บทที่ 9 สิ่งที่อัดอั้น (3)
เธอนั่งอยู่อีกโต๊ะซึ่งถัดไปโต๊ะของเจ้านายและลูกค้า แต่ทว่าในตอนนี้กลับทำให้ทุกสายตาต่างก็หันมองไปยังหญิงสาวเป็นเพียงจุดเดียว
“เอ่อ...ผมว่าผู้ช่วยของคุณเมาแล้วล่ะครับ”
“นั่นสิครับ นั่งดื่มคนเดียวแต่เมาคอพับไปก่อนใคร” อัศวินถอนหายใจออกมาหนัก ๆ อับอายขายขี้หน้าจนต้องกุมขมับเมื่อผู้ช่วยสาวเมามายไม่ห่วงภาพลักษณ์ของไร่เสียเลย
อุตส่าห์ให้ดื่มคนเดียวไม่เข้าไปรบกวน แต่ไหนเล่นดื่มจนเมาชนิดที่ว่าคอพับคออ่อนไปซะได้
“ผมคงต้องพาผู้ช่วยผมกลับก่อนน่ะครับ ขอบคุณสำหรับออเดอร์และเครื่องดื่มนะครับ ไร่กมลจะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน” อัศวินกล่าวลากับลูกค้าคนสำคัญเนื่องจากมีอีกหนึ่งคนต้องดูแล
ร่างสูงตรงปรี่เข้าไปประคองร่างบางเอาไว้ ทั้งเรียกทั้งสะกิดแต่ก็ได้รับเสียงยานครางกลับมา ซึ่งบ่งบอกว่าคนไม่มีสติอยู่กับตัวแล้วตอนนี้
“อื้อ...ไม่ปาย ปายหนาย”
“นี่! เป็นบ้าอะไรวะ กินอะไรขนาดนั้น!” อัศวินประคองร่างน้อยออกมาจากห้องรับรองของลูกค้าด้วยความยากลำบาก แต่อย่างไรแล้วเขาก็ต้องตำหนิเธอให้รู้เรื่องว่าสิ่งที่เธอทำมันผิดมหันต์เพียงใด
นอกจากเจ้านายอย่างอัศวินต้องดูแลแล้ว มันอาจจะสร้างภาพลักษณ์ที่ไม่ดีกับตัวไร่ ซึ่งมีผลกับความน่าเชื่อถือของลูกค้าได้โดยตรง และเขาไม่ต้องการให้มันเป็นแบบนั้น
“ตั้งสติหน่อยปลายฝน! เป็นบ้าอะไรของเธอวะ!”
“ไอ้คนบ้า! ไอ้บ้า ไอ้เจ้านายเฮงซวย แค่กินเหล้าทำไมต้องมาห้ามด้วย ขอพักผ่อนบ้างไม่ได้หรือไงฮะ!”
“แล้วกินให้มันพอดีไม่ได้หรือไง!” อัศวินเปลี่ยนจากการประคองมาเป็นการบีบรัดที่ไหล่มนทั้งสองข้างของเธอแทน
มั่นใจว่าว่าตัวเขาเองก็เป็นเจ้านายที่ให้อิสระพอสมควร แต่การดื่มจนมึนเมาไม่ได้สติแบบนี้เขาไม่มีทางใจดีกับเธอได้แน่
“ฮึก...ไอ้บ้า ฮือ...จะรังแกกันไปถึงไหน จะกลั่นแกล้งกันให้ตายไปข้างเลยหรือยังไง!” ทว่า...ความอัดอั้นภายในใจพรั่งพรูออกมาผ่านคำพูดและหยาดน้ำตาที่เธอเพียรพยายามอดกลั้นมาตลอด แต่เมื่อมีฤทธิ์เหล้าที่เข้าครอบงำกลับทำให้เธอกล้าที่จะปลดปล่อยระบายทุกความรู้สึก โดยไม่สนใจเลยว่าคนตรงหน้าจะเป็นคนชี้ชะตาความเป็นความตายของเธอไม่ต่างจากพญามัจจุราช
“นี่เธอ...”
“ฉันปรับจนไม่รู้จะปรับยังไงแล้ว คุณจะใจร้ายกับฉันไปถึงไหนฮึก...เกลียดอะไรฉันนัก คนที่ไร่ของคุณก็เหมือนกัน จงเกลียดจงชังอะไรไร่พันทิพย์นักหนา ฉันก็อยู่ของฉันแล้วทำไมถึงต้องมาแกล้งกันด้วย!”
แรงทุบตีรัวเร็วใส่แผงอกแกร่งราวกับว่าเป็นเพียงสิ่งเดียวที่สามารถระบายความอัดอั้นภายในใจออกมาได้ อัศวินยืนนิ่งปล่อยให้หญิงสาวโถมแรงใส่โดยไม่มีท่าทีหักห้าม
สิ่งที่เขาทำมันรุนแรงกับเธอมากเกินไปจริง ๆ หลังจากวันนั้นเขาก็ไม่ได้พูดอะไรถึงเรื่องนั้นอีก การกลั่นแกล้งจนเธอเป็นลมหมดสติเขาทำเพียงปล่อยผ่านเพราะละอายใจเกินกว่าจะพูดคำขอโทษต่อหน้าน้องสาวศัตรูได้
แต่ไม่คิดเลยว่าความเงียบของเธอแท้จริงแล้วล้วนแต่มีทุกสิ่งทุกอย่างที่แฝงซ่อนอยู่ในใจมากมาย...
“ขอโทษ ฉันขอโทษ” สุ้มเสียงเปล่งออกมาทั้งดวงตาฉายลึกไปถึงความรู้สึกที่แท้จริง
เขาควรพูดคำนี้ออกมาเพื่อระบายความผิดบาปที่เคยกระทำต่อหญิงสาวผู้นี้ ในฐานะเจ้านายของเธอ เขายอมรับว่าการกระทำเหล่านั้นรุนแรงเกินไปจริง ๆ
“ฮึก...ไอ้บ้า! รู้ไหมว่าฉันรอให้คุณขอโทษอยู่ ฮึกฮือ...ฉันอยากได้ยินแค่คำนี้จากปากของคุณ”
“ก็ขอโทษนี่ไง ขอโทษจริง ๆ คราวหลังจะไม่แกล้งแล้ว” อัศวินรวบรัดร่างบางเข้าหาตัวเมื่ออีกฝ่ายปล่อยโฮหนักข้อมากกว่าเดิม
“คุณพูดแล้วนะว่าจะไม่แกล้งฉันอีก” ใบหน้าหวานเชยขึ้นมองอย่างมีความหวัง ดวงตาหวาน ๆ สั่นไหวเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา แต่ทว่ามันกลับมีความเปล่งประกายจนคนที่มองถึงกับชะงักงันไปทันที
“อืม สัญญา”
“ก็แค่เนี้ย เฮ้อ...สบายจายละ” ปลายฝนส่งยิ้มกว้างผิดไปจากเมื่อครู่จากหน้ามือเป็นหลังมืออย่างเห็นได้ชัด
นอกจากจะไม่มีเสียงสั่น ๆ และน้ำตาชวนสงสารนั่นแล้ว เธอยังฉีกยิ้มกว้างจนตาหยีที่แทบจะเป็นคนละคนเลยก็ว่าได้
“ยายบ้า...”
“อึก...ขอไปเข้าห้องน้ำก่อน รอแป๊บนะ” ปลายฝนผละตัวออกจากการเกาะกุมและหมุนตัวเดินไปยังห้องน้ำด้วยท่าทางซวนเซ พออัศวินจะเข้ามาช่วยก็ถูกผลักไสแถมยังถูกกำชับว่าให้ไปไกล ๆ เธออีกต่างหาก “ไปไกล ๆ เลย เสร็จแล้วเดี๋ยวออกมาเองแหละน่า”
“เหอะ แม่งภาระสัส ๆ เลย!”
ปลายฝนเดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากที่ล้างหน้าล้างตาเรียกสติอยู่นานนับสิบนาที สายตากวาดมองหาอัศวินแต่ก็ไม่พบจึงทำให้เธอตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะต่อสายโทรหา
ระหว่างรอสายก็เดินตรงไปยังทางเดินพลางกวาดมองหาผู้เป็นเจ้านาย ถึงแม้ว่าสติของเธอจะกลับคืนมาบ้างแล้ว แต่ความพร่าเรือนก็ยังคงควบคุมจนไม่สามารถมองเห็นหนทางได้ชัดร้อยเปอร์เซ็นต์
แต่ทว่า...
หมับ!
“อ๊ะ...!” ไม่ทันสังเกตข้อมือเล็กก็ถูกแรงกระชากดึงรั้งจากใครคนหนึ่งจนเผลอร้องขึ้นออกมาด้วยความตกใจ
ใบหน้าหวานตื่นตระหนกหันขวับไปมองเจ้าของมือใหญ่ที่ทำตัวหยาบคายเช่นนี้ และเพียงเสี้ยววินาทีจากการตกตะลึงก็แปรเปลี่ยนเป็นความเดือดดาลที่พร้อมจะผลักไสสัมผัสของคนผู้นี้ได้ทุกเมื่อ
“คุณเหม!”
ร่างสูงใหญ่ทรงอิทธิพลปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า แถมในตอนนี้ก็ยังบีบคั้นที่ข้อมือเล็กจนหญิงสาวเจ็บปวดเกินกว่าจะทนไหว
“ฮึ! ตกอับถึงขนาดต้องมาทำงานที่ไร่ของศัตรูเลยงั้นสิหนูปลายฝน!”
คำพูดเหยียดหยามยิ่งทำให้ปลายฝนนึกรังเกียจกับบุคคลตรงหน้า เธอพยายามแกะมือของเขาออกและต่อต้านเรี่ยวแรงมหาศาลที่กำลังยื้อยุดกระชากรั้ง จนร่างกายของเธอแนบชิดไปกับแผ่นอกของเขา
และนั่นก็ยิ่งเรียกเสียงหัวเราะสะใจของผู้ทรงอิทธิพลอย่างเหมราช ที่สามารถกอบกุมอำนาจจากคนตัวเล็กให้อยู่ในเงื้อมมือของตนได้
