5 ประมุขแห่งเนลซีร์
พระองค์ปฏิเสธทันควัน รู้ดีว่าเวลานี้เข้าที่พระบรรทมเป็นดีที่สุด เหนื่อยน้อยหน่อย ช่วยยืดพระชมน์มายุให้ยาวกว่าเดิม
“ถ้าหากว่าไม่ทานอะไร เรานั่นแหละจะเป็นหนัก ไม่มีอาหารเข้าร่างกายแล้วจะทนไหวหรือ ตั้งแต่เช้ามานี่ ท่านพี่ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย”
“หากว่ามันจะตาย พี่ก็ต้องยอมรับความเป็นจริง”
“ท่านพี่ ! ทำไมพูดอย่างนี้เล่า ไม่สงสารหม่อมฉันกับลูกหญิงเลยหรือ หากว่าท่านพี่เป็นอะไรไป บ้านเมืองจะต้องปั่นป่วน คนชั่วจะต้องครองเมือง โอ เห็นทีว่าแผ่นดินต้องลุกเป็นไฟแน่”
พระราชินีแอนนาผู้มีพระพักตร์งดงามตามบรรพบุรุษแถบตะวันตกตรัสอย่างตระหนก กุมพระหัตถ์ซูบซีดเอาไว้ด้วยความรัก หยาดพระเนตรค่อย ๆ ร่วงไหลรินลงมา เสียงสะอื้นแผ่ว ๆ บีบพระทัยมหาบุรุษแห่งเนลซีร์ไม่น้อย
“อาจจะไม่เลวร้ายอย่างที่น้องคิดก็ได้”
“ท่านพี่อย่าเพิ่งวางใจ เราก็รู้ ๆ กันอยู่ว่าอาธาร์กับลูกชายเป็นอย่างไร ถ้าหากว่าขึ้นครองเนลซีร์ล่ะก็ น้องไม่อยากจะคิดเลยว่าประชาชนของเราจะเป็นอย่างไร”
“พี่รู้ว่าอาธาร์จ้องที่จะขึ้นแทนที่ เพราะเราไม่มีลูกชาย น่าเสียดาย”
คำที่ตรัสออกมานั้นเศร้าสร้อยเสียจนพระราชินีแอนนาสะเทือนพระทัยไม่น้อย พยายามกล้ำกลืนก้อนสะอื้นลงไป ฝืนแย้มพระโอษฐ์และคิดหาทางออกที่จะไม่ให้คนเลวขึ้นครองแผ่นดิน ใช่ว่าจะยึดถือต่อยศถาบรรดาศักดิ์ แต่เป็นห่วงพสกนิกร กลัวว่าจะได้รับความเดือดร้อนต่อผู้ที่มีนิสัยโลภมาก เห็นแก่ได้และใฝ่ในตัณหา
“ท่านพี่ เราน่าจะร่างกฎมณเฑียรบาลใหม่ ให้สตรีขึ้นครองราชย์ได้”
“เรื่องนี้พี่กับคณะรัฐมนตรีต่างมีความเห็นพ้องต่อกันว่าจะให้เป็นอย่างนั้น ขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงร่างและรอมติเห็นชอบ”
“อย่าให้เนิ่นนานไป ถ้าหากว่าเรื่องนี้รู้ถึงสองพ่อลูกนั่นจะต้องขัดขวางอย่างแน่นอน บ้านเมืองระส่ำระสายอีก”
พระพักตร์พระราชินีแอนนาเศร้าอย่างที่สุด กลัวความหายนะจะมาเยือน พระอัสสุชลเนตรไหลรินอีกครั้ง พระนางยกชายฮิญาบแตะเพียงเบา ๆ ความชื้นเหือดแห้งหายไปในทันที
“พี่รู้มาว่าอาธาร์คิดที่จะรวบรัดลูกหญิงให้เข้าพิธีอภิเษกสมรสกับมูห์บี้”
“โอ ท่านพี่ เขาคิดได้ยังไง ในเมื่อทั้งสองเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน”
“คนมันเห็นแก่ได้ ต้องการผลประโยชน์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ลูกหญิงไม่แยแสหรอก ในเมื่อเกลียดเจ้ามูห์บี้ยังกับอะไรดี”
ประมุขแห่งเนลซีร์ตรัสด้วยพระสุรเสียงหนักแน่น ดีพระทัยที่สุดต่อพระราชธิดาไม่มีจิตพิศวาสต่อ ชีคมูห์บี้ รู้ว่าไม่เหมาะด้วยประการทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นพระญาติกันและนิสัยเสเพลของฝ่ายชาย พระราชินีแอนนาหลับพระเนตรชั่วครู่ ระลึกถึงพระผู้เป็นเจ้าให้ช่วยคุ้มครองเจ้าหญิงเอน่า ให้ปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง
“หม่อมฉันขอให้พระเจ้าคุ้มครองลูกหญิงเอน่าปลอดภัยในทุก ๆ เรื่องและมีความสุขที่สุด อย่าเกิดเรื่องไม่ดีแก่นางเลย”
“วันนี้ลูกหญิงเอน่ายังไม่เข้ามาหาพี่เลย”
“หม่อมฉันทราบมาว่า เอน่ากำลังมาเพคะ รออีกสักครู่ นั่นไงล่ะ ประตูเปิดออกแล้ว เอน่าลูกแม่ รู้ไหมว่าท่านพ่อกำลังบ่นถึงอยู่พอดี”
เจ้าหญิงเอน่าผู้งดงามตรงเข้ามาทำความเคารพทั้งสองพระองค์ กระทั่งซบพระพักตร์งามพริ้งลงบนพระอุระผอมแห้ง รับรู้ถึงการหายใจเข้าออก แต่ช้าราวกับว่าจะยุติลงในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง เจ้าหญิงผู้เลอโฉมเศร้า แต่ไม่อาจที่จะปล่อยให้หยาดหยดน้ำใสให้ไหลออกมา
เข้มแข็งเอาไว้เพื่อเป็นหลักชัยให้แก่พระราชมารดา รู้ว่าพระองค์อยู่ในช่วงที่เศร้า ดวงพระทัยแทบสลาย
“ท่านพ่อ ลูกขอโทษที่วันนี้มาช้า”
“ไม่เป็นไร แค่ได้เห็นหน้าลูก พ่อก็ดีใจมากแล้ว เอน่า พ่อมีเรื่องที่จะปรึกษาลูกกับน้องหญิงแอนนา”
ในที่สุดพระองค์ตัดสินพระทัยที่จะกล่าวในสิ่งที่ทำให้เจ้าหญิงเอน่าปลอดภัย หลังจากทบทวนเป็นเวลาหลายวันตั้งแต่เริ่มทรงพระประชวร ดวงพระเนตรมองพระราชธิดาและพระมเหสีด้วยความรักสุดชีวิต
แม้ว่าเป็นประมุขสูงสุดของประเทศ พระองค์ก็ยังเป็นมนุษย์ปุถุชนคนนึ่ง มีความรู้สึกเหมือนคนอื่น ๆ รักและเป็นห่วงผู้ที่สืบสกุล
“เอน่า พ่อรู้ดีว่าสถานการณ์บ้านเมืองในเวลานี้เป็นอย่างไรบ้าง ตั้งแต่พ่อล้มป่วย พวกทหารชั้นผู้ใหญ่แบ่งออกเป็นสองฝั่งสองฝ่าย”