บทที่ 11 แม่เลี้ยงรินลดา (1)
ท้องร้องประท้วงครืดคราดบ่งบอกเวลา แม้ไม่ต้องดูนาฬิกาว่าตอนนี้พระอาทิตย์อยู่บนฟ้าพอดีกับกลางศีรษะ
ร่างแบบบางเดินตรงปรี่มายังโรงอาหาร เวลาเที่ยง ๆ แบบนี้ท้องก็ร้องหิวโหยใช่เล่น หญิงสาวหยิบถาดมาถือเอาไว้ ก่อนจะเดินไปต่อแถวเช่นเดียวกับเหล่าคนงานที่กำลังรอคิวแม่บ้านตักอาหารอันโอชะให้
ป้าหน่อยส่งยิ้มกว้างมาให้เธอตั้งแต่ย่างกรายเข้ามา พอถึงคิวก็ตักกับข้าวให้เธอแทบล้นเหมือนเช่นเคย หากจะบอกว่าการมาทำงานที่ไร่แห่งนี้เธอไม่มีเพื่อนสักคนก็คงไม่ถูก เพราะป้าหน่อยเป็นมิตรคนเดียวที่ยังเอ็นดูและยอมพูดคุยกับเธอ
“กิ๋นหนัก ๆ เน้อหนู (กินเยอะ ๆ นะหนู)”
“ขอบคุณค่ะป้าหน่อย” ปลายฝนโค้งศีรษะลงเพื่อขอบคุณ
“เอ้า! นังหนู ยังอยู่อีกเรอะ! ก็นึกว่าจะโดนไล่ออกไปแล้วซะอีก ฮึ อยู่คงทนดีเหมือนกันนะ!” ป้าแม่บ้านอีกคนตะโกนขึ้นพร้อมกับมองปลายฝนด้วยสายตาเหยียด
เธอรู้ดีว่าคำพูดเหล่านี้ตั้งใจจะบั่นทอนเธอเท่านั้น แต่คนที่ฟังมันซ้ำ ๆ ทุกวันก็มีจุดที่จะทนไม่ไหวได้เช่นกัน
ซึ่งมันก็คือวันนี้!
“ป้ามีอะไรไม่พอใจหนูหรือเปล่าคะ พูดมาตรง ๆ ได้เลยค่ะ ดีกว่ามาจิกกัดกันแบบนี้!” มือเล็กกระแทกถาดข้าวลงบนโต๊ะก่อนจะเดินเข้าไปหาคู่กรณีอย่างเอาคำตอบ
“ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรสักหน่อย ฉันก็ว่าไปอย่างที่คิดเท่านั้น” อีกฝ่ายลอยหน้าลอยตาเชิดคออย่างไม่สะทกสะท้าน แถมน้ำเสียงก็ยังเต็มไปด้วยความเย้ยหยันอย่างถึงที่สุด
“แกจะมาหาเรื่องกันหรือไง ป้าเขาก็แค่ถามดี ๆ เพราะฉันเองก็ยังแปลกใจอยู่เลยว่าทำไมน้ำหน้าอย่างแกถึงได้ยังทำงานอยู่ที่นี่ต่อได้อีก!” เสียงแหลมของบุคคลที่สามดังแทรกขึ้นก่อนจะเดินนวยนาดเข้ามาใกล้อย่างไม่คิดเกรงกลัว
ปลายฝนหันมองด้วยสายตา เห็นชุดยูนิฟอร์มก็ทำให้รับรู้ได้ทันทีว่าบุคคลนี้จะต้องทำงานเป็นพนักงานที่ออฟฟิศเป็นแน่
ถึงแม้ว่าจะทำงานที่นี่มาได้เดือนกว่าแล้ว แต่เธอก็ยังไม่สามารถจำหน้าของใครได้เพราะไม่มีเหตุให้ต้องนำกลับมารกสมอง เพียงแค่การกระทำที่ได้รับเธอก็เข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่าคนที่นี่ไม่ได้ต้อนรับเธอ เพราะฉะนั้นการทำงานส่วนใหญ่ปลายฝนจึงไม่ค่อยได้สุงสิงและพูดคุยกับใครมากนัก
อย่างมากก็แค่สั่งงานตามที่เจ้านายว่ากล่าวมาอีกทอด สายตาก็ไม่คิดจะเงยมอง คนที่เธออยากจดจำก็คงจะเป็นป้าหน่อยเพียงคนเดียวกระมัง!
“นี่พี่มัด ฉันไปรู้มาว่าไร่ของมันขายที่ให้นายอัศแล้ว ฉันว่าที่มันต้องมาทำงานที่ไร่ของเราก็เพราะกำลังตกอับนั่นแหละ”
“ใช่ ๆ ฉันก็ได้ยินมาเหมือนกัน นอกจากมันจะขายไร่แล้ว ฉันว่าที่มันมาทำงานที่นี่ก็เพราะว่าจนตรอกต้องบากหน้ามาของานนายทำยังไงล่ะ”
สองสาวออฟฟิศเสนอหน้ามาและกล่าวร่ายถึงความเป็นไปที่มีความจริงเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์ คำพูดและสายตาจิกกัดของอีกฝ่ายทำให้ปลายฝนเดือดดาลจนแทบอยากยกแกงร้อน ๆ ราดใส่หัว แต่เธอก็ต้องกักเก็บเอาไว้และเลือกที่จะใช้คำพูดแทนการใช้กำลัง
“ฉันมาทำงานที่นี่อย่างถูกต้อง นายอัศของพวกเธอก็เต็มใจให้ฉันมาทำงานที่นี่ ถ้าพวกเธอเกลียดขี้หน้าฉันมากจนอยากให้ลาออกก็ไปพูดกับนายของเธอเอง ฉันจะทำงานที่นี่จนกว่าจะถูกไล่ออก ฉันไม่มีทางออกไปเพียงเพราะคำพูดบ้า ๆ ของพวกเธอแน่นอน!” ปลายฝนกดข่มอารมณ์เพื่อให้น้ำเสียงยังคงเปล่งออกไปได้ตามปกติ ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วเธอกำลังสั่นระริกและพร้อมที่จะปะทะกับอีกฝ่ายได้ทุกเมื่อ
“หน้าด้าน! พี่มัดดูมันสิ มันหน้าด้านหน้าทน รู้ทั้งรู้ว่าไร่ของแกกับไร่กมลเป็นศัตรูกันยังจะกล้ามาทำงานที่นี่”
“ช่างมันเถอะ! ไร่ของมันจะเจ๊งอยู่แล้ว มันคงจนตรอกมากจริง ๆ นั่นแหละถึงได้กล้าบากหน้ามาขอนายทำงาน ไร่กระจอก ๆ นั่นเทียบไม่ได้กับไร่กมลเลยสักนิด อย่าไปถือสาเลยยายดรีม”
“นี่! มันจะมากเกินไปแล้วนะ!” ปลายฝนตวาดกร้าวและกำมือตัวเองแน่นเมื่อถูกเหยียดหยามซึ่งหน้า
เธอมีความอดทนมากพอที่จะไม่สวนหมัดใส่คนตรงหน้า แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะสามารถกลัดกลั้นคำพูดได้เหมือนคนใบ้
“ทำไม! โมโหเหรอ นี่...ฉันจะแนะนำให้นะ ถ้าไร่ของแกตกอับขนาดนั้นแกก็เปลี่ยนอาชีพเถอะ ลองเป็นขายตัวหรือไม่ก็เป็นเด็กเสี่ยดูสิ แกอาจจะได้เงินมาช่วยไร่กระจอก ๆ ของแกก็ได้นะ”
“พี่ชายของแกก็เหมือนกัน ลองให้ไปหาเมียรวย ๆ ดูสิ ไปเกาะกระโปรงผู้หญิงดู ฉันว่าช่วยได้แน่ ๆ”
“คิก ๆ จริงพี่มัด อ้อ! พ่อแกด้วยเป็นไง ขายตัวกันให้หมด!”
ปลายฝนกำมือแน่นกดสายตามองกลุ่มคนตรงหน้าที่เปล่งวาจาต่ำ ๆ ออกมาไม่หยุด
และมันก็เหมือนกับเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่เธอจะอดทนอดกลั้นได้เช่นกัน
พลั่ก!
“มันจะมากไปแล้วนะ!” มือเล็กผลักอกคนตรงหน้าออกด้วยความโกรธจัด หลังจากนั้นก็สาวเท้าก้าวเข้าไปกระชากเข้าหาตัวและฝากฝังฝ่ามือลงบนใบหน้าเพื่อสั่งสอนว่าไม่ควรแตะต้องครอบครัวของใคร
เพียะ!
“จะด่าว่าฉันยังไงก็ได้แต่อย่ามาลามปามถึงครอบครัวฉัน!”
สิ้นเสียงตวาดที่เกินความกลัดกลั้น ร่างเล็กก็คร่อมร่างของคนที่เสียหลักล้มลงกับพื้นก่อนจะกดมือไปยังต้นคอของอีกฝ่าย ขณะที่มืออีกข้างก็ตบฉาดลงสู่ใบหน้าจนเกิดเลือดไหลหลั่งที่มุมปาก
“กรี๊ด! อีบ้า ปล่อยกูนะ! พวกมึงจะยืนบื้ออยู่ทำไม จัดการมันสิวะ อ๊ะ!”
เพียะ!
ปลายฝนฝากฝังร่องรอยลงไปอีกครั้งอย่างไม่ยั้งมือจนกระทั่งร่างกายของเธอถูกดึงกระชากออกไปจากตัวคู่กรณี
สองสาวออฟฟิศจับล็อกตรึงแขนของหญิงสาว หลังจากนั้นก็จัดการตามคำสั่งของรุ่นพี่ด้วยการตบสั่งสอนตามไปติด ๆ
“มึงกล้าทำพี่มัดเหรอ อีนี่!”
