บทที่ 12 สร้างแต่เรื่อง (3)
สายตาคมตวัดมองหญิงสาวที่เขาคว้าข้อมือเธอมาบีบเคล้นด้วยความโกรธจัด คับแค้นในใจที่เธอสามารถทำให้แม่ของเขาเข้าข้างและกล้าไล่คนของเขาออกจากไร่โดยไม่ปรึกษากันก่อนเลยสักนิด
อัศวินเป็นนายใหญ่ดูแลไร่กมลอย่างเต็มตัว การที่จะมีใครเข้าออกย่อมต้องถึงหูเขาก่อนเสมอ แต่ครั้งนี้กลับไม่เป็นอย่างที่เคย เพราะแม่ของเขากลับตวาดลั่นวาจาอย่างเด็ดขาดไปแล้ว และคนที่เป็นต้นเหตุของเรื่องก็คือผู้ช่วยคนใหม่ของเขาที่ขึ้นชื่อว่าเป็นศัตรูอันดับหนึ่งของไร่กมล
ศัตรูอย่างเธอกลับทำให้แม่ของเขาโอนอ่อนเข้าข้างได้อย่างไม่ลืมหูลืมตา สิ่งนี้แหละที่ทำให้นายอัศวินผู้ยิ่งใหญ่เดือดดาล!
“สร้างแต่เรื่อง! โชคดีของเธอที่แม่ฉันเข้าข้าง แต่อย่ายโสอวดดีให้มากนัก เพราะครั้งต่อไปแม่ฉันไม่ได้มาช่วยหนุนหลังเธอแบบนี้แน่!”
อัศวินตะเบ็งเสียงลั่นและออกแรงผลักแขนเล็กให้ออกห่างตัวก่อนที่เขาจะเดินลิ่ว ๆ ออกไปจากบ้านหลังใหญ่ เฉกเช่นเดียวกับศตวรรษที่เพิ่งมาถึงได้ไม่นาน แต่ก็ต้องจำใจเดินตามพี่ชายที่พ่วงตำแหน่งเจ้านายไปด้วย
วันถัดไป
กลางเดือนของเหล่าคนงานบางส่วนล้วนเต็มไปด้วยบรรยากาศครึกครื้นเพราะถึงช่วงจ่ายเงินครึ่งเดือน คนงานในไร่ส่วนหนึ่งมีปัญหาทางด้านการเงินจึงจับกลุ่มมาร้องขอต่อผู้เป็นนายว่าขอจ่ายเงินกลางเดือนเพื่อมาแบ่งเบาภาระในครอบครัว ซึ่งนายใหญ่อย่างอัศวินย่อมไม่ขัดข้องและยินดีที่จะแจ้งให้ผู้จัดการไร่จัดเตรียมเงินกลางเดือนสำหรับผู้ที่มาลงชื่อรับเงินไว้ล่วงหน้า
ฝ่ายบัญชีทำงานหนักแต่ก็สามารถผ่านพ้นไปได้ โชคดีที่พนักงานในออฟฟิศไม่ได้มีนโยบายให้จ่ายเงินกลางเดือนจึงไม่ต้องหัวหมุนกับตัวเลขที่ต้องเคลียร์ซ้ำหลายรอบ และอัศวินเองก็ขอแจ้งกันก่อนเพื่ออธิบายให้เข้าใจว่าฝ่ายคนงานนั้นจะสามารถรับเงินครึ่งเดือนได้แต่ต้องมาแจ้งล่วงหน้าก่อนหนึ่งสัปดาห์ ส่วนฝ่ายออฟฟิศนั้นจะต้องรับเงินเต็มเดือนอย่างเดียว หากแต่มีปัญหาค่อยมานัดคุยทีหลังแล้วจึงพิจารณาตามความสมควร
ที่ต้องชี้แจงไว้ตั้งแต่ต้นก็เพราะไม่อยากต่อต้านระบบการทำงานที่มีมานาน หากใครคนหนึ่งทำนอกเหนือก็เกรงว่าจะทำให้การดูแลไร่มีปัญหาได้ อัศวินจึงพยายามที่จะทำตามระบบที่ได้จัดวางเอาไว้เป็นขั้นตอน แต่ถ้าหากใครมีปัญหาหรือต้องการความช่วยเหลือเขาก็พร้อมเสมอขอเพียงแค่คำอธิบายมีเหตุผลเท่านั้น
“นี่เงินครึ่งเดือนของคนงาน พรุ่งนี้มึงเอาไปให้ไอ้ยอดแจกจ่ายตามรายชื่อด้วย” อัศวินเคลื่อนเงินกองใหญ่ให้กับศตวรรษเพื่อไปจัดการแทนต่อจากนี้
“พี่อัศลืมหรือไงว่าไอ้ยอดมันลางาน มันขอลางานมาทั้งอาทิตย์แล้วพี่อัศ เมียมันเพิ่งคลอดน่ะพี่เลยต้องอยู่ดูแล” ศตวรรษที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับโต๊ะทำงานของอัศวินเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด พร้อมกันนั้นเงินหลายแสนก็วางอยู่ตรงหน้าจนแทบไม่กล้าเอื้อมมือไปแตะต้อง
“งั้นเหรอวะ...ลืมไปเลย”
“พี่อัศก็จัดการเองแล้วกัน เดี๋ยวมันดูแลลูกเมียเข้าที่เข้าทางแล้วก็คงกลับมาแหละ ตอนนี้ก็จัดการเองไปก่อนเถอะ”
“กูว่าจะให้มึงไปเป็นผู้จัดการไร่ มึงสนใจไหมไอ้วรรษ”
“เฮ้ย! ไม่เอาหรอก ไม่นะห้ามเด็ดขาด ผมไม่อยากเป็น!” ศตวรรษรีบปฏิเสธพัลวัน การถูกผลักไสให้ไปเป็นผู้จัดการไร่นั้นเรียกได้ว่าหนักหนาเกินกว่าคนอย่างเขาจะดูแลไหว
“ทำไมวะ เมื่อก่อนอาเศรษฐ์ก็เป็นผู้จัดการไร่ ทำงานคู่กับพ่อกูจนเป็นตำนาน มึงไม่อยากเป็นเหมือนพ่อมึงบ้างเหรอไอ้วรรษ” อัศวินมุ่นคิ้วมองคนรุ่นน้องที่ออกปากปฏิเสธแทบจะทันที เขารับรู้มาว่าณัฐเศรษฐ์พ่อของศตวรรษเคยเป็นผู้จัดการไร่กมลมาก่อน แถมชื่อเสียงของพ่อศตวรรษก็ยังคงเลื่องลือว่าเจ้าเสน่ห์และทำงานเก่งจนเป็นตำนาน แล้วทำไมเมื่อตกมาถึงรุ่นลูกมันถึงได้ขยาดไม่อยากเป็นขนาดนั้น
“พี่อัศก็รู้ว่าผมไม่ใช่คนรอบคอบนัก แถมการเป็นผู้ช่วยนายอัศก็สบายจะได้ ถึงเงินตำแหน่งผู้จัดการจะเยอะกว่าแต่ผมก็ไม่สนหรอก”
“ก็เมียไอ้ยอดมันเพิ่งคลอด กูว่าช่วงนี้มันก็คงลางานบ่อย ๆ นั่นแหละ กูเลยต้องหาคนมาทำงานแทนไง ซึ่งก็คือมึงนั่นแหละที่จะต้องรับหน้าที่นั้น”
“เฮ้ย! ทำไมต้องเป็นผมด้วยอะ ไม่เอาหรอก!”
“ก็มึงเป็นผู้ช่วยกู ถ้ามึงไม่ทำแล้วใครจะทำวะ”
