บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 5 ไปให้พ้นคนใจร้าย (4)

“ถึงเราจะเป็นแค่เม็ดทราย แต่ถ้าไม่ยอมทอดตัวเองไว้ใต้ฝ่าเท้าใคร ก็จะไม่มีใครกดเราให้ตกต่ำหรือเหยียบย่ำเราได้เลย ฉะนั้นอย่าได้ลดคุณค่าของตัวเองเพียงเพราะคำพูดใคร แล้วน้ำตาทุกหยดของเราน่ะมีค่านะ อย่าไปเสียมันให้คนที่ไม่เห็นคุณค่าของเราพร่ำเพรื่อ เข้าใจหรือเปล่า” คำนั้นทำให้คนฟังคิดตาม ก่อนยิ้มออกมาได้ “เก่งมาก จำไว้นะว่าเวลาเจอปัญหาให้ยิ้มสู้แบบนี้แหละ”

นับจากวันนั้นไม่ว่าจะถูกใครว่ากระแทกแดกดันยังไง เด็กน้อยก็จะพยายามทำหูทวนลมทำตัวสงบไม่ยุ่งไม่สนใจใครทั้งนั้น โดยเฉพาะลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเจ้าของบ้านที่เคยประกาศิตไว้ว่าทุกที่ที่เขาอยู่คือ ‘สถานที่ต้องห้าม’ ของคนไร้ค่าเช่นเธอ หากคุณเพชรของบ้านไม่เคยรู้ เศษผ้าเช็ดหน้าที่ขาดในวันนั้นถูกเย็บให้ติดกันดังเดิมราวกับเป็นสมบัติมีค่า

ทุกเช้าหน้าที่หลักของศุภิสราคือต้องช่วยแม่อบเตรียมของสำหรับให้ ‘คุณท่าน’ ใส่บาตร และรับปิ่นโตที่เรือนใหญ่เพื่อตั้งโต๊ะอาหารเช้าที่ส่วนใหญ่เธอต้องร่วมโต๊ะกับคุณท่านเสมอ ทว่าพอโรงเรียนเปิดเทอม หน้าที่ตั้งโต๊ะจึงเป็นของแม่อบโดยปริยาย เพราะเด็กหญิงต้องรีบไปขึ้นรถซึ่งคุณอรดาภรรยาของคุณพงศ์เอกจะมาจอดรอรับที่หน้าบ้านเพื่อไปส่งที่โรงเรียนพร้อมกับลูกชายและลูกสาวของเธอแต่เช้าตรู่ ทว่าวันนี้ร่างเล็กชะเง้อชะแง้มองหารถของคุณอรดาครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ก็ไร้วี่แวว

“อ้าว ยังไม่ไปโรงเรียนอีกเหรอหนูทราย” คุณไกรภพเปิดกระจกรถร้องถาม

“เอ่อ... คุณป้าอรยังไม่มาเลยค่ะ”

“งั้นก็ขึ้นรถมาสิ เดี๋ยวลุงไปส่งที่โรงเรียนให้” คำนั้นทำให้ผู้โดยสารอีกคนหันขวับมองคนเป็นพ่ออย่างไม่สบอารมณ์ เมื่อสบตากับคนตัวเล็กเข้าเขาก็ชักสีหน้าใส่ก่อนรีบสะบัดหน้าไปอีกทางอย่างไม่สบอารมณ์ทันที คนตัวเล็กแอบเหลือบมองอาการนั้นอย่างห่อเหี่ยวใจ ตัดสินใจปฏิเสธ

“เดี๋ยวหนูเดินไปขึ้นรถตรงปากทางก็ได้ค่ะ”

“ขึ้นมาเถอะลูก สายแล้วเดี๋ยวจะไปเรียนไม่ทันนะ” เมื่อคนมากวัยกว่าออกปากศุภิสราจึงหมดทางเลือก “มาหนูทรายขึ้นมานั่งข้างพี่เพชรแล้วกัน ตาเพชรขยับให้น้องนั่งด้วยคนสิลูก ตาเพชร!” เด็กชายเม้มปากแน่นสะกดอารมณ์ พลางขยับให้คนตัวเล็กกว่าอย่างเสียไม่ได้

แววตาแข็งกร้าวปั้นปึ่งที่ทอดมองไปอีกทาง ทำให้ผู้โดยสารตัวน้อยพยายามนั่งตัวลีบ ไม่ให้ส่วนใดส่วนหนึ่งเผลอไปแตะต้องเด็กชายได้ แต่จู่ๆ รถที่ขับมาดีๆ ก็เผอิญเบรคกะทันหันทำให้หนูน้อยตกใจเผลอยึดแขนคนข้างๆ แน่น

“อุ๊ย...” เมื่อรู้สึกตัวหนูน้อยจึงรีบชักมือออกทันควัน พลางเงยหน้ามองอีกฝ่ายอย่างขอโทษ หากเมื่อเห็นเด็กชายหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดแขนบริเวณที่เธอจับอย่างเย็นชา ก็หน้าเจื่อนไปจนกระทั่งถึงโรงเรียน

“เย็นนี้ลุงมีประชุม หนูก็กลับบ้านพร้อมกับพี่เพชรเลยนะลูก ลุงจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง” คำนั้นทำให้คนฟังชะงักเผลอเหลือบเห็นหน้าบึ้งสนิทของพีรภัทร พอตั้งท่าจะปฏิเสธรถก็แล่นออกไปเสียแล้ว

ศุภิสราถอนหายใจ แค่ยอมให้นั่งมาเรียนด้วยเขาก็ทำท่ารังเกียจแทบแย่ นี่จะให้กลับด้วยอีกมีหวังคนเจ้าทิฐิคงอกแตกตายเป็นแน่ นึกแล้วศุภิสราก็อยากจะภาวนาให้เวลาเดินไปช้าๆ แต่คำภาวนาของเด็กหญิงไม่เป็นผล

เย็นวันนั้น เด็กหญิงมองนาฬิกาข้อมือสลับกับชะเง้อมองหารถที่คุณไกรภพให้มารับครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างกระวนกระวาย หลายครั้งนึกอยากกลับเอง แต่อีกใจก็กลัวคนมารับไม่เจอจะไม่พอใจอีก

“ทำไมช้าจังนะ” เด็กน้อยแหงนมองฟ้าจากที่สว่างโร่ตอนนี้เริ่มมืดครึ้ม

จู่ๆ ฝนก็เทกระหน่ำลงมา คนตัวเล็กจึงต้องรีบวิ่งไปหลบฝนที่ใต้ร่มไม้ใหญ่หน้าโรงเรียน เพราะประตูโรงเรียนปิดหมดแล้ว ตรงนั้นจึงเหลือเธอเพียงคนเดียว ร่างเล็กยืนกอดอกหนาวสั่น พลางลูบหน้าที่เปียกน้ำฝนเคล้ากับหยดน้ำตา เสียงฟ้าคำรามกึกก้อง ทำให้ร่างบางทรุดลงนั่งกอดกกระเป๋านักเรียนแนบอกแน่นด้วยความตกใจกลัว ความหนาวเย็นเริ่มซึมลึกเข้าเกาะกินหัวใจ ภาพดวงหน้าคมคายที่เย็นชาเมื่อเช้ายังคงติดตา ต่อให้เกลียดชังกันอย่างไร เขาผู้นั้นก็ไม่น่าใจร้ายขนาดนั้น

“อีกเดี๋ยวน่า... อีกเดี๋ยวเขาคงมา” คนตัวเล็กยังคงปลอบตัวเอง โดยไม่รู้เลยว่าคนที่นึกถึงตอนนี้ได้กลับถึงบ้านเรียบร้อยแล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel