ตอนที่ 1 คำสั่งเสียครั้งสุดท้าย
ภายในจวนสกุลหลิวเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้ชายชราสูงวัยมีสีหน้าที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนัก ฮูหยินของตนเสียใจจนผ่ายผอม ด้วยเพราะบุตรสาวคนรองเจ็บป่วยเรื้อรังมาแรมปี
บัดนี้ราชโองการตกมาถึงจวนสกุลหลิว ด้วยเพราะแม่ทัพเป่ยทวงขอพระราชทานงานมงคลสมรสเป็นรางวัล หากทำศึกชนะกลับมา รางวัลของเขาคือการได้แต่งงานกับสตรีที่เขารักปักใจ
ยามนี้สตรีที่แม่ทัพเป่ยรักใคร่นักหนา นางป่วยหนักเข้าให้แล้ว ทำให้บิดาและฮูหยินเอกกลัดกลุ้มใจยิ่งนัก จึงเรียกน้องสาวฝาแฝดของหลิวหลินเข้าพบ
หลิวหลีถูกเรียกพบขณะที่นางกำลังช่วยงานอยู่ในครัว ไม่ว่าจะเป็นอาหารคาวหรือหวาน ของพี่สาวนั้นนางดูแลทุกขั้นตอนด้วยตนเอง
หญิงสาววิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในห้องนอนของพี่สาวฝาแฝด แล้วรีบนั่งลงข้างเตียงนอน
หลิวหลินยกมือขึ้นให้น้องสาวได้จับกุม ดวงตาอันอ่อนโยนนั้น ค่อย ๆ หม่นหมองลงมาอย่างช้า ๆ
นางเอ่ยเสียงแผ่ว ๆ ราวกับจะขาดใจลงให้ได้เสียเดี๋ยวนี้ “หลีเอ๋อร์แต่งงานกับท่านแม่ทัพแทนพี่นะ พี่เชื่อว่าเขาจะต้องดูแลเจ้าเป็นอย่างดี” ถ้อยคำสั่งเสียนี้ มีหรือที่ทำให้บิดาจะกล้าเอ่ยปากขัดใจนางได้
แม้แต่ฮูหยินเอกก็ยังไม่กล้าเอ่ยปากคัดค้าน ในช่วงวาระสุดท้ายของหลิวหลินนั้น ยังคงต้องการให้น้องสาวฝาแฝดได้แต่งงานออกเรือนกับคนดี ๆ
ด้วยเพราะชายหนุ่มผู้นั้นมีตำแหน่งเป็นถึงแม่ทัพ อนาคตของน้องสาวจะได้ไม่ต้องมาลำบากอยู่ในจวนแห่งนี้อีก สิ่งสุดท้ายที่นางต้องการคือ อยากให้น้องสาวเพียงผู้เดียวมีความสุขและมีอิสระ ออกไปจากจวนนี้ได้เสียที
“พี่รองข้าไม่แต่ง ข้าจะรอดูท่านสวมชุดมงคลออกเรือน พี่รอง พี่รอง ตอบข้ามาสิว่าท่านจะหายดี” นางเสาะแสวงหาตำรามากมาย สุดท้ายแล้วก็ไม่อาจช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยของพี่สาวได้ สิ่งเดียวที่ทำให้นางมีกำลังใจอยู่ต่อ นั่นก็คือท่านแม่ทัพเป่ย
“หลีเอ๋อร์ขอโทษนะ พี่ไม่สามารถเป็นพี่สาวที่ดีได้ ท่านพ่อต้องดูแลนางให้ดี ส่งนางออกเรือนแทนข้า นี่คือคำขอร้องครั้งสุดท้าย” มือเรียวที่ถูกกอบกุมเอาไว้ พลันหล่นลงมาเสียอย่างนั้น ดวงตาปิดลงแล้ว ลมหายใจขาดห้วงไปทันใด
“พี่รองไม่นะ พี่รอง ท่านทำแบบนี้ได้ยังไง พี่รอง” นางโน้มตัวทับร่างไร้ลมหายใจของพี่สาว ร้องไห้โฮหยาดน้ำตาร่วงหล่นลงมาเป็นสายราวกับทำนบแตก เสียงสะอึกสะอื้นไห้ดังขึ้นไม่หยุดหย่อน
ทำให้ชายชราทรมานใจอย่างยิ่งยวด บุตรสาวที่เฝ้าดูแลทั้งสองได้จากไปหนึ่ง เหลือเอาไว้เพียงแค่หลิวหลีเป็นตัวแทนของฮูหยิน ภรรยาที่เขารักมากที่สุด แต่นางกลับหายตัวไปนับแล้วก็ได้สิบหกปีแล้ว
“หลีเอ๋อร์ใจเย็น ๆ ก่อนเถิด พี่สาวเจ้านางไปสบายแล้ว” ชายชราลูบแผ่นหลังบุตรสาวคนที่สาม ปลอบประโลมนางด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
“หากมิใช่เพราะท่านพ่อ นางจะเจ็บป่วยเยี่ยงนี้หรือ ยามนางป่วยท่านทำอะไร ตามหมอมาแต่ละคนเหตุใดจึงบอกไร้ทางรักษากัน” ดูเหมือนว่าหลิวหลีไม่พอใจบิดานัก มักเอ่ยค่อนขอดบิดาเสมอ
ยามพี่สาวของนางป่วยกระเสาะกระแสะนั้น บิดาทำอันใดอยู่กัน หากมิใช่อยู่กับฮูหยินเอกก็คงจะเป็นนางโลมหอโคมเขียว มิสนใจไยดีพวกนางสองพี่น้อง ที่ต้องถูกฮูหยินเอกรังแกออกบ่อยครั้ง
“ไหน ๆ นางก็ตายไปแล้ว จะร้องไห้ฟูมฟายให้ได้อะไรขึ้นมา ยามนี้เจ้ามีหน้าที่อันใด ต้องเตรียมตัวออกเรือนกับแม่ทัพเป่ยแล้ว” ตงซื่อเบะปากเอ่ยวาจากระทบกระทั่ง จะอะไรนักหนากับคนที่ไร้ลมหายใจไปแล้ว
ตงหรานมิชื่นชอบลูกเลี้ยงฝาแฝดพวกนี้ยิ่งนัก เห็นแล้วขัดหูขัดตาเสียจริง อีกทั้งยังมีคำสั่งเสียนี้เอาไว้ดักคอนางอีกด้วย จะตายแล้วยังสั่งเสียให้หลิวหลีได้แต่งงานออกเรือนกับแม่ทัพเป่ยอีก มันน่าเจ็บใจยิ่งนัก
“ข้าไม่แต่ง” นางแค้นใจนัก พี่สาวของนางเพิ่งสิ้นลม คนพวกนี้ก็รีบร้อนเหลือเกินเสือกไสไล่ส่งนางไปให้พ้นหน้าพ้นตาเสียที
“เจ้าต้องแต่ง หากไม่แต่งละก็ ข้ากับท่านพ่อของเจ้าคงถูกลงโทษทั้งตระกูล ลืมคำสั่งเสียของนางแล้วรึ” ตงซื่อขึ้นเสียงใส่ อย่างไม่พอใจนัก กระชากร่างบอบบางของหลิวหลีเหวี่ยงนางลงพื้น
“...” หลิวหลีเงยหน้า
ทอดสายตามองบิดา น้ำตาไหลลงมาเป็นสายไม่หยุดหย่อน ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่ จ้องเขม็งคนพวกนี้อย่างโกรธแค้นใจไม่จางหาย นึกก่นด่าไปถึงมารดาที่ทอดทิ้งพวกนางเอาไว้อย่างไม่สนใจไยดี
มิรู้ว่าป่านนี้แล้ว นางจะรู้หรือไม่ว่ามีลูกสาวที่เฝ้ารอคอยนางกลับมา
“หลีเอ๋อร์ ลุกขึ้นเถิด บาดเจ็บตรงไหนหรือไม่ มาให้พ่อดูหน่อยสิ” ชายชราจะประคองบุตรสาว แต่กลับถูกนางผลักไสออกห่าง เห็นแววตาของนางดูสิ้นหวังไร้หนทาง ใจบิดามิเคยเป็นสุขเลยก็ว่าได้
“พวกท่านจำเอาไว้ให้ขึ้นใจ ข้าหลิวหลีจะแต่งงานแทนพี่รอง หวังว่านับจากนี้จะไม่ต้องมาพบกับพวกท่านอีกตลอดกาล” นางยื่นคำขาด
หลังจากนี้มิอยากเกี่ยวข้องกับพวกจิตใจคับแคบ ชั่วช้าเยี่ยงนี้ พี่สาวของนางเพิ่งสิ้นลมไป คนพวกนี้ก็หาได้มีความเศร้าโศกไม่ กลับเห็นเพียงแค่ผลประโยชน์ของตัวที่จะได้รับ หากไม่ชั่วช้าเลวทรามจะเอ่ยพรรณว่ากระไรดีเล่า
“ก็แค่นั่นแหละ ส่วนพี่สาวเจ้าจะต้องลงนามว่าเป็นเจ้าที่ตายแล้ว เข้าใจหรือไม่” ตงซื่อยิ้มออก เรื่องเล็กน้อยเพียงเท่านี้ก็ต้องให้นางตะคอกขึ้นเสียงใส่
“ท่านคิดว่าคนอื่นจะมองไม่ออกหรือว่าข้าเป็นน้องสาว มิใช่พี่รอง” หลิวหลีตะคอกกลับอย่างไม่ยอมความ แม้ใจรู้ดีว่า แม่ทัพผู้นั้นรักใคร่พี่สาวของนางนักหนา แม้ว่ารูปร่างใบหน้าจะคล้ายกันถึงเก้าส่วน แต่น้ำเสียงก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
“ผู้ใดเคยพานพบพวกเจ้าสองพี่น้องบ้าง เห็นคงจะมีน้อย ถึงน้อยมาก ๆ ข้ารับปากจะจัดงานศพนางให้ดี ฝังในสุสานตระกูล พอใจหรือไม่”
ตงซื่อเหลือบมองลูกเลี้ยงอีกหน พ่นลมหายใจออกอย่างเดือดดาล นึกสาแก่ใจนักที่หลิวหลินตายไปเสียได้ หลงเหลือเพียงหลิวหลีที่ทั้งดื้อรั้นเอาแต่ใจ
ซ้ำยังทำตัวระรานบุตรสาวของนางอีกด้วย ผู้ใดจะรักใคร่บุตรสาวคนอื่นมากกว่าบุตรสาวของตนเองกัน นางคนหนึ่งที่มิเคยมีความคิดเยี่ยงนั้น ช่างน่าเสียดายนัก
การแต่งงานครั้งนี้ กลับเป็นหลิวหลีได้แต่งงานแทน หากเปลี่ยนตัวเจ้าสาวได้ละก็ นางคงจะส่งบุตรสาวของนางไปแทนแล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นใจนักหนา
“พวกท่านเคยเสียใจกับนางหรือไม่ นางเพิ่งสิ้นลมไป พวกท่านก็เร่งรัดข้าแล้ว” หลิวหลีแค้นใจไม่จางหาย มองบิดาด้วยความไม่พอใจอย่างยิ่งยวด
ชายชราเห็นสายตาบุตรสาวมองมาก็ยิ่งปวดใจนัก เขาเป็นคนผิดเองที่ไม่ดูแลพวกนางให้ดี จึงทำให้สองพี่น้องน้อยอกน้อยใจบิดาเช่นนี้ เขาประคองบุตรสาวอีกครั้ง
แต่เขาก็ถูกนางผลักไสให้ออกห่าง ท่าทางของนางคล้ายสะอิดสะเอียนบิดา ชายชราจึงทำได้เพียงแค่ยืนห่างจากบุตรสาวคนที่สามเท่านั้น
กระนั้นยังเอ่ยปลอบประโลมใจว่า “หลีเอ๋อร์ ไม่ต้องเสียใจมากไปนัก พี่สาวของเจ้าต้องมีความสุขมาก ๆ แน่ ที่ได้เห็นเจ้าออกเรือนแทนนาง”
“ข้าไม่เคยดีใจสักหน ที่กลายเป็นตัวแทนของพี่รอง พวกท่านมันตามืดบอด หวาดกลัวความผิดอันใด ในเมื่อพี่รองจากไปแล้ว ก็ต้องแจ้งจวนสกุลเป่ยถึงจะถูก ให้ยกเลิกการแต่งงานนี้ออกไปเสีย”
“ไม่ได้ เจ้าจะต้องแต่งงานแทนนาง หากเจ้าขัดขืนละก็ ข้าจะจับเจ้ายัดใส่เกี้ยวส่งไปจวนสกุลเป่ยเอง”