บทที่ 8
ร่างแบบบางของดีเจสาวก้าวฉับๆออกมาจากสถานีวิทยุในช่วงหัวค่ำอย่างใจเย็น หลังจากไม่ได้มาจัดรายการเป็นเวลาสองสัปดาห์ตามวันที่กรอกเอาไว้ในใบลาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่กลับมาประเทศไทยได้อาทิตย์กว่าแล้วด้วยซ้ำ
นึกมาถึงตรงนี้ใบหน้าสวยหวานก็พลันบึ้งตึงขึ้นมาทันควัน นี่ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุการณ์บ้าๆนั่น ป่านนี้เธออาจจะกำลังดื่มด่ำกับความสุขที่ฟินแลนด์พร้อมกับหนุ่มหล่อตาน้ำข้าวสักคนแล้วก็ได้
คนคิดขบเขี้ยวขบฟันอย่างหัวเสีย แล้วขึ้นไปนั่งสงบสติอารมณ์ภายในรถ เพื่อหวังให้แอร์เย็นฉ่ำช่วยปัดเป่าอารมณ์เกรี้ยวกราดที่สุมอยู่ในอก
ดวงตากลมใสเหลือบไปเห็นกุญแจคอนโดมิเนียมสุดหรูที่ซื้อเอาไว้ก่อนจะบินลัดฟ้าไปต่างแดนอย่างชั่งใจ และเปลี่ยนเป้าหมายจากบ้านหลังเก่ามุ่งหน้าเข้าสู่เส้นทางใหม่เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ
ครืดด~ ครืดด~
โทรศัพท์มือถือที่วางทิ้งไว้อยู่เบาะข้างคนขับเรียกให้ผู้เป็นเจ้าของหันไปมองชื่อคนที่โทรเข้ามา
-แม่-
พระพายถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เนื่องจากตอนแรกเธอตั้งใจว่าจะไม่รับโทรศัพท์ตอนกำลังขับรถอยู่เด็ดขาด ทว่าสายนี้ดันเป็นสายพิเศษ ที่ไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ก็ต้องรับนี่สิ
หมับ!
มือเล็กเอื้อมมาคว้าโทรศัพท์ไปถือไว้ ทว่าเท้าก็ยังคงเหยียบคันเร่งเบาๆ โดยที่เจ้าตัวไม่รู้เลยว่าตอนนี้ไฟจราจรฝั่งตัวเองกำลังเปลี่ยนเป็นสีแดง
ปัง!
แรงกระแทกทำให้คนตัวเล็กรีบเปลี่ยนเท้ามาเหยียบเบรกอย่างรวดเร็ว เนื่องจากอุตบัติเหตุครั้งนี้เป็นความผิดของเธอเต็มๆ แถมรถมินิคูเปอร์ราคาหลายล้านบาทของคู่กรณีก็ทำให้รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ขึ้นมาที่ต้นคอทันควัน
"เอาไว้ค่อยคุยกันนะแม่"
พระพายบอกกับมือถือที่ยังไม่ทันได้กดรับสาย ก่อนจะเปิดประตูลงไปเจรจาอย่างมีความรับผิดชอบ
ทว่า...
"อ้าวว สวัสดีครับ... ที่รัก"
เสียงทักทายดังมาจากร่างสูงโปร่งคุ้นตา เมื่อเขาก้าวขาลงมาจากรถคู่กรณีด้วยสีหน้ากวนเบื้องล่างขั้นสุด จนเธอต้องกรอกตาวนไปสิบตลบอย่างหาที่ระบาย
ให้ตายเหอะ!
ยิ่งหนียิ่งเจอจริงๆ
"ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะครับพาย นี่เราเจอกันไวกว่าที่ผมคิดไว้อีกนะเนี่ย" ผู้ชายที่มันบังอาจพรากพรหมจรรย์ของเธอไปเอ่ยหน้าตาย ก่อนที่เขาจะคลี่ยิ้มกว้างจนปากแทบจะฉีกไปถึงรูหูเพื่อยั่วโทสะคนฟัง
"เหอะ! ไม่เจอยังดีซะกว่า จะให้รับผิดชอบยังไงก็ว่ามา เดี๋ยวฉันจะโทรตามประกันมาคุย" หญิงสาวตัดบท
ทว่านอกจากเขาจะไม่ยอมตอบคำถามของเธอแล้ว คนตัวโตยังแสร้งทำหูทวนลมและพูดเรื่องอื่นขึ้นมาแทนอย่างต้องการยื้อเวลา
"ความจริงผมตั้งใจจะไปหาคุณที่สถานีอยู่พอดีเลย"
"สถานี ?" พระพายทวนคำหน้าตาตื่น
"ใช่ สถานีวิทยุเรนโบว์เรดิโอที่คุณทำงานอยู่ไง"
ดีเจสาวเบิกตากว้างด้วยความตกใจระดับล้าน เพราะเธอทำงานอยู่ที่สถานีวิทยุเรนโบว์เรดิโอตามที่เขาบอกจริงๆ
"แกรู้ได้ยังไงเนี่ย !?" ร่างบางตะคอกถาม
"เฮ้ย! ทำไมคุณต้องเสียงดังขนาดนั้น ผมจะไม่รู้ว่าเมียตัวเองทำงานอยู่ที่ไหนได้ยังไงล่ะ"
"อย่ามาเล่นลิ้น!" เธอแหวใส่
"ผมเปล่าสักหน่อย ลิ้นเขาต้องเล่นกันเป็นคู่ เล่นคนเดียวมันไม่สนุกหรอกเชื่อสิ" คนยียวนบอกกลั้วหัวเราะ ก่อนจะพยักพเยิดไปทางด้านหลังของเธออย่างสื่อความหมาย แล้วเอ่ยชวน "เราขับรถไปจอดข้างทางดีกว่า คุยตรงนี้คงไม่สะดวก"
"ฉันไม่มีอะไรจะคุย แกจะให้รับผิดชอบยังไงก็ว่ามา"
"ใจร้อนชะมัด" ชายหนุ่มโอดครวญหน้าทะเล้น
"อย่าเยอะ!"
"จะบอกอะไรให้นะพาย นอกจากผมจะรู้ว่าคุณทำงานอยู่ที่ไหนแล้ว ผมยังรู้ด้วยว่าบ้านคุณอยู่ไหน พ่อแม่ทำงานอะไร เป็นคนจังหวัดอะไร รู้ยันโรงเรียนอนุบาลเลยแหละ ยังไงก็หนีไม่พ้นหรอก" เพชรพระรามว่าพลางโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้คู่สนทนามากขึ้นเรื่อยๆ อย่างเป็นต่อ
"ทีนี้เราสองคนจะมีเรื่องคุยกันได้หรือยัง"
"....ไอ้โรคจิต ฉันจะแจ้งความจับแกข้อหาคุกคามความเป็นส่วนตัว" ร่างบางขู่ฟ่อ
"อืม อยากทำอะไรก็ทำเลย"
"โอ๊ยย...ย! ไปให้พ้นๆ หน้าฉันซะทีเถอะ" คนตัวเล็กโวยวายเสียงดังลั่นอย่างหมดความอดทน แต่นอกจากคนฟังจะไม่สะทกสะท้านอะไรแล้ว เขายังยิ้มกว้างขึ้นเรื่อยๆ อย่างหน้าโมโหอีกต่างหาก
"งั้นไปอำเภอกันไหม" กัปตันหนุ่มเอ่ยชวน
"ไปทำบ้าอะไรที่อำเภอ"
"ไปจดทะเบียนสมรสกัน"
"ประสาท!" พระพายคอกใส่เขาอีกหน ก่อนจะวิ่งกลับไปที่รถ แล้วขับออกไปหน้าตาเฉย
"อ้าว...ว เฮ้ย! จะหนีกันง่ายๆแบบนี้เลยหรอ"
ร่างสูงมองตามรถคันเล็กที่ขับหนีไป ก่อนที่เขาจะบ่นกลั้วหัวเราะ แล้วขับตามเธอไปด้วยการเว้นระยะห่างเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว
ดีเจสาวที่คิดว่าตัวเองขับรถเร็วที่สุดในชีวิตเลี้ยวเข้ามาจอดภายในอาณาบริเวณลานจอดรถของคอนโดกลางกรุงอย่างช่ำชอง ทว่ายังไม่ทันจะหายใจได้ทั่วท้อง ตัวต้นเหตุที่ทำให้เธอต้องหนีก็ดันปรากฎขึ้นมาซะงั้น
"สวัสดีอีกครั้งครับที่รัก วันนี้เราเจอกันบ่อยเนอะ"
เสียงทุ้มที่ดังลอดผ่านกระจกเข้ามากระทบโสตประสาท ทำให้คนฟังมีอาการควันออกหู และเปิดประตูลงไปประจัญหน้ากับเขาตรงๆ
"พูดมาเลยดีกว่าว่าแกต้องการอะไร"
"ต้องการคุณ" เขาตอบหน้าตาย พร้อมกับสาวเท้าเข้ามาใกล้เธอมากขึ้นเรื่อยๆ ทว่า...
เพี๊ยะ!
ฝ่ามือเล็กฟาดเข้าบริเวณแก้มเนียนที่พึ่งผ่านการโกนหนวดของคนตัวโตเต็มแรง ก่อนที่เธอจะชี้หน้าเขาอย่างคาดโทษ แล้วตะโกนออกคำสั่ง
"ไม่ต้องเข้ามาใกล้ฉัน"
"แต่ผมคิดถึงคุณนะ" ชายหนุ่มบอกเสียงอ้อน
"แต่ฉันไม่โว้ย!" พระพายตะคอกใส่หน้า พร้อมกับผลักเข้าที่อกแกร่งแรงๆ เพื่อให้เขาถอยห่าง
"ผมมาทวงสัญญา" คนตัวโตเกริ่นขึ้น พลางส่งแววตาระบิบระยับมาให้เป็นการสมทบ
"สัญญาอะไร"
"ก็สัญญาที่คุณให้ไว้ก่อนจะกลับมาไง"
"ฉันลืมไปแล้ว" พระพายว่าพลางไว้ไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
"ได้ไง ผมอุตส่าห์ตามหาคุณเจอแล้วนะพาย ถ้ารู้ว่าจะเล่นตุกติกแบบนี้ น่าจะจับปล้ำกลางสนามบินให้รู้แล้วรู้รอดกันไป" กัปตันหนุ่มบอกหน้าเครียด แล้วจ้องเขม็งใส่คนไม่รักษาสัญญาอย่างแง่งอน
"กรี๊ดด! แกมันโรคจิต"