บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 ผลักไส (1)

“พี่ฝน...พี่ฝนตื่นเร็ว พี่ฝน นี่ฝันเองนะ”

แรงสะกิดและเสียงเรียกทำให้ปลายฝันที่กำลังอยู่ในห้วงนิทรารู้สึกตัวตื่นขึ้นมา

ความเมื่อยขบเหนี่ยวรั้งจนไม่สบายขยับตัวได้มากนัก ปลายฝนลืมตาขึ้นปรับโฟกัสมองไปยังต้นเสียงที่เป็นผู้ปลุกให้เธอตื่นจากนิทรา จนกระทั่งฉายชัดก็พบว่าคนคนนั้นคือน้องสาวของเธอ...ปลายฝัน

“ฝัน...ฝันมาที่นี่ได้ยังไง” ปลายฝนจับแขนน้องสาวเพื่อให้เกิดความแน่ใจ เธอไม่ได้เจอหน้ากับน้องสาวมาหลายเดือนเนื่องจากปลายฝันต้องไปเรียนมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ ครั้งล่าสุดที่เจอก็เห็นว่าจะเป็นงานวันเกิดของเจ้าตัวนั่นแหละที่กลับมาเลี้ยงฉลองกับครอบครัว

“ฝันรู้ข่าวจากเพื่อนที่นี่ก็เลยรีบนั่งเครื่องมาเลย พี่ฝนเป็นยังไงบ้าง ทำไมมานอนอยู่ตรงนี้ล่ะ” ปลายฝันย่อตัวลงนั่งลงที่พื้นดินเพื่อให้อยู่ในระดับเดียวกันกับพี่สาว สีหน้าเป็นกังวลบ่งบอกถึงความเครียดอย่างเห็นได้ชัด

เธอได้รับข่าวสารจากเพื่อนสมัยเรียนมัธยมว่าไร่พันทิพย์เกิดเพลิงไหม้ พยายามโทรหาพ่อและพี่ชายแต่ก็ไม่มีใครรับ ดูท่าแล้วน่าจะยุ่งวุ่นกับปัญหาจึงทำให้เธอรีบจองตั๋วเครื่องบินกลับมาที่เชียงรายทันที

“พี่...” ปลายฝนมองสภาพของตัวเองที่เนื้อตัวมอมแมมไปด้วยเถ้าถ่านจากเพลิงไหม้ เธอจำได้ว่าเมื่อคืนวิ่งวุ่นช่วยกันดับไฟหลายชั่วโมง พอควบคุมเพลิงได้ก็นั่งพักพิงที่ต้นใหม่ใหญ่หน้าบ้านพักคนงาน จนกระทั่งเผลอหลับไปนั่นแหละ “พี่เผลอหลับไปน่ะ”

“พี่ฝน...ฮึก ไร่ของเรากำลังแย่ใช่ไหม” ปลายฝันสวมกอดพี่สาวเอาไว้แน่นก่อนที่หยาดน้ำตาจะไหลหลั่งออกมาเกินกว่าจะกลั้นไหว

รับรู้ว่าไร่ของตัวเองกำลังวิกฤตและยิ่งเกิดเหตุเพลิงไหม้แบบนี้ก็ยิ่งมั่นใจเข้าไปใหญ่ว่าอีกไม่นานไร่ที่รักจะต้องจบสิ้นลง

“ไม่...มันต้องไม่เป็นแบบนั้นฝัน พี่กับพี่ขุนกำลังพยายามอยู่ ไร่ของเราจะต้องกลับมาเป็นเหมือนเดิม”

วงแขนเล็กกอดปลอบน้องสาวแน่น ในฐานะลูกสาวคนกลางจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อให้ไร่ของครอบครัวเรากลับมาเป็นเหมือนเดิม ครั้งนั้นเคยเกือบที่จะตอบตกลงแต่งงานกับคนเลวไปแล้ว ครั้งนี้ก็คงไม่ต้องกลัวอะไรอีก เพราะการอยู่ใช้ชีวิตกับท่านเหมนั้นนับว่าโหดหินเกินกว่าหลายเท่า

“คุณปลายฝน คุณปลายฝันครับ พ่อเลี้ยงเรียกหาน่ะครับ ให้ไปหาที่ห้องทำงาน” คนสนิทของขุนเขาเอ่ยอย่างนอบน้อม ได้รับสารจากผู้เป็นนายก็รีบวิ่งแจ้นมาแจ้งข่าวกับน้องสาวนายทั้งสองคนในทันที

“ขอบคุณค่ะพี่ไม้” สองพี่น้องมองหน้ากันเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามถึงใจความสำคัญอะไร

การที่ถูกเรียกให้ไปหาแบบนี้จะต้องมีเรื่องบางอย่างแน่นอน ในใจก็ได้แต่หวังว่าคงจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพราะการเกิดเพลิงไหม้วายวอดเมื่อคืนนั้นมันก็หนักหนาเกินพอแล้ว

“พี่ฝน นั่นใครน่ะ เขาเป็นแขกของพ่อเหรอ”

ระหว่างทางที่กำลังจะเดินไปถึงห้องทำงานของพ่อเลี้ยงรณ สองพี่น้องก็เห็นกับร่างสูงตระหง่านที่เพิ่งเดินผ่านไปโดยไม่คิดจะปรายสายตามามองเจ้าของบ้านอย่างพวกเธอเลยสักนิด

ปลายฝันสะกิดถามพี่สาวยกใหญ่ รู้สึกหวั่น ๆ ถึงเขาคนนั้นยังไงชอบกล ลึก ๆ ก็รู้สึกคุ้นหน้าเขาอยู่ไม่น้อย แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกเสียที

“นายมาทำอะไรที่นี่” ปลายฝนไม่ได้ตอบคำถามของผู้เป็นน้อง แต่เธอกลับสาวเท้าก้าวเข้าไปหาเขาและเอ่ยถามอย่างไม่สบอารมณ์นัก

การเห็นศัตรูที่มาเหยียบที่ไร่ ใครบ้างล่ะที่อยากจะปูเสื่อต้อนรับ…

และศัตรูที่ว่าก็คงไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากคู่แข่งทางการค้าที่ไร่พันทิพย์หมายหัวไว้ว่าเป็นศัตรูอันดับหนึ่ง!

อัศวินหรือที่ใครก็ต่างเรียกเขาว่านายอัศ ผู้เป็นนายใหญ่ของไร่กมล

“ฉันต้องตอบด้วยเหรอ” ร่างสูงหันกลับมาตามเสียงเรียก แต่เขาก็ทำท่ายียวนเลิกคิ้วใส่ไปเช่นกัน

“ที่นี่ไม่ต้อนรับนาย ออกไปซะ!”

ในฐานะลูกสาวของพ่อเลี้ยงรณ เธอจะไม่ยอมให้ศัตรูคู่แข่งเข้ามาเหยียบย่ำบนผืนแผ่นดินที่อยู่ภายใต้การปกครองของไร่พันทิพย์เด็ดขาด

“ก็ไม่ได้อยากจะมานักหรอก แต่พอดีว่าพ่อของเธอเป็นคนเรียกฉันมา” อัศวินแค่นหัวเราะและมองใบหน้าหงุดหงิดของหญิงสาวตรงหน้า ที่ไม่ว่าเขาจะเจอเธอในสถานการณ์ไหนเป็นต้องเห็นหน้าบึ้ง ๆ บูด ๆ บอกบุญไม่รับเสมอ

ขนาดแก้มสองข้างเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเถ้าถ่านสีดำ เนื้อตัวปอน ๆ มอมแมมเหม็นกลิ่นไหม้ เขาก็ยังได้รับรังสีของความแค้นเคืองที่แผ่ซ่านออกมาจากเธอได้อย่างชัดเจน

ผู้หญิงคนนี้ปณิธานแรงกล้ามาก...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel