บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 ความอัดอั้นของหลิวหลี

แม่ทัพเป่ยทำศึกกลับมาได้รับความดีความชอบมากมาย ทว่าเขากลับถูกพิษร้ายแรงจนทำให้ดวงตามืดบอด ไร้หนทางรักษา ราชโองการงานมงคลพระราชทานนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ เป่ยหมิง กลับมาพักรักษาตัวและอาการบาดเจ็บทางดวงตานั้น ถูกปกปิดเอาไว้ได้ระดับหนึ่ง

ทว่าข่าวลือกลับแพร่สะพัดมาถึงจวนตระกูลหลิวในอีกสองวันเท่านั้น และมาพร้อมกับพ่อบ้านจวนแม่ทัพเป่ย ที่นำของขวัญจากท่านแม่ทัพมามอบให้แก่คุณหนูรอง เพื่อหยั่งเชิงว่า คุณหนูรองยินดีจะแต่งงานออกเรือนกับชายพิการตาบอดหรือไม่

ก็เพราะแม่ทัพเป่ยกลัวว่านางจะเจ็บปวดใจ ที่ต้องมาแต่งงานกับคนพิการเยี่ยงเขาเช่นนี้ พ่อบ้านชรามาส่งของขวัญ ได้พบกับโฉมหน้าของคุณหนูรองหลิวแล้ว ก็ประทับใจยิ่งนัก “ขอบคุณคุณหนูรองที่ยินดีออกเรือนกับท่านแม่ทัพ”

“ข้าน้อยยินดีเจ้าค่ะ” นางยินดีก็เพราะคำสั่งเสียจากพี่สาว ถ้าหากพี่สาวของนางยังมีชีวิตอยู่ และไม่อยากแต่งงานกับแม่ทัพเป่ย นางก็ยินดีที่จะแต่งงานแทน เขาคือผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตนาง แต่คนในดวงใจเขากลับเป็นพี่สาวฝาแฝด

ถึงแม้ดวงตาเขาจะมืดบอด นางก็มิได้เศร้าเสียใจ เพราะความเสียใจและโศกเศร้าของนางนั้น คือการสูญเสียบุคคลที่นางรักยิ่งไปโดยไม่มีวันหวนกลับมา

แม้ว่างานศพจะจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ แต่ใครจะรู้บ้างว่า พี่รองและนางนั้น อยู่ในจวนแห่งนี้มีความเป็นอยู่เยี่ยงไร มิต่างจากสาวใช้ นับว่าโชคดีที่นางได้พบท่านอาจารย์ผู้หนึ่ง ชายผู้นี้มีฝีมือการรักษาที่ยอดเยี่ยม

กระนั้นก็ยังไม่สามารถรักษาอาการป่วยของพี่สาวของนางได้ ทำได้เพียงแค่...ยืดระยะเวลา ยืดลมหายใจออกไปเท่านั้น คาดไม่ถึงว่าพี่สาวของนางจะด่วนจากไปเร็วถึงเพียงนี้

ตงหราน หรือตงซื่อ ภายนอกดูสง่างาม แต่กลับมีจิตใจสกปรกชั่วช้า มิต่างปีศาจตนหนึ่ง ส่วนบิดาของพวกนางก็มักมิเคยเหลียวแล ชมชอบอยู่ในหอนางโลมเสียมากกว่า

จึงทำให้ตงซื่อเล่นงานพวกนางได้ทุกวี่วัน ส่วนเรือนนอนนั้นมิต้องเอ่ยอันใดให้มากความ ดีกว่าเรือนนอนของพวกสาวใช้นิดหน่อยเท่านั้น อาภรณ์ที่ตัดใหม่ก็หาได้มีไม่ ได้รับมาจากคุณเล็กหรือก็คือบุตรสาวคนเล็กของตงหรานนั่นเอง

แม้ว่าพวกนางจะเป็นคุณหนู แต่ก็หาได้มีความสลักสำคัญเท่ากับคุณหนูเล็กและคุณชายใหญ่ไม่ พวกนางก็เป็นเพียงเศษฝุ่นธุลีดินที่ไร้ค่า มิมีตัวตนในสายตาของใครต่อใคร บิดามิเคยกางปีกปกป้องพวกนาง

เช่นนั้นแล้ว ไม่ว่าพ่อบ้านตระกูลเป่ยแจกแจงสิ่งใด ก็ล้วนหาได้มีความสำคัญต่อใจของนางไม่ ขอเพียงแค่ทำตามคำสั่งเสียครั้งสุดท้ายของพี่สาวที่ได้ลาลับไป เพียงเท่านั้น ที่หลิวหลีพึงพอใจที่สุด

“ตงฮูหยินรบกวนตรวจสอบรายชื่อสินสอดที่ข้าน้อยตระเตรียมมาในวันนี้ด้วย นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น อีกส่วนจะถูกส่งมาในวันที่จะต้องเข้าพิธีมงคล อีกสามวันจวนเป่ยจะมารับตัวเจ้าสาว”

“แม่ทัพเป่ยเดินทางมาด้วยตนเองหรือ” ตงหรานสอบถาม ก็เพราะข่าวร่ำลือบอกว่า เขาเป็นคนตาบอดไปแล้วมิใช่หรือ

“อ้อ จะเป็นคุณชายสามมารับแทนขอรับ” พ่อบ้านจวนเป่ยรีบชี้แจง ประเดี๋ยวตงหรานจะเข้าใจผิด คิดว่าคนที่มารับเป็นแค่ไก่ตัวผู้เท่านั้น

“คุณชายสามนะรึ” ตงหรานเลิกคิ้วขึ้นสูง หากเป็นคุณชายสาม นางต้องให้บุตรสาวคนเล็กแต่งตัวงดงาม ประทินโฉมให้โดดเด่น เผื่อจะได้สะดุดตาคุณชายผู้นี้บ้าง ข่าวว่าเขารูปงามนัก

ซ้ำยังเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ อีกทั้งยังมีฐานะเป็นหลานชายของกุ้ยเฟยอีกด้วย แม้ว่าแม่ทัพเป่ยจะเป็นหลานชายของกุ้ยเฟย

แต่ก็หาได้รับความรักใคร่เอ็นดูเท่ากับคุณชายสามผู้นี้ไม่ หากบุตรสาวของนาง ได้แต่งงานเข้าจวนเป่ยอีกคนคงจะดีไม่น้อย

“ขอรับ” ชายชราตอบกลับอย่างนุ่มนวล มิรู้ว่าหญิงวัยกลางคนคิดอ่านเช่นไร ขอเพียงแค่พึงพอใจกับสินสอดที่เขาได้ตระเตรียมมาก็พอ แต่เมื่อพบเห็นใบหน้าของคุณหนูรองแล้ว คล้ายว่ามีสิ่งใดผิดแปลกไปหรือไม่

“คุณหนูรองต้องการสิ่งใดเพิ่มเติมหรือไม่ขอรับ กลับไปข้าจะได้แจ้งนายน้อยให้เตรียมเอาไว้ให้” ชายชราเห็นว่าคุณหนูรองเงียบ สีหน้าเย็นชา ราวกับว่ามิมีความต้องการจะเข้าพิธีแต่งงานเสียอย่างนั้น

“ข้าพึงพอใจมากแล้วเจ้าค่ะ” นางระบายยิ้มอ่อน ตอบกลับสั้น ๆ แม้กระทั่งวันนี้นางก็ไม่พบหน้าของท่านพ่อ อีกทั้งจะออกเรือนทั้งที จะต้องมีสินเดิมติดตัวไปด้วย

แต่ไหนเล่าสินเดิมของนาง กลับดูเงียบกริบหายเข้ากลีบเมฆเยี่ยงนั้นหรือ อาจเป็นตงซื่อคิดฮุบสมบัติของท่านแม่เอาไว้เป็นแน่ สิบหกปีก่อน

ยามนั้นพวกนางสองพี่น้องเพิ่งจะสามหนาว ยังจดจำอันใดมากมิได้ แต่เท่าที่รับรู้ก็คือ มารดารักพวกนางยิ่งนัก แต่ทว่าท่านแม่กลับหายออกจากจวนไปอย่างไร้วี่แวว และมีเหตุน่าสงสัยยิ่งนัก มารดาของพวกนางเหตุใดจึงหายตัวไปกันเล่า

หลังจากที่พ่อบ้านจวนเป่ยกลับไปแล้ว คุณหนูเล็กก็เข้ามาในเรือนด้านหน้า พร้อมกับเครื่องประดับมากมายที่สาวใช้หอบหิ้วเข้ามาอย่างพะรุงพะรัง

หลิวหลีรู้สึกอิจฉายิ่งนัก นางมิเคยได้เบี้ยหวัดรายเดือนมากมาย หรือมิได้มีเงินพิเศษจากท่านพ่อเอาไปใช้จ่ายเดินเที่ยวตลาดเยี่ยงนี้ เลยสักครา ล้วนมาจากน้ำพักน้ำแรงของตนเองแทบทั้งสิ้น

“ท่านแม่ วันนี้ข้าซื้อของมามากมายเชียวเจ้าค่ะ มีปิ่นหยกประดับด้วยไข่มุกเม็ดงามมาให้ท่านแม่ด้วยนะเจ้าคะ” หลิวอ้ายหย่อนกายนั่งลงบนเก้าอี้ข้างมารดา เหยียดยิ้มเยาะหยันพี่สาวต่างมารดาเล็กน้อย

นางจีบปากจีบคอเอ่ยขึ้นอีก เอ่ยกล่าวว่า “พี่สามนับว่าเป็นโชคดีของท่านนักนะ ที่ได้แต่งงานกับคนพิการตาบอด”

“ขอบใจน้องเล็กมาก หากจะดีไม่น้อยก็ควรหุบปากเน่า ๆ ของเจ้าเอาไว้ดีกว่า” หญิงสาวมีหรือที่จะไม่ทราบว่า น้องสาวผู้นี้จงใจพูดสิ่งใดกัน หากไม่ติดว่ายามนี้มีหูตามากมายมองอยู่ นางจะก่นด่าให้ลืมทางกลับเรือนเลยคอยดู

“หลิวหลีนี่มันจะมากไปแล้วนะ หากวันนี้ข้าไม่สั่งสอนเจ้าให้รู้เสียบ้างว่าสิ่งใดควรไม่ควร” ตงหรานแผดเสียงใส่

ซ้ำยังชี้นิ้วไปยังลูกเลี้ยงอย่างไม่พอใจนัก นางไม่ยอมให้สตรีต่ำช้าเช่นหลิวหลีมาต่อปากต่อคำบุตรสาวของนางเช่นนี้ อีกทั้งยังไม่พึงพอใจอยู่แล้ว ที่เห็นว่ามิเห็นหัวนางนั่งทนโท่อยู่ตรงนี้

“สิ่งใดควรไม่ควร เห็นจะต้องบอกลูกสาวของท่านแล้วกระมังแม่ใหญ่ ตัวข้าหาได้พูดอันใดผิดไม่ หากข้ามาริ้วรอยแม้เพียงปลายก้อย ท่านคิดหรือว่าจวนเป่ยจะยั้งไมตรีเอาไว้” น้ำเสียงถือดียิ่งนัก กล่าวยอกย้อนเหน็บซึ่ง ๆ หน้าเยี่ยงนี้

เพราะจงใจทำให้ตงซื่อโกรธเกรี้ยว อาละวาดใหญ่โต นางจะสร้างความปั่นป่วนในจวนนี้ จนกว่าจะได้แต่งงานออกเรือนไป อย่าหวังว่านับจากนี้คนพวกนี้จะสงบสุขได้เลย

“หลีเอ๋อร์ มีอะไรรึ เสียงดังไปถึงข้างนอกเชียว” ชายชรากลับถึงบ้าน เดินเข้ามาได้ยินเสียงโหวกเหวกดังขึ้น จึงเร่งฝีเท้าเข้ามาสอบถาม สีหน้าของเขายังคงแดงก่ำเพราะเพิ่งร่ำสุรากับสหายมา คนพวกนั้นเชิญเขาไปดื่มสุราเพื่อแสดงความยินดี อีกไม่ช้านี้บุตรสาวจะกลายเป็นสะใภ้สกุลเป่ยแล้ว

“เมามาอีกตามเคย” หลิวหลี กลอกกลิ้งตาไปมา พร้อมกับตำหนิบิดาเข้าให้ “เมื่อไรท่านพ่อจะเลิกดื่มสุราเสียที ท่านอยากเห็นพี่รองตายตาไม่หลับหรือไรกัน” นางขึ้นเสียงดังใส่บิดา

“อย่าเอาพี่เจ้ามาอ้าง วันนี้สหายของข้าฉลองให้กับข้า แสดงความยินดีที่เจ้ากำลังจะกลายเป็นฮูหยินแม่ทัพอย่างไรเล่า” หลิวเฉินไม่โกรธบุตรสาว ที่นางพูดล้วนถูกต้องทั้งหมด

“ฮูหยินแม่ทัพตาบอดนะรึท่านพ่อ ช่างดูดีมีสง่าราศีจริงเชียวเจ้าค่ะ” หลิวอ้ายจงใจเย้ยหยันพี่สาวต่างมารดา พร้อมกับหัวเราะเยาะเบา ๆ ก่อนจะสั่งสาวใช้นำข้าวของที่นางได้ซื้อหามา กลับไปยังเรือนนอนของนาง

หลิวหลีกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ มองน้องสาวที่กำลังจะเดินออกไป นางอดรนทนไม่ไหวจึงระบายความอึดอัดคับแค้นใจต่อว่าต่อขานบิดาและน้องสาวผู้ที่นางชิงชังยิ่งนัก

“เห็นหรือไม่ นางพูดจาอันใดกับข้า แต่ท่านพ่อก็ยังไม่ดุด่า แต่กับข้าเล่า เหตุใดจึงได้รับความน้อยเนื้อต่ำใจเช่นนี้ ข้ากับพี่รองต้องทนทรมานกับตงซื่อที่คอยรังแกข้า ท่านพ่อไปอยู่ที่ไหนมา ไม่เคยคิดปกป้องข้ากับพี่รอง” คำพูดนี้ล้วนออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจหญิงสาว ที่ได้รับความไม่เป็นธรรมอยู่ในจวนนี้เสมอมา

“หุบปากเสีย ข้าไปรังแกเจ้าเมื่อไรกัน อย่าพูดจาใส่ร้ายข้าเช่นนี้ เป็นพวกเจ้าไม่รับไมตรีเอง อีกอย่างข้าดูแลพวกเจ้าไม่ดีตรงไหนกัน อาหารครบสามมื้อ เสื้อผ้าและเรือนนอน”

“เรือนนอนของข้า แตกต่างจากสาวใช้ตรงไหนกัน ข้าขอถามท่านพ่อสักคำ นางทำกับพวกข้าไม่ต่างจากสาวใช้ ท่านทนเห็นพวกข้าเป็นเช่นนี้มาสิบหกปีแล้ว นับจากนี้ ท่านคงจะสบายใจได้แล้วสินะ ที่ไล่ข้าไปให้พ้นหูพ้นตาเสียที”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel