า โดยทำเป็นไม่สนใจร่างของคนสนิทของคุณพรรณรายที่เดินกางร่มชะเง้อชะแง้ท่ามกลางสายฝนอย่างกระวนกระวาย หัวใจด้านดีก็รู้สึกไหววูบเป็นห่วงขึ้นมานิดๆ แต่เขาก็รีบปัดเจ้าความรู้สึกนั้นให้ปลิวหายไปแทบทันควัน

‘ช่างปะไร! เด็กคนนั้นต่างหากที่ผิด ผิดที่ไม่เจียมตัว โดนแค่นี้ยังน้อยไป!’

ดวงตาคมกริบไหววูบ เมื่อเห็นรถของผู้เป็นพ่อที่เพิ่งแล่นสวนเข้ามา และดูท่าจะเห็นคนที่ยืนกางร่มรออยู่ก่อนจึงหยุดสนทนาด้วย ร่างสูงยืนกอดอกมองเหตุการณ์ตรงหน้านิ่ง จนกระทั่งเห็นคนเป็นพ่อเดินแกมวิ่งเข้ามา เด็กชายจึงรีบจงใจจะเดินหนีเลี่ยงขึ้นบันไดไป แต่ถูกคุณไกรภพเรียกไว้เสียก่อน

“ตาเพชร วันนี้รถไปรับหนูทรายกลับมาด้วยหรือเปล่าลูก”

“ไม่ทราบครับ” เสียงราบเรียบที่ตอบกลับมาทำให้คนฟังเริ่มร้อนรุ่ม เกรงว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย หนูน้อยจะหายตัวไปอีก

“หมายความว่ายังไง นี่ลูกไม่ได้กลับมาพร้อมน้องหรอกเหรอ” เด็กชายยืนนิ่งเหมือนตอบรับโดยปริยาย

“บ้าที่สุด!” คนเป็นพ่อสบถเสียงดัง “อย่าบอกนะว่าลูกทิ้งให้น้องยืนตากฝนรอ แล้วกลับมาคนเดียวน่ะ”

“ครับ” เขาพยักหน้ารับ ดวงตาแข็งกร้าวอย่างถือดี

เพียะ! เสียงฝ่ามือกระทบหน้าของคนพูดดังลั่น เด็กชายรู้สึกชาวาบไปทั้งร่าง

“พ่อไม่คิดเลยว่าแกจะเหลวไหลและใจแคบแบบนี้ จำไว้นะ ถ้าหนูทรายเป็นอะไรไป แกต้องรับผิดชอบ!” พูดจบคนพูดก็ผลุนผลันออกไปทันที ทิ้งให้เด็กชายยิ่งนิ่งดุจศิลา มือยังคงกุมแก้มที่เพิ่งลิ้มรสโทสะของผู้เป็นพ่อ ในใจเจ็บปวดรวดร้าวแสนสาหัส ในที่สุดพ่อก็เห็นคนอื่นดีกว่าเขาอย่างที่แม่พูดจริงๆ

คุณไกรภพขับรถฝ่าสายฝนด้วยใจที่ร้อนรน ดวงตาสอดส่ายหาร่างเล็กไปด้วย เขาผิดเองที่บอกให้หนูน้อยรอกลับบ้านพร้อมลูกชาย ทั้งๆ ที่รู้ว่าพีรภัทรรู้สึกอย่างไรกับเด็กคนนั้น แต่ไม่นึกเลยว่าลูกชายของเขาจะใจร้ายใจดำได้ถึงขนาดนี้ พอมาถึงหน้าโรงเรียนคุณไกรภพก็แทบจะหัวใจสลายเมื่อเห็นร่างเล็กจ้อยนั่งกอดเข่าตัวสั่นสะท้านด้วยความหนาวเหน็บท่ามกลางสายฝน และเมื่อเห็นเด็กหญิงเงยหน้าขึ้นมองตามแสงไฟหน้ารถทั้งน้ำตา หัวใจของคุณไกรภพก็อ่อนยวบ ดวงหน้าหวานที่มีส่วนคล้ายกับใครคนหนึ่งที่ฝังลึกในหัวใจเสมอมา

ศศิลดาพี่ขอโทษ... หนูทรายลุงขอโทษ

“คุณลุง!” ดวงตาคู่สวยกะพริบถี่ๆ มองร่างที่วิ่งเข้ามาหาอย่างดีใจ ร่างเล็กขยับลุกอย่างทุลักทุเล หากพอจะยืนขึ้นได้ก็รู้สึกว่าพื้นโคลงเคลง ก่อนโลกจะวูบดับไปพร้อมสติอันน้อยนิดนั้น

“หนูทราย!” คุณไกรภพเบิกตาค้าง รีบวิ่งเข้ามารับร่างเล็กไว้อย่างตกใจ

เช้าวันรุ่งขึ้น พีรภัทรรีบตื่นเร็วกว่าปกติ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้หัวใจของเด็กชายร้อนรุ่มจนไม่อาจข่มตาหลับลงได้ ตลอดคืนที่ผ่านมาเขาได้แต่เดินวนไปวนมาในห้องนอน พลางคอยเงี่ยหูฟังอย่างเงียบๆ ทั้งคืน แก้มข้างที่ถูกตบยังคงระบม แต่มันก็ยังไม่เท่ากับหัวใจที่ถูกกระหน่ำทุบด้วยความรู้สึกผิดที่เกาะกินใจ

‘เด็กนั่นจะเป็นอะไรหรือเปล่า แล้วถ้าเด็กนั่นเป็นอะไรขึ้นมาล่ะ คุณพ่อจะว่าอย่างไร คงโกรธเกลียดและผิดหวังในตัวเขาจนไม่อาจให้อภัยเลยเป็นแน่’ เด็กชายได้แต่คิดอย่างกระวนกระวาย พลางกวาดสายตามองไปรอบๆ บ้าน หวังว่าจะเห็นคนเป็นพ่อ หรือไม่ก็คนอื่นๆ ในบ้านบ้าง แต่ก็ต้องผิดหวัง เขาจึงตัดสินใจเดินไปทางห้องครัวหลังบ้าน

“โจ๊กได้หรือยังล่ะป้า”

“โอ้ย ฉันก็เร่งมืออยู่เนี่ย จะรีบไปไหน ปกติวันหยุดพวกคุณๆ ตื่นเกือบเที่ยงไม่ใช่เรอะ”

“ก็เอาไปให้แม่คุณหนูเรือนเล็กน่ะสิป้า เกิดพิเรนทร์อะไรขึ้นมาก็ไม่รู้ ไปยืนตากฝนจนไข้จับเข้าให้ ฉันเห็นคุณผู้ชายอุ้มเข้ามาเมื่อคืน หน้างี้ซี้ดซีดจะตายหรือเปล่าไม่รู้นะป้า”

“อ้าว แล้วอยู่ดีๆ ไปยืนตากฝนทำไมล่ะ”

“ไม่รู้สิป้า สงสัยจะเรียกร้องความสนใจมั้ง ว่าแต่ใกล้เสร็จหรือยังล่ะป้า” คนพูดหันมาเร่ง

“เออๆ รอเดี๋ยว แกน่ะอยู่ว่างๆ ก็ช่วยไปเตรียมหยิบปิ่นโตของเรือนนู่นมาเตรียมด้วยแล้วกัน ยกไปทีเดียวจะได้ไม่เสียเวลา” คนพูดสั่งไปคนโจ๊กในหม้อไปอย่างไม่สนใจ พออีกฝ่ายเตรียมของที่สั่งเสร็จ ก็เกิดปวดท้องจึงขอไปเข้าห้องน้ำ แล้วพอกลับเข้ามาอีกที ก็เห็นปิ่นโตวางไว้เถาเดียวจึงหันมาถามอย่างแปลกใจ

“โจ๊กยังไม่ได้อีกหรือป้าแม้น”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel