บทที่ 7 ผู้ช่วยคนใหม่ (4)
“ถ้าจะขนาดนี้มึงก็ร่ายประวัติให้เขาฟังตั้งแต่รุ่นปู่เลยเถอะไอ้วรรษ!” อัศวินส่ายหน้าอย่างอ่อนใจกับความพูดมากของลูกเพื่อนพ่อที่โอเวอร์เกินบรรยายเสียจริง
ทั้งสองคนรู้จักและสนิทสนมกันจนแทบจะเหมือนพี่น้องที่คลานตามกันมา พ่อของอัศวินและศตวรรษนั้นเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่สมัยเรียน อีกทั้งเมื่อก่อนที่อัศวินจะเข้ามาดูแลกิจการในไร่กมลนั้น รุ่นพ่อของทั้งคู่ก็ล้วนแต่เป็นผู้บุกเบิกกันทั้งนั้น
พ่อของศตวรรษมีหุ้นกับไร่กมลอยู่มาก แถมยังเป็นผู้จัดการไร่กมลที่คอยจัดการดูแลทุกอย่าง จนกระทั่งหันไปทำไร่ส้มของตัวเองจึงละหน้าที่นี้ไป พอศตวรรษเรียนจบปริญญาโท ผู้เป็นพ่อก็เลยให้มาช่วยทำงานที่ไร่กมล พร้อม ๆ กับการดูแลกิจการไร่ส้มของตัวเองไปด้วยเช่นกัน
“อะไรวะไอ้พี่อัศ ก็ผมเป็นคนเฟรนลี่อะ แล้วนี่ก็เพื่อนร่วมงานผมนะพี่ ผมก็ต้องแนะนำตัวสิ”
“สวัสดีค่ะคุณศตวรรษ ว่าแต่คุณรู้จักฉันด้วยเหรอคะ” ปลายฝนยกมือไหว้อีกฝ่ายพร้อมด้วยรอยยิ้มบาง ๆ แต่ที่แปลกใจก็เห็นจะเป็นตอนที่เขาเรียกชื่อเธอนี่แหละ
“รู้จักครับ ไอ้พี่อัศมันบอกผมไว้แล้วแหละว่าจะมีผู้ช่วยอีกคนมาช่วยงาน แล้วอีกอย่างคุณปลายฝนก็เป็นลูกสาวของพ่อเลี้ยงรณ ใครบ้างจะไม่รู้จักล่ะครับ”
“มึงจะไปไหนก็ไปเถอะไอ้วรรษ กูรำคาญ” อัศวินแทรกขึ้นเมื่อยังเห็นว่าศตวรรษชวนคุยไม่เลิก
ทั้งที่ปกติไม่เคยโผล่หน้าเข้างานตรงเวลา แต่นี่เวลาตีห้ากลับอยู่ในสภาพพร้อมทำงานจนกลัวว่าฟ้าจะถล่มพายุจะเข้าเชียงรายให้วอด
“แล้วสรุปคุณจะให้ฉันทำอะไร” เสียงถอนหายใจดังตามมาก่อนที่หญิงสาวจะทวนถามเขาอีกครั้ง
เธอเห็นหน้าบูดบึ้งเต็มไปด้วยความไม่พอใจเลยไม่อยากจะทำอะไรให้คนนายคนใหม่หงุดหงิดไปมากกว่านี้
“ไปขนกระสอบปุ๋ยมาวางตรงนี้”
“เฮ้ย! ไอ้พี่อัศ บ้าไปแล้วรึไง!” เพียงแค่ได้ยินคำพูดของพี่ชายก็ทำเอาศตวรรษร้องท้วงขึ้นมาพัลวัน
กระสอบปุ๋ยวางตั้งเป็นสิบ ๆ จะให้ผู้หญิงคนเดียวยกมาได้ยังไง และที่สำคัญมันไม่ใช่หน้าที่ของผู้ช่วยที่ต้องมาทำอะไรแบบนี้เลยด้วยซ้ำ
“มึงจะไปไหนก็ไป กูกำลังสอนงานอยู่” อัศวินไม่สนใจคำพูดของศตวรรษ หนำซ้ำยังออกปากไล่แถมยังส่งสายตาคาดโทษไปยังน้องชายที่ทำท่าต่อต้านอยู่ไม่เลิก
“พี่แม่งเป็นบ้าไปแล้วหรือไง เกินไปเปล่าวะ”
“เร็วดิ! ไปขนปุ๋ยมา!” อัศวินหันกลับมาออกคำสั่งกับผู้ช่วยคนใหม่ด้วยน้ำเสียงกระด้าง ที่ทำเอาคนตัวเล็กหุนหันรีบวิ่งไปยังกระสอบปุ๋ยที่ตั้งวางอยู่ที่แปลงด้วยความร้อนรน
กระเป๋าและของใช้ส่วนตัววางที่ใต้ต้นไม้ อุปกรณ์ที่จัดเตรียมมาก็คงไม่ได้ใช้เพราะภาระงานในการเป็นผู้ช่วยนายใหญ่ของไร่ก็คือการใช้แรงงานไม่ใช่งานใช้ความคิด
ปลายฝนทำตามที่อัศวินสั่งทุกอย่าง เธอยกกระสอบปุ๋ยที่วางเรียงรายอยู่นับสิบด้วยความทุลักทุเลสุดขีด แต่พอเจอสายตาพิฆาตกลับทำให้เรี่ยวแรงฮึกเหิมขึ้นมาจนน่าแปลกใจ อาจจะเป็นเพราะสายเลือดของไร่พันทิพย์ที่ตราหน้ามันเลยยิ่งทำให้เธอยอมแพ้ไม่ได้
“อ๊ะ...” จังหวะที่กำลังเดินมายังแปลงพักที่อัศวินยืนอยู่กลับเป็นช่วงที่เธอเผลอทำกระสอบปุ๋ยร่วงลงบนพื้นพอดิบพอดี
ปลายฝนเบิกตากว้างเพราะแรงกระแทกทำให้กระสอบสีขาวแตกพังจนเม็ดปุ๋ยกระจายไปคนละทิศทาง
“ทำของเสียหายก็ต้องไปหักกับเงินเดือน” อัศวินไม่ได้ตำหนิ แต่เขากลับใช้เงินตรามาลงโทษคนทำผิดที่เพิ่งเริ่มงานวันแรกได้อย่างเลือดเย็น
“ฉันขอโทษ” หญิงสาวเม้มปากแน่นก่อนจะก้มตัวเก็บซากเล็ก ๆ ที่เธอทำพัง เข้าใจดีว่าปุ๋ยเหล่านี้คือสิ่งสำคัญกับผลผลิตที่สามารถสร้างรายได้ให้กับไร่กมลได้มหาศาล
ไร่พันทิพย์เองก็ให้ความสำคัญกับปุ๋ย นอกจากดินที่ปลูก น้ำที่รด แสงแดดที่พอดี ก็ยังมีปุ๋ยบำรุงนี่แหละที่เป็นอีกหนึ่งความสำคัญที่จะทำให้ผลผลิตงอกงามและตรงความต้องการของลูกค้า
ปลายฝนใช้เวลาในการขนปุ๋ยด้วยความระมัดระวังราว ๆ ครึ่งชั่วโมง มือเล็กแดงไปทุกส่วนแถมยังมีร่องรอยบาดแผลแตกเป็นแนวยาวจนได้เลือดกลับมาประดับ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่คิดสนใจเพราะถือว่างานที่ได้รับมอบหมายได้เสร็จสมบูรณ์ดั่งที่ตั้งใจแล้ว
“ฉันยกมาทั้งหมดแล้ว” เมื่อทำตามคำสั่งเรียบร้อยก็ต้องไปรายงานกับผู้เป็นนายที่นั่งตรวจงานเอกสารอยู่ที่ใต้ต้นไม้ในแปลงถัดไป
ตอนนี้พระอาทิตย์ขึ้นสู่ท้องฟ้าให้ความสว่างเต็มดวงแล้ว แต่มันเป็นเวลาที่เช้ามากกว่าที่ควรเพราะผู้ช่วยคนใหม่ของเขาอยู่ในสภาพเหงื่อท่วมแถมเนื้อตัวยังมอมแมมไปด้วยดินด้วยโคลน
อัศวินหันไปมองผลงานที่เธอทำ ปุ๋ยกระสอบถูกจัดวางเรียบร้อยเป็นระเบียบกว่าที่เหล่าคนงานทำ และเขาเองก็มองว่าเธอทำได้ดีเกินคาดไว้จริง ๆ
“ทำได้ดีนี่ เป็นระเบียบดี”
คำชมที่ออกมาจากปากของอัศวินเรียกได้ว่าแทบจะเหมือนการถูกรางวัลที่ปลายฝนมองว่ามันตื่นตาเป็นที่สุด หญิงสาวฉีกยิ้มกว้าง หันไปยิ้มกับผลงานตัวเองที่ตั้งใจทำแม้ว่าจะได้รับบาดแผลกลับมาเต็มมือก็ตามที
“แน่นอนสิ”
“ฮึ อย่าเหลิง นี่มันเพิ่งเริ่มต้น หน้าที่ของเธอยังมีอีกเยอะ!”
ประโยคนั้นดับฝันสวยงามของปลายฝนแทบจะทันที จากที่กำลังยิ้มดีใจเป็นต้องโค้งคว่ำจนเกือบเป็นวงกลม
“คุณจะให้ฉันทำอะไรต่อล่ะ”
อัศวินหันหน้าไปยังพื้นที่โล่ง ๆ ที่ยังไม่มีพืชผลชนิดไหนลงแปลง แม้ไม่มีคำพูดใดเอ่ยเอื้อนแต่ก็ทำให้ผู้ช่วยสาวรับรู้ได้ทันทีว่าหน้าที่ต่อไปที่เขาจะมอบหมายให้เธอทำนั้นคืออะไร
ปรับปรุงเนื้อดินด้วยการคลุกเคล้าปุ๋ยหมักมูลสัตว์!
“เรื่องง่าย ๆ แบบนี้ ลูกสาวของพ่อเลี้ยงรณของไร่พันทิพย์คงทำเป็นใช่ไหม”
