ตอนที่ 3 ค่อนขอดว่าที่สะใภ้
พ่อบ้านหูกลับถึงจวนแล้ว ชายชราสีหน้าเบิกบานใจนัก เร่งฝีเท้าเข้าไปยังเรือนด้านในของผู้เป็นนาย เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบว่า ท่านแม่ทัพนั่งอยู่บนเก้าอี้ ใบหน้าเคร่งขรึมเฉกเช่นเดิม ทว่ามีผ้าสีขาวปิดดวงตาเอาไว้
“ใคร” ชายหนุ่มไม่ทราบว่าผู้มาใหม่คือใครน้ำเสียงของฝีเท้าไม่คุ้นหูนัก เพราะเมื่อครู่ท่านหมอเพิ่งจะออกไปได้ไม่นาน เขาจึงนั่งรอว่าเมื่อไรพ่อบ้านหูจะกลับมาแจ้งข่าวเสียที
“คุณชายขอรับ ข้าเอง” ชายชราตอบกลับน้ำเสียงแหบแห้งตามอายุที่มากแล้ว
“นางว่าอย่างไรบ้าง” แม้ดวงตามืดบอด แต่เขาอยากรู้นักว่า ว่าที่ฮูหยินของตนยังยินดีที่จะแต่งงานกับคนพิการตาบอดเช่นเขาหรือไม่ หากนางไม่ตอบตกลงเขาก็ไม่ต่อว่าต่อขานนาง เพราะเข้าใจดีว่ามิมีสตรีนางใดอยากมีสามีที่พิการเช่นนี้
“คุณหนูรองยินดีขอรับ ขอเพียงแค่คุณชายพักผ่อนให้มาก แล้วก็อย่าเคร่งเครียดให้มากนัก นางสัญญาว่าจะแต่งเข้ามาดูแลปรนนิบัติคุณชายเป็นอย่างดี” ชายชราอดรู้สึกแปลกใจไม่น้อย
ด้วยเพราะว่าเหตุใดใบหน้าของคุณหนูรองจึงไม่เหมือนคนป่วยเอาสักนิด แต่คล้ายว่านางเสียใจจนดวงตาบวมช้ำเสียอย่างนั้น หรือเป็นเพราะเพิ่งสูญเสียน้องสาวอย่างกะทันหันกระมัง นางจึงเสียใจจนใบหน้าเศร้าหมองเช่นนี้
“จริงรึ นางยินดีใช่หรือไม่ นางไม่ได้กำลังโกหกข้าใช่ไหม” สิ่งเดียวที่เขาชิงชังและเกลียดมากที่สุดคือการโกหกหลอกลวง เขาจะไม่อภัยคนผู้นั้นเด็ดขาด แม้ว่าคนผู้นั้นจะเป็นคนรักก็ตามที ขอเพียงแค่นางเปิดปากบอกเขามาตามตรง เขาจะถือโทษโกรธเคืองสักนิด
“ขอรับ คุณหนูรองแม้ว่าจะสูญเสียคุณหนูสามไปแล้ว แต่นางก็ยังยืนยันคำเดิมว่าจะแต่งงานเข้าจวนเป่ย อีกสามวันข้างหน้า ตามที่ได้รับราชโองการขอรับ” พ่อบ้านหูตอบกลับใบหน้ามิได้ยิ้มแย้มเหมือนเมื่อครู่แล้ว
แต่กลับสงสารท่านแม่ทัพจับใจ พร้อมกับสอดส่องสิ่งผิดปกติในเรือนนอนของคุณชาย ว่ามีสิ่งใดแปลกปลอมหรือไม่ และยังไม่มีสาวใช้มาผลัดเปลี่ยนคอยดูแลในห้องอีกต่างหาก
ถ้าหากเกิดว่าหกล้มจะทำเช่นไร อาจเกิดอันตรายขึ้นมาก็เป็นได้ ก็เพราะอารมณ์ของแม่ทัพเป่ยขึ้น ๆ ลง ๆ บ้างก็เกรี้ยวกราดอาละวาดพังข้าวของ บ้างก็ยิ้มแย้มพูดคุยได้รื่นหู
แต่ส่วนมากจะเกรี้ยวกราดเสมอ นับตั้งแต่กลับมาจากชายแดน ชายชราแซ่หูมิได้นิ่งนอนใจนัก นั่นเพราะรักใคร่เอ็นดูคุณชายรองเสมอมา และเข้าใจความรู้สึกหดหู่หม่นหมองนี้เป็นอย่างดี
จากเมื่อก่อนเคยพบเห็นแสงสว่างมากมาย ได้เดินเหินอย่างคล่องแคล่ว แต่ยามนี้กลับทำได้เพียงแค่เดินอยู่ในห้องและมีแต่ความมืดมนปกคลุมดวงตาทั้งสองข้าง
“ดี ถ้าเช่นนั้น บอกท่านพ่อ ท่านแม่ให้ข้า ตกแต่งเรือนหลังนั้นเสียใหม่ อีกอย่างจัดการตกแต่งห้องนอนของนางให้งดงาม อย่าให้นางรู้สึกน้อยใจเป็นอันขาดเข้าใจหรือไม่” ชายหนุ่มเผยยิ้มออก
“ขอรับ ข้าจะรีบแจ้งนายท่านทั้งสอง” พ่อบ้านหูยื่นมือประสานก้มศีรษะลงเล็กน้อย แล้วจึงออกไปข้างนอก จังหวะนั้น มีสาวใช้มาใหม่ผู้หนึ่ง เพิ่งรับเข้ามาในจวนนี้ได้สามวันแล้ว นางมีนามว่าเสี่ยวเสียน มาจากสกุลหานใบหน้าของสตรีนางนี้งดงามไม่น้อยนัก
ด้วยเพราะว่าฮูหยินใหญ่มู่ชิงหวั่นใจนัก กลัวว่าสกุลหลิวจะไม่ยินยอมส่งคุณหนูรองมาแต่งงานกับสกุลเป่ย เช่นนั้นแล้ว ฮูหยินใหญ่จึงวางแผนรับหลานสาวญาติห่าง ๆ จากชนบท เข้ามาดูแลลูกชายคนรอง ด้วยหวังว่าหลานสาวผู้นี้จะนำพาซึ่งความสุขกลับมาให้บุตรชายในไม่ช้า
“ท่านลุงหู กลับมาแล้วหรือเจ้าคะ” หญิงสาวกล่าวทักทายน้ำเสียงหวาน ด้วยท่าทางนอบน้อมยิ่งนัก
“เข้าไปเถิด คุณชายรออยู่” พ่อบ้านหูผายมือให้หญิงสาวเข้าไปด้านใน นางถือถาดน้ำชาแล้วยังมียาบำรุงอีกหนึ่งถ้วย
“คุณชายรองเจ้าค่ะ ข้าเสี่ยวเสียนเองเจ้าค่ะ” หญิงสาวเอ่ยเสียงหวาน พร้อมกับเดินเข้าไปใกล้ ๆ ชายหนุ่ม ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส นางชื่นชมในความหล่อเหลาของเขายิ่งนัก แม้ว่าดวงตาจะมืดบอดก็ไม่ได้ส่งผลต่อความรู้สึกต่อนางสักนิด
เสี่ยวเสียนวางถาดน้ำชาลงบนโต๊ะกลม แล้วถือวิสาสะจับมือของเป่ยหมิง ชายหนุ่มสะบัดมือออก อารามตกใจ ทำให้หญิงสาวอุทานขึ้นว่า “ขออภัยเจ้าค่ะคุณชาย”
“ข้าผิดเอง คราวหน้าเพียงแค่บอก ไม่ต้องมาสัมผัสมือข้า” เขามิชื่นชอบให้สตรีแปลกหน้าเข้าใกล้นัก หากมารดาไม่กำชับเขา นางก็คงไม่ได้อยู่ในเรือนนี้คอยดูแลเขาเช่นนี้
“คุณชายโกรธเสี่ยวเสียนหรือเจ้าคะ เสี่ยวเสียนเพียงแค่อยากให้คุณชายจับถ้วยน้ำชาเท่านั้นเองเจ้าค่ะ” นางอยากใกล้ชิดกับเขาให้มาก หวังว่านางจะมัดใจชายหนุ่มเอาไว้ได้ อีกหน่อยหากแต่งฮูหยินเข้ามาแล้ว จะได้ไม่เขี่ยนางทิ้งไป หากจะดีไม่น้อยได้ร่วมเตียงกับเขาก็คงจะดีที่สุด
“...” ชายหนุ่มไม่ตอบ เพราะกำลังสงบสติอารมณ์เอาไว้ มิให้เกรี้ยวกราด เกรงว่าท่านแม่จะประชดประชันไม่ตกแต่งเรือนหอของเขาให้สวยงามตามคำเอ่ยกล่าวของตน
“คุณชายดื่มยาก่อนนะเจ้าคะ ดื่มยาแล้ว ข้าจะนำทางพาคุณชายออกไปเดินเล่นข้างนอกเจ้าค่ะ หากได้สูดอากาศบริสุทธิ์จิตใจแจ่มใสแล้ว ทำให้คุณชายหายเศร้าได้ เสี่ยวเสียนล้วนยินดี” น้ำเสียงของนางไพเราะนัก พูดจาช่างรู้จักผ่อนหนักผ่อนเบา ฟังแล้วรื่นหูเสียจริง แต่มันใช้ไม่ได้กับเป่ยหมิงผู้นี้
“ได้ตามใจเจ้า” เพียงเพราะชายหนุ่มไม่อยากอยู่ในห้องนี้นาน ๆ จึงพยักหน้ารับคำหญิงสาว
สตรีนางนี้เป็นญาติห่าง ๆ ทางมารดาของตน ได้ยินว่าฐานะของนางไม่สู้ดีนัก จึงรับนางเข้ามาในจวนให้ดูแลเขาอย่างใกล้ชิด แต่ดูเหมือนว่าท่านแม่จงใจรับนางเข้ามา หวังว่าให้เขารับปากแต่งงานกับนางเป็นแน่
เสี่ยวเสียนยิ้มหวานแล้วประคองชายหนุ่มให้ลุกขึ้นยืน จากนั้นจึงนำพาเขาเดินออกไปข้างนอกอย่างช้า ๆ หญิงสาวบอกถึงการระมัดระวังตลอดเส้นทางเป็นอย่างดี สิ่งนี้ทำให้ชายดวงตามืดบอดสัมผัสได้ว่านางเอาใจใส่เขาเป็นอย่างดี
การกระทำของนางล้วนอยู่ในสายตาของฮูหยินใหญ่มู่ชิง ซึ่งกำลังยืนทอดสายตามองไปยังเรือนของลูกชาย เห็นเป่ยหมิงยอมออกจากห้อง แล้วมายังสวนนางล้วนดีใจยิ่งนัก อีกทั้งยังชื่นชมหลานสาวผู้นี้อีกด้วย
“ท่านพี่ดูเสี่ยวเสียนสิเจ้าคะ ดูแลลูกของเราเป็นอย่างดี ไม่เหมือนกับหลิวหลินนั่นสักนิด รู้ทั้งรู้ว่าคู่หมั้นเจ็บป่วย นางก็ไม่เห็นจะมาเยี่ยมเยียนบ้างเลย” ถ้อยคำนี้ล้วนแดกดันว่าที่ลูกสะใภ้ที่กำลังจะเข้ามาในจวนนี้อีกสามวันข้างหน้า
และยังเป็นพิธีสมรสพระราชทานอีกด้วย ยามนี้ในจวนกำลังวุ่นวายตระเตรียมงานแต่งให้ลูกชายกับหลิวหลิน เช่นนั้นแล้วบรรดาสาวใช้และบ่าวรับใช้นั้น ต่างก็ง่วนอยู่กับการตกแต่งประดับประดาเรือนให้สวยงาม มิให้กลายเป็นที่ติฉินนินทาของชาวบ้าน
“เอาน่า อีกหน่อยนางก็เข้ามาแล้ว อย่าอคติกับนางนักเลย” ชายชรากล่าวน้ำเสียงทุ้ม ทอดสายตามองบุตรชายที่กำลังถูกประคองให้เดินไปยังสวนดอกไม้ สงสารลูกชายจับใจนัก หากอีกฝ่ายไม่ลอบวางยาพิษมีหรือที่ลูกชายของเขาจะมีอาการสาหัสเช่นนี้
“สตรีอ่อนแอขี้โรคเช่นนั้น ไม่รู้ว่าหมิงเอ๋อร์ของพวกเรารักใคร่นางที่ตรงไหนกันแน่” เพราะหลิวหลินไม่เห็นมีอะไรดี มีดีก็แค่เป็นบุตรสาวใต้เท้าหลิวก็เท่านั้น หน้าตางดงามพอใช้ได้ น้อยครั้งที่ได้พานพบนางในงานเลี้ยง แต่มันก็นานมาแล้ว
“นางย่อมมีดี หากไม่มีดีหมิงเอ๋อร์จะชมชอบนางหรือ เอาน่าเดี๋ยวนางก็มาเป็นสะใภ้ของพวกเราแล้ว ฮูหยินก็ควรที่จะเป็นแม่สามีที่ดีนะ มิใช่ตั้งตนเป็นปรปักษ์กับนางเช่นนี้
หากหมิงเอ๋อร์รู้ว่าเจ้าไม่พึงพอใจนาง ลูกจะเสียใจมากเพียงใด เจ้าเองก็น่าจะรู้ดีกว่าข้านะ” ชายชราตักเตือนด้วยความหวังดี มิอยากให้มีปัญหากับสะใภ้คนใหม่ เกรงว่าจะทำอาการป่วยของบุตรชายทรุดไปอีก ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ก็หนักหนามากอยู่แล้ว
“ท่านพี่ไม่ต้องมาข่มขู่ข้าหรอก สตรีนางนั้นจะทนได้สักกี่วัน ดูสิเสี่ยวเสียนดูแลหมิงเอ๋อร์ของพวกเราดีเพียงใด คุณหนูหลิววัน ๆ อยู่แต่ในห้องจะหยิบจับอันใดเป็นหรือไม่ แล้วจะรู้จักดูแลลูกชายของพวกเราได้หรือเจ้าคะ”