บทที่ 5 ผลักไส (2)
อัศวินบอกไว้เท่านั้นก่อนจะเดินเข้าไปในห้องทำงานของพ่อเลี้ยงรณผู้เป็นใหญ่ในไร่แห่งนี้ ตามด้วยสองสาวพี่น้องที่จับจูงมือกันเดินเข้ามาถามหาความจริงให้แน่ชัด ว่าเหตุใดพ่อของเธอถึงต้องเรียกศัตรูให้มาเข้ามาย่างกรายถึงในไร่
“พ่อให้เขาเข้ามาที่นี่ได้ยังไง!”
ทันทีที่เข้าไปอยู่ในห้องเสียงเล็กก็เอ่ยถามผู้เป็นพ่ออย่างเอาคำตอบ
สายตาหวานแปรเปลี่ยนเป็นเรียบตึง เธอจดจ้องมองคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นศัตรูด้วยความเดือดดาล หากนี่ไม่ใช่การเชื้อเชิญต้อนรับของผู้เป็นพ่อ เธอรับรองว่าได้ลั่นไกแก้แค้นพี่ชายเหมือนครั้งนั้นที่แอบเข้าไปในไร่กมลเป็นแน่
“นั่งลง ทั้งสองคนเลย พ่อมีเรื่องที่จะต้องคุยกับลูก” พ่อเลี้ยงรณผู้น่าเกรงขามตอนนี้มีสีหน้าเคร่งเครียดเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อเห็นท่าทางแบบนั้นก็ทำให้สองพี่น้องจำต้องนั่งลงที่โซฟาตามคำสั่งของพ่อ เธอนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับอัศวินที่เหยียดยิ้มบาง ๆ จดจ้องมองมา ในขณะที่สายตาคมของเขากลับเต็มไปด้วยชัยชนะที่เธอไม่มีวันหาคำตอบเจอ
“พ่อมีอะไรเหรอคะ เรื่องเครียดมากเลยเหรอ” ลูกคนสุดท้องถามเสียงอ่อน พานทำให้หัวใจของผู้เป็นพ่อหลอมละลายอ่อนยวบตามไปด้วย
แต่ถึงยังไงก็ต้องเด็ดขาดในการตัดสินใจ ตอนนี้จนปัญหาทุกหนทางแล้ว เห็นทีจะต้องทำในสิ่งที่ไม่เคยคิดว่าจะทำเสียที
“ฝน ฝัน พ่อขายที่ของไร่เราครึ่งหนึ่งให้กับไร่กมลแล้วนะ”
“ว่าไงนะพ่อ!” ร่างบางหยัดกายขึ้น มือสองข้างกำเข้าหาแน่น ขณะที่ดวงตาสองข้างเบิกกว้างด้วยความตกใจ
สิ่งที่ได้ยินเป็นเพียงการล้อเล่นเท่านั้นใช่ไหม มันไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหม!?
“พ่อขายที่ครึ่งหนึ่งให้กับไร่กมลแล้ว”
คำตอบย้ำชัดทำให้ปลายฝนชะงักงันราวกับถูกทุบศีรษะด้วยของหนัก
ตอนนี้ไร่พันทิพย์ครึ่งหนึ่งตกเป็นไปของศัตรูที่เธอเกลียด แถมคนที่ยินยอมพร้อมขายนั่นก็คือพ่อของเธออย่างนั้นหรือ?
“ทะ...ทำไมล่ะคะพ่อ ทำไมพ่อต้องขายที่ให้ไร่ของศัตรูด้วย พ่อก็รู้ว่าเขาเป็นศัตรูกับเขา แถมเรื่องไฟไหม้ดีไม่ดีทางนั้นอาจจะเป็นคนทำก็ได้!” ปลายฝันลูกสาวคนเล็กโพล่งขึ้นทั้งน้ำตา หญิงสาวกอดแขนพ่ออย่างเอาคำตอบให้แน่ชัดว่าเหตุใดถึงตัดสินใจเช่นนี้
หากเป็นคนอื่นเธอจะไม่โวยวายเช่นนี้เลย
“ระวังคำพูดด้วยสาวน้อย ฉันสามารถฟ้องเธอได้เลยนะ ถึงจะเป็นนักศึกษาฉันก็ไม่ใจดีหรอกนะรู้เอาไว้ด้วย!” อัศวินชี้หน้าขู่คาดโทษลูกสาวคนเล็กของพ่อเลี้ยงรณที่กำลังปรักปรำความซึ่งหน้า ขึ้นชื่อว่าเป็นครอบครัวของศัตรูแล้วคนอย่างนายอัศผู้ยิ่งใหญ่ย่อมไม่คิดใจดีและอ่อนข้อให้อยู่แล้ว
“ฉันขอโทษแทนลูกสาวของฉันด้วย อย่าถือสาแกเลยนะ ขอร้องล่ะ” พ่อเลี้ยงเอ่ยเสียงอ่อนพลางกระชับจับมือลูกสาวคนเล็กให้สงบปากก่อนจะทำให้ใครเดือดดาลมากกว่านี้
“พ่อจะไปขอโทษคนแบบนั้นทำไม! ตอนนี้เรายังหาตัวคนทำไม่ได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าต่อไปมันจะหาไม่เจอ ยังไงทางตำรวจก็ต้องหาตัวคนทำผิดมาลงโทษให้ได้!” ปลายฝนจดจ้องไปที่อัศวินด้วยสายตาแข็งกร้าว เธอไม่รู้นักหรอกว่าใครเป็นคนวางเพลิง
แต่เหตุการณ์มันช่างเหมาะเจาะกันไป หลังสงบเพลิงไหม้ได้ วันรุ่งขึ้นเขาก็หอบเงินก้อนใหญ่มาซื้อไร่ครึ่งหนึ่งของเธอทันที จะเรียกว่ารอเสียบก็คงไม่น่าเกลียดเพราะเธอรู้ว่าเขาต้องการฮุบพื้นที่ไร่ของเธอมาแต่ไหนแต่ไร
การมีที่ดินของศัตรูมาครอบครองก็นับว่าเป็นการหยามหน้าอย่างถึงที่สุด และวันนี้เขาก็ทำสำเร็จได้อย่างที่หวัง ไร่อันเป็นที่รักอย่างไร่พันทิพย์กำลังตกไปเป็นของไร่กมลที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกันมาตลอด
แล้วแบบนี้จะไม่ให้เธอคิดว่าเขาตั้งใจเล่นสกปรกได้ยังไง!
“ฮึ งั้นก็ไล่ล่าตามหาคนทำผิดมาให้ได้แล้วกันนะ ฉันจะคอยดู!” อัศวินแค่นหัวเราะเย้ยเมื่อได้ยินคำพูดไร้สาระของเธอ อยากจะเห็นเหมือนกันว่าผู้หญิงตัวเล็กจะไล่ล่าหาคนร้ายมาด้วยวิธีอะไร จะทำตัวเป็นสายลับตามหนังตามละครอย่างนั้นสิ
ฮึ...แค่คิดก็รู้สึกว่าแม่นี่ช่างเด็กน้อยเสียจริง!
“พ่อไม่มีทางเลือกแล้วลูก พ่อเองก็ไม่ได้ต้องการให้มันเป็นแบบนั้น แต่เพื่อไร่ของเราพ่อถึงต้องทำ”
การขายไร่ไปก็เท่ากับว่าพื้นที่ส่วนนั้นจะต้องสูญเสียไปตลอดกาล แต่ทว่ามันกลับเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเจ้าของไร่อย่างเขา อย่างน้อย ๆ ก็ยังได้เงินมาตั้งหลักเพื่อไม่ให้ไร่อีกครึ่งหนึ่งต้องพังทลายลงไปต่อหน้าต่อตา
