บท
ตั้งค่า

บทที่ 8 ทำงานวันแรก (1)

การทำงานวันแรกในตำแหน่งผู้ช่วยของนายอัศถือว่าผ่านไปได้ด้วยดี ปลายฝนต้องปรับตัวเล็กน้อยทั้งการทำงานและการเข้าสังคมใหม่ แต่ภาระงานที่อัศวินมอบหมายทำให้เธอแทบจะไม่ได้พูดคุยกับใครเลยสักนิด เพราะเวลาทั้งหมดตั้งแต่เช้ายันเที่ยงเธอจดจ่ออยู่กับขี้หมูขี้ไก่เหม็น ๆ สำหรับการปรับหน้าดินตามคำสั่งของเจ้านาย

เมื่อทำงานมาทั้งวันก็ถึงเวลาพักเที่ยง ที่นี่มีเวลาให้พักหนึ่งชั่วโมงตั้งแต่เวลาเที่ยงตรงจนถึงบ่ายโมง อาหารมื้อกลางวันก็จะมีให้เลือกหลากหลายตามจำนวนคนในไร่ที่มีมากนับร้อยชีวิต

ปลายฝนคิดว่าสถานที่แห่งนี้เหมือนกับไร่พันทิพย์แทบจะทุกอย่าง หากแต่สิ่งที่แตกต่างก็เห็นจะเป็นบรรยากาศความอบอุ่นที่ไม่มีที่ไหนเหมือนกับไร่ของเธอ

“คนนี้เหรอที่แกบอกฉันว่าเป็นลูกสาวพ่อเลี้ยงรณของไร่พันทิพย์อะ”

“เออ คนนี้แหละ พี่ยอดชี้ให้ฉันดูอยู่”

“แล้วทำไมถึงมาทำที่ไร่ของเราได้วะ หรือว่าเขาจะเข้ามาเป็นนายหญิงของที่นี่ นายอัศของฉันจะมีเมียแล้วเหรอวะเนี่ย ไม่นะ!”

“แกก็บ้าไปกันใหญ่ ไม่รู้หรือไงว่าสองไร่นี้เขาตั้งตัวเป็นศัตรูกัน แต่สาเหตุที่เขามาทำงานที่นี่ฉันเองก็ไม่รู้นักหรอก อืม...แต่เห็นว่าทางนั้นกำลังวิกฤตนะ ฉันว่าลูกสาวของพ่อเลี้ยงรณก็คงมาทำงานที่นี่เพื่อหาเงินเหมือนพวกเรานั่นแหละ”

“มาทำงานที่ไร่ของศัตรูเนี่ยนะ เชื่อใจได้หรือเปล่า ฉันว่าเขาต้องมาจับนายอัศของพวกเราแน่ ๆ เลยอะ หรือไม่ก็แฝงเข้ามาทำอะไรลับหลังก็ได้นะแก”

“เออ อันนี้ก็ไม่รู้ว่ะ แต่ยังไงพวกเราก็ระวังตัวไว้ดีกว่า เผื่อแอบมาถามข้อมูลอะไรจะได้ไม่เผลอหลุดปาก สมัยนี้หน้าสวย ๆ ไว้ใจไม่ได้แล้วนะแก”

เพียงก้าวขาเข้ามาในโรงอาหารกลางไร่ก็ทำให้ปลายฝนถึงกับชะงักฝีเท้าและตวัดสายตาไปมองยังกลุ่มสนทนาที่กำลังเอ่ยถึงเธอทันที

หญิงสาวนิ่งงันราวกับถูกสาป หูสองข้างได้ยินประโยคเหล่านั้นอย่างชัดเจนจนไม่อาจขยับเขยื้อนไปไหนได้

ตอนนี้เธอกำลังตกเป็นขี้ปากของคนงานและพนักงานในไร่ แถมสายตาแทบจะทุกคู่ที่อยู่ในนี้ก็ต่างจดจ้องมองเธอเป็นตาเดียวราวกับว่าเป็นสัตว์ประหลาด

แต่เพียงเสี้ยววินาทีใบหน้าหวานก็ปั้นให้เป็นปกติก่อนที่เธอจะเดินไปหยิบถาดอาหารที่ตั้งวางอยู่บนโต๊ะ เธอเลิกสนใจกับคำนินทาพวกนั้นเพราะไม่อยากเก็บมาคิดให้รกสมอง การที่เธอได้มาทำงานที่นี่ก็นับว่าเจ็บปวดที่สุดแล้ว นี่ยังมาถูกตั้งวงนินทาให้ได้ยินอีกก็เห็นทีว่าจะปวดประสาทไปกันใหญ่

ตั้งใจเข้ามากินข้าวเติมพลังแล้วก็ว่าจะหาเพื่อนคุยสร้างมิตรด้วยแท้ ๆ แต่การกระทำเหล่านั้นคงต้องพับเก็บเข้ากระเป๋าไปโดยเร็ว เพราะดูจากคำพูดและสายตาก็ชัดเจนว่าคนเหล่านี้ไม่อยากรู้จักกับศัตรูอย่างเธอ

“ป้าหน่อยคะ ฝนไม่เอาเครื่องในนะคะ เอาแค่เนื้อหมูกับเห็ดก็พอค่ะ” เธอเดินมาต่อแถวเมื่อเห็นแม่บ้านใจดีที่เธอรู้จักเพียงคนเดียวยืนทำหน้าที่ตักอาหารอยู่ตรงนี้

รอยยิ้มเป็นมิตรส่งผ่านมาจนเธอกล้ามั่นใจว่าป้าหน่อยคนนี้เอ็นดูเธอไม่ต่างจากลูกหลานคนหนึ่ง

“ได้เจ้า คุณปลายฝนกิ๋นหนัก ๆ เน้อจะได้มีแรง (ได้ค่ะ กินเยอะ ๆ นะคะจะได้มีแรง)” ป้าหน่อยยิ้มรับอย่างเป็นมิตรแถมยังตักข้าวและแกงเพิ่มให้จนพูน

“โอ๊ย นังหนูเอ๊ย! เรื่องมากเสียจริง เครื่องในก็กินไม่เป็น แล้วนี่จะทำงานไหวเหรอ!”

ทว่ารอยยิ้มกว้างผุดขึ้นได้ไม่กี่วินาทีก็ต้องแปรเปลี่ยนเป็นความเรียบนิ่งเมื่อถูกคำเหน็บแนมที่แทรกเข้ามา

“อะหยังปะล่ำปะเหลือ! ไผจะกิ๋นหยังบ่กิ๋นหยังมันก็เรื่องของเปิ้น เฮามีหน้าที่ตักก็ตักไป! (อะไรนักหนา ใครจะกินอะไรไม่กินอะไรมันก็เรื่องของเขา เรามีหน้าที่ตักก็ตักไป!)”

“โธ่ ป้าหน่อย ถ้าคนงานร้อยคนบอกไม่กินเครื่องในร้อยคนแบบนี้เราก็เหนื่อยตายดิ ต้องมาตักแยกตักแบ่งให้กันหมดแบบนี้ไม่ไหวหรอกนะ มีอะไรกินก็กิน ๆ ไปเถอะแม่คุณ!”

คำพูดที่สวนกลับมาทำให้ปลายฝนถึงกับยืนตัวสั่นทำตัวไม่ถูก จากเดิมที่เป็นจุดสนใจมันก็ยิ่งทวีคูณเข้าไปใหญ่เมื่อแม่บ้านสองคนกำลังมีปากเสียงกันโดยมีเธอเป็นต้นเหตุ

“เอ๊ะ นังนี่! เปิ้นแค่บ่กิ๋นเครื่องใน มันจะอะหยังฮื่อ (เอ๊ะ นังนี่! เขาแค่ไม่กินเครื่องใน มันจะอะไรหนักฮะ)”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel