บทที่ 1 ด้ายแดงแผลงฤทธิ์ 1
ความทุลักทุเลของเส้นทางที่ขรุขระไปด้วยเศษดินเศษหิน ถนนหนทางที่เต็มไปด้วยหลุมบ่อที่กักขังน้ำฝนเอาไว้จนเอ่อนองแฉะชื้น ยามใดที่ล้อไม้สองข้างวิ่งหมุนไปตกหลุมเข้าก็พาเอาโคลนตมกระเด็นซัดสาดขึ้นมาถูกเนื้อตัวจนเปรอะเปื้อน ไร้ราศีสิ้นดี...
สวีถีหลันในเวลานี้หาได้มีเค้าความงามเฉกเช่นคุณหนูในห้องไม่ หากแต่เวลานี้นางกลับกลายเป็นเพียงลูกแมวน้อยเปื้อนดินโคลนตัวหนึ่งต่างหาก ซ้ำเวลานี้สองขาสองแขนยังถูกมัดไว้อย่างแน่นหนา ปากเรียวบางที่เคยฉ่ำวาวด้วยชาดชั้นดี ตอนนี้กลับถูกอุดไว้ด้วยเศษผ้าที่มองไม่ออกมาว่ามันคือผ้าจากชายเสื้อหรือผ้าขี้ริ้วกันแน่
ทั้งๆ ที่คิดว่าชีวิตของนางกำลังจะไปได้ดีแล้วแท้ๆ...แต่สุดท้ายกลับต้องมาจบลงที่ความยากลำบากอีกจนได้!
อีกทั้งเหตุการณ์ในตอนนี้ก็ช่างคล้ายกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับนางเมื่อชาติก่อนที่ยังเป็นจงเยว่อิงไม่มีผิด ยิ่งไปกว่านั้นคือสิ่งที่นางกำลังเจออยู่ตอนนี้ดูท่าจะหนักกว่าชาติก่อนอีกต่างหาก...
ชาติก่อนเพราะดันไปเห็นพวกมาเฟียมันกำลังซื้อขายแลกเปลี่ยนของผิดกฎหมายกัน เวลานั้นจึงได้วิ่งหนีตายเพราะกลัวจะถูกพวกมันจับตัวได้แล้วจะไม่ได้ตายดี แต่อยู่ๆ รองเท้าที่ใส่อยู่ก็เกิดทรยศ พาพลิกล้มหน้าคว่ำหัวฟาดพื้นหรือต้นเสาก็ไม่แน่ใจ ตายอย่างไม่ทันได้รู้ตัว
ตกมาชาตินี้หลังจากที่เจอแต่เรื่องวุ่นวายมามากจนคร้านจะนับ นางก็คิดว่าหลังจากนี้คงได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข แต่ไหนเลยจะรู้ว่าอยู่ๆ จะถูกโจรจับตัวมาอย่างนี้!
ตอนนั้นนางอายุสิบห้า มีฐานะเป็นคุณหนูรองตระกูลฮัว ฮัวจื่อเวย ยามนั้นนางผ่านเหตุการณ์ร้ายดีมากมายกว่าจะมาเป็นสวีถีหลันหลานสาวบุญธรรมของสวีซูซิน ผู้เป็นมารดาของเนี่ยฮองเฮาแห่งแคว้นต้าตงได้อย่างทุกวันนี้
ช่วงแรกๆ ของระยะเวลาห้าปีที่ผ่านมา สวีถีหลันต้องหลบหนีออกจากแคว้นต้าหย่งไปอย่างไม่อาจหวนกลับ เหตุผลก็เพราะผู้คนคิดว่านางในตอนนั้น(ฮัวจื่อเวย)ได้ตายไปพร้อมกับกองเพลิงในจวนของเจาอ๋องโจวซีเฉินแล้ว นั่นจึงทำให้นางต้องเดินทางหนีไปไกลถึงต้าตง เพื่อปกปิดความจริงที่ว่าตนเองยังมีชีวิตอยู่
ทว่าครึ่งปีต่อมาด้วยอำนาจบารมีและเส้นสายของสำนักเมฆาคราม จึงทำให้นางได้กลับมาร่วมงานแต่งงานของหลานหลีเกอ สหายสนิทเพียงหนึ่งเดียวของนาง ทั้งยังสาบานเป็นพี่น้องกันอย่างลับๆ
ครั้งนั้นนางจำได้ว่านางปกปิดใบหน้าด้วยหมวกม่านใบใหญ่ ทว่าเสี้ยวความรู้สึกหนึ่งกลับรู้สึกเหมือนว่ามีใครบางคนจ้องมองมาที่นาง ทั้งๆ ที่เวลานั้นนางยืนหลบอยู่ในมุมอับสายตาและไม่เป็นที่สังเกตเห็นของผู้คนในงานแล้วแท้ๆ นั่นจึงทำให้นางต้องรีบเดินทางกลับแคว้นต้าตงทันทีที่ส่งหลานหลีเกอเข้าหอเรียบร้อยแล้ว
จากนั้นเป็นต้นมานางก็ไม่เคยก้าวเท้าออกจากแคว้นต้าตงอีกเลย กระทั่งเวลาผ่านมานานถึงห้าปี และหากไม่ใช่เพราะว่าต้องการหนีหน้าคุณชายรองจวนเหลียงกั่วกง มีหรือที่เวลานี้นางจะต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้!
คนผู้นั้น...หยางอี้เฉา มักชอบคิดว่าตนเองเป็นคุณชายตระกูลใหญ่ เป็นชนชั้นสูงที่สตรีทั่วทั้งเมืองหูหลงจะต้องไว้หน้า ยิ่งไปกว่านั้นคือเขามักจะคิดอยู่เสมอว่าตนเองเป็นที่หมายปองของบรรดาคุณหนูในห้องหอทั้งหลาย เพราะไม่ว่าจะด้วยหน้าตาหรือฐานะชาติตระกูล หยางอี้เฉาก็ชอบพูดให้ผู้อื่นได้ยินเข้าหูอยู่บ่อยๆ ว่าตนเองนั้นไม่แพ้ผู้ใด
แต่ขออนุญาตถุยเถอะ!
คนผู้นั้นนอกจากจะเกิดมาโชคดีได้เป็นบุตรชายคนรองของเหลียงกั๋วกงนามว่าหยางป๋อแล้ว นางก็ไม่เห็นว่าเขาจะมีอะไรพิเศษไปจากคุณชายคนอื่นๆ ที่เคยพบเคยเจอมาเลย ยิ่งไปกว่านั้น คนผู้นั้นยังกล้าเอ่ยปากให้ชาวบ้านได้ยินว่าตนเองนั้นไม่ว่าจะหน้าตาหรือความสามารถ ก็หล่อเหลาและเก่งกาจเทียบเท่าได้กับเจ้าสำนักเมฆาครามได้อย่างไม่อายปาก โดยที่ตัวเขานั้นก็หารู้ไม่ว่าแท้จริงแล้วเจ้าสำนักเมฆาครามนั้นคือพระโอรสของฮองเฮา
นี่แหละ...ข้อนี้แหละที่ทำให้นางนึกหมั่นไส้คนผู้นั้นเป็นที่สุด ตนเองยิงธนูได้ยังไม่แม่นยำเท่านาง แต่ริอ่านเทียบตัวเสมอพี่เขยผู้เก่งกาจของนางอย่างท่านพี่เนี่ย!
คิดแล้วก็ทั้งรู้สึกหมั่นไส้และสมเพชคนผู้นั้นยิ่งนัก
แต่นั่นมันก็ไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้นางต้องมาตกอยู่ในสภาพเหมือนในตอนนี้ซะทีเดียว(แต่เป็นสาเหตุหลักๆ) ลำพังแค่การหนีหน้าหยางอี้เฉาไปวันๆ นั้นนางทำได้ไม่ถือว่าเหลือบ่ากว่าแรง แต่การที่อีกฝ่ายยกขบวนสินสอดและพาแม่สื่อมาที่จวนโหย่วจงโหวโดยที่ท่านตาท่านยายบุญธรรมเองก็ไม่รู้เรื่องนี่สิ ช่างทำให้คนโมโหยิ่งนัก
และด้วยความที่ไม่ต้องการให้ท่านตากับท่านยายบุญธรรมลำบากใจ เพราะทางจวนเหลียงกั๋วกงนั้นก็เหมือนจะมีท่าทีต้องการเกี่ยวดองกับจวนโหวชนิดที่ว่ามองออกได้ไม่ยาก ไม่อย่างนั้นมีหรือที่หยางป๋อจะปล่อยให้บุตรชายคนรองกระทำการโจ่งแจ้งโดยที่ไม่ปรึกษาหารือจวนโหย่วจงโหวสักคำแบบนี้ หากมิใช่ว่าพวกเขาต้องการมัดมือชก และหากว่าเรื่องราวเลยเถิดกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต ไม่แน่ว่าเรื่องนี้อาจจะไปถึงพระเนตรพระกรรณของฮ่องเต้ต้าตง ด้วยเพราะตระกูลหยางนั้นเป็นตระกูลฝั่งยายของฮ่องเต้นั่นเอง
เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจจะตามมา นางจึงได้หนีออกมาจากจวนทางด้านหลังทันทีที่มีสาวใช้ไปแจ้งว่าท่านตาบุญธรรมต้องการพบนาง