บทที่ 4 เปลวเพลิง (3)
ช่วงค่ำภายในไร่ก็เงียบสงัดแตกต่างจากกลางวันแทบจะคนละขั้ว อากาศบนเขาเย็นกว่าในเมืองเกือบสิบองศา แถมยังมีสายลมที่พัดผ่านมาพานให้หัวใจเหน็บหนาวมากขึ้นเท่าตัว
ปลายฝนนั่งอยู่ที่ชานระเบียงเงยหน้าขึ้นมองดวงดาวที่ระยิบระยับเต็มท้องฟ้า เธอรู้สึกว่ามันสวยงามมากแต่ทว่าทำไมภายในใจถึงได้เศร้าหมองแทนที่จะสุขสม
แต่คำตอบที่ไม่ต้องค้นคว้าเธอรับรู้ดีว่ามันเกิดจากสิ่งใด ความเครียดเหล่านี้คั่งค้างมาตลอดหลายเดือนนับแต่ทราบเรื่องวิกฤตของไร่ตัวเอง จนกลายเป็นว่าวัยสาวที่ควรใช้ชีวิตได้อย่างที่ต้องการนั้นต้องจบลง ปลายฝนหันมาสนใจงานที่ไร่มากขึ้น จากเดิมที่พ่อของเธอนั้นออกปากห้ามเพราะไม่อยากให้ลูกสาวต้องมาเหน็ดเหนื่อยตรากตรำ
“ฝนอยากเรียนอะไรก็เรียนเลยลูก พ่ออยากให้ฝนเรียนในสิ่งที่รัก ฝันด้วยนะลูก อยากเรียนอะไรพ่อจะสนับสนุนเต็มที่ ส่วนเรื่องไร่พ่อกับพี่ชายของลูกจะดูแลเอง”
คำพูดของนั้นยังคงตราตรึงอยู่ในหัวใจของปลายฝนเสมอ พ่อเลี้ยงรณผู้เด็ดขาดเป็นใหญ่ในไร่พันทิพย์ แต่เวลาอยู่กับลูกจะกลายเป็นคุณพ่อใจดีไม่แพ้ใครเธอกล้ารับรอง
เกิดและเติบโตมาในไร่ อยู่ต่างจังหวัดนอกเมืองไม่ได้เห็นแสงสีเหมือนใครเขา แต่พ่อของเธอก็เป็นเข้าใจโลกสมัยนี้ได้อย่างถ่องแท้
รณภพและภรรยาตั้งใจกันว่าจะส่งลูกทั้งสามให้ไปเรียนในเมืองหลวง หากลูกคนไหนสนใจเรื่องไร่ก็ค่อยให้กลับมาช่วยกันบริหารต่อ ซึ่งก็มีขุนเขานี่แหละที่ดูท่าว่าจะอยากเดินตามรอยพ่อเลี้ยงรณผู้ยิ่งใหญ่ ส่วนลูกสาวอีกสองคนอย่างปลายฝนและปลายฝันนั้นชื่อชอบของสวยงามมาตั้งแต่เด็ก เคยออกปากว่าอยากเรียบออกแบบทำแบรนด์เสื้อผ้ากระเป๋าเป็นของตัวเอง ซึ่งพ่อและแม่ก็ไม่เคยหักห้าม มีแต่จะสนับสนุนทั้งนั้น
แต่แล้วเมื่อเติบโตโลกก็สอนอะไร ๆ ได้มาก ปลายฝนและปลายฝันเบนเข็มความชอบจากวัยเด็กและเลือกเรียนบริหารเพราะอยากดูแลธุรกิจของไร่ต่อจากครอบครัว ถึงจะเป็นผู้หญิงแต่ก็สามารถช่วยงานในไร่ได้ อย่างน้อยเรื่องการบริหารการตลาดก็ขอให้เป็นหน้าที่ของลูกสาวที่จะเข้ามาช่วยดูแลต่อ
และแล้วความรู้ที่ร่ำเรียนก็ได้ใช้ในสถานการณ์จริง สภาวะภายในไร่พันทิพย์ย่ำแย่เกินกว่าจะรับมือไหว ปลายฝนเข้ามามีบทบาทกับไร่อย่างเต็มตัว นอกจากจะดูเรื่องเอกสารแล้ว เรื่องประสานงานออเดอร์กับลูกค้าเธอก็รับหน้าที่นี้ทั้งหมด
“เฮ้อ...เมื่อไหร่จะผ่านไปได้นะ” เสียงเล็กบ่นพึมพำกับตัวเอง ขณะที่ดวงตากลมโตสองข้างยังคงจดจ้องมองดวงดาวสวยงามบนฟากฟ้า
เวลาทุกข์ใจก็มีแค่ดวงดาวนี่แหละที่จะสามารถบรรเทามันไปได้...
ความเงียบสงัดรอบอาณาบริเวณยังคงรายล้อมอยู่เป็นเพื่อนในค่ำคืนเหงา แต่ทว่าไม่นานก็มีเสียงร้องโวยวายพร้อมกับแสงไฟสีแดงเพลิงที่เธอมองเห็นได้ไกล ๆ จากบริเวณที่พักคนงานกับแปลงผักแปลงใหญ่
“ไฟไหม้! ช่วยด้วย ไฟไหม้!!!” เสียงตะโกนดังขึ้นแต่ยังหาเจ้าของต้นตอนั้นไม่ได้
หญิงสาวที่กำลังเหม่อลอยกลับต้องเรียกสติให้กู่กลับมาในทันทีก่อนที่เธอจะหยัดขึ้นและรีบวิ่งไปหาต้นเสียงด้วยความร้อนรน
ร่างบางอยู่ในชุดลำลองใส่สบายพร้อมนอน เสื้อยืดสีขาวและกางเกงวอมขายาวถึงตาตุ่ม ปลายฝนก้าวฉับวิ่งตรงดิ่งไปยังจุดเกิดขึ้นเพื่อหาต้นเสียงและสาเหตุว่าแท้จริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
จนกระทั่ง...
“นะ...นี่มันเกิดอะไรขึ้น” ขาเล็กชะงักงันราวกับถูกสาปเมื่อสายตาทอดมองไปยังกองเพลิงกองใหญ่ที่กำลังลุกโชนมอดไหม้บ้านพักคนงานจนเริ่มเหลือแต่โครง
เหล่าคนงานนับร้อยชีวิตวิ่งหนีตายกันเจ้าละหวั่น ข้าวของบางส่วนก็ทยอยนำติดมือออกมา แม้จะรู้ดีว่าตอนนี้ทุกอย่างจบสิ้นลงไปพร้อม ๆ กับเปลวไฟร้อนระอุนั่นแล้ว
“คุณปลายฝนขยับออกมาครับมันอันตราย!”
“เกิดอะไรขึ้น! ทำไมถึงเป็นแบบนี้!”
แรงดึงและเสียงของคนงานวัยหนุ่มทำให้ปลายฝนหันไปถามหาเอาคำตอบ เพียงเสี้ยววินาทีก็สามารถมอดไหม้สิ่งปลูกสร้างหลังใหญ่พังราบเป็นหน้ากลอง เธอมั่นใจว่าตลอดเวลาที่นั่งอยู่ชานระเบียงนั้นไม่พบความผิดปกติ แต่ทำไมถึงเกิดเรื่องอุกอาจแบบนี้ขึ้นได้
“ผมเองก็ไม่รู้ครับ กำลังนอนอยู่ดี ๆ ก็ได้กลิ่นน้ำมัน สักพักไฟก็เริ่มไหม้ นี่ไม่ถึงสิบนาทีก็ไหม้ไปทั้งเรือนแล้วครับ”
“กลิ่นน้ำมัน...มีคนวางเพลิงงั้นเหรอ!” ปลายฝนเบิกตากว้างเมื่อวิเคราะห์ถึงสารที่ได้รับจากคนงาน
“ผมเองก็ไม่แน่ใจครับ” คนงานหนุ่มก้มหน้าลงตอบเสียงเบาอย่างไม่มั่นใจในการคาดการณ์ของตัวเองนัก
“มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง! เฮ้ย! ทางนั้นช่วยกันไปหาน้ำมาดับไฟแล้วดิวะ เร็ว!” ขุนเขาที่รีบวิ่งมาดูเหตุการณ์ก็ถึงกับกระวนกระวายจนยืนไม่อยู่
เขาวิ่งวุ่นไปหาน้ำมาช่วยดับเปลวเพลิงที่ลุกไหม้ เช่นเดียวกับเหล่าคนงานที่หนีรอดตายออกมาได้ก็ต่างช่วยกันทำทุกวิถีทางเพื่อควบคุมไฟไม่ให้รุนแรงไปมากกว่าเดิม
“นายครับ! นาย! นายครับ แปลงกะหล่ำถูกเผาทั้งหมดเลยครับนาย!”
ทว่า...เสียงตะโกนของเหล่าคนงานกลับทำให้ปลายฝนเข่าทรุดเกินกว่าจะหยัดยืนทรงตัวได้อีกต่อไป
แปลงกะหล่ำเป็นแปลงที่ใหญ่ที่สุดของพืชผักภายในไร่ นั่นก็เท่ากับว่าตอนนี้ผลผลิตที่สร้างเงินได้มากที่สุดกำลังถูกเผาย่อยยับไปหมดแล้ว!
“แม่งเอ๊ย! พวกมึงหาคนไปช่วยคุมเพลิง ทำยังไงก็ได้ให้ไฟไม่ลามไปถึงแปลงอื่น!” ขุนเขาสั่งการอย่างเด็ดขาดก่อนที่เหล่าคนงานจะวิ่งกุลีกุจอไปช่วยกันดับไฟตามคำสั่งของผู้เป็นนาย
ขายาวกับฉับหมายจะวิ่งไปดูเปลวเพลิงแต่ทว่ากลับต้องชะงักเมื่อเห็นร่างของน้องสาวที่ทิ้งตัวทรุดลงกับพื้นพร้อมทั้งหยาดน้ำตาที่ไหลหลั่งออกมา
ขุนเขาย่อตัวลงให้อยู่ในระดับเดียวกันกับน้องสาว มือหนากอบกุมไหล่มนและดึงรั้งน้องสาวเข้ามากอดปลอบไว้แน่น
“ฝน แกกลับไปรอพี่ที่บ้านก่อนพี่จะ...”
“ฮึก พี่ขุน...ไฟไหม้หมดแล้วฮือ ไฟไหม้ทุกอย่างหมดแล้ว” แรงสะอื้นส่งผลให้ร่างกายเล็กสั่นระริกจนตัวโยน
เธอไม่รับรู้สิ่งใดอีกแล้วนอกจากสิ่งที่ช่วยกันสร้างนั้นกำลังพังทลายลงต่อหน้าต่อตา ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ไร่พันทิพย์ที่สวยงามกำลังจะจบสิ้นลงด้วยเปลวเพลิงลุกโชน และอีกไม่นานมันก็จะกลายเป็นเถ้าถ่านสีดำที่ไม่มีวันกลับคืน
