บท
ตั้งค่า

บทที่ 10 คำขอบคุณ (2)

การกระทำของเขาสร้างความปั่นป่วนยั่วยุโทสะของอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี แต่เขาก็ดูออกว่าฝ่ายนั้นกำลังกลัดกลั้นเสียจนทนแทบไม่ไหว

“ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมต้องขอตัวก่อน” ท่านเหมกดเสียงต่ำข่มอารมณ์ไม่ให้เผลอคำรามก้องตวาดใส่คนรุ่นน้องที่ไม่คิดจะยุ่งเกี่ยวหรือแตะต้อง

เพียงได้ยินชื่อของไร่กมลก็ทำให้ผู้ทรงอิทธิผลยอมท้อถอยหันหลังให้มานับไม่ถ้วน และรวมถึงครั้งนี้ด้วยเช่นกัน

หากไม่มีความจำเป็นหรือเรื่องใหญ่โต ใครต่อใครก็รับรู้ว่าไม่ควรเข้าไปมีปัญหาหรือตั้งตัวเป็นศัตรูกับไร่กมลเลยแม้แต่ปลายเล็บ!

ท่านเหมถอยหลังยอมล้มเลิกความตั้งใจที่ได้เห็นหญิงหมายปองเพราะมีคนที่ไม่อยากยุ่งเข้ามาแทรก แต่ก่อนที่เขาจะกลับไปก็ไม่วายทิ้งท้ายด้วยคำพูดที่ทำเอาหญิงสาวสั่นสะท้านไปทั้งตัว

“ไว้เจอกันนะหนูปลายฝน ฉันจะรอวันที่หนูคลานเข่ามาขอร้องฉัน!”

ทางกลับไร่ยาวนานเชื่องช้ากว่าปกติทั้งที่ความเร็วในการใช้ขับรถนั้นก็เท่ากับทุกวันที่เคยสัญจร ปลายฝนนั่งเงียบมาตลอดทางเพราะไม่รู้ว่าจะเปิดปากพูดกับศัตรูที่เพิ่งออกโรงช่วยเหลือเธอยังไง

จากเหตุการณ์เมื่อครู่เธอยอมรับไม่อายใครว่ากลัวจนหัวหดจริง ๆ จากที่เมากลับเป็นต้องสร่างสติกลับคืนราวกับว่าไม่เคยดื่มมาสักอึก คิดไม่ออกเลยว่าถ้าถูกตบแล้วจะทำยังไงต่อ ดีไม่ดีอาจจะเลือดกบปากจนไม่มีแรงเหลือไว้ด่าคนเลวคนนั้นอีกก็ได้ หรือไม่แน่ก็อาจจะสลบล้มพับต้องหามส่งโรงพยาบาลกันเลยทีเดียว

ตัวรถโฟร์วิลขับมาจอดเทียบหน้าตัวบ้านหลังใหญ่ที่เปิดไฟส่องสว่าง คนขับรถเดินลงมาเป็นคนแรกและยังสาวเท้าก้าวฉับ ๆ ตรงเข้าไปในตัวบ้าน ผิดกับหญิงสาวที่มัวแต่อ้ำอึ้งทำท่าเก้ ๆ กัง ๆ ไม่ยอมทำอย่างใจคิดเสียที

ปลายฝนรีบวิ่งตามคนตัวโตเข้าไป เห็นเขากำลังดื่มน้ำอยู่จึงสาวเท้าเข้าไปหาและกะพริบตาปริบ ๆ มองราวกับมีบางอย่างที่อยากจะพูด แต่คนนิ่งกว่าย่อมหาได้สนใจ อัศวินมุ่นคิ้วเล็กน้อยก่อนจะเดินผ่านตัวเธอไปเพราะไม่อยากเสียเวลาไปกับเจ้าหล่อนคนนี้

“ดะ...เดี๋ยว! เดี๋ยวก่อน!” เสียงเล็กตะโกนร้องทำให้ปลายเท้าชะงักไปทันที

ร่างสูงใหญ่หันกลับมาแต่ก็ไม่ได้เอ่ยคำใดออกมาสักนิด อัศวินเลิกคิ้วมองแทนคำพูด เห็นท่าทางเธอตั้งแต่ต้นแล้วว่าเหมือนจะสื่อสารอะไร แต่พอยังเงียบก็เลยรำคาญเลือกที่จะเดินหนีให้มันจบ ๆ

“ขอบคุณ...” จากเสียงที่ตะโกนใสแจ๋วหลงเหลือเพียงเศษหนึ่งส่วนสี่ของอัตราลมในช่องท้องที่เปล่งออกมา

รอยยิ้มผุดเล็ก ๆ ที่มุมปาก แต่เพียงเสี้ยววินาทีก็กลับคืนเป็นความเรียบนิ่งดังเดิม

“พูดอะไร ไม่เห็นจะได้ยิน” อัศวินเก๊กขรึมทำทีหงุดหงิดกับเสียงเล็กเสียงน้อยของผู้ช่วยสาว

คำพูดของเธอมันบางเบาก็จริง แต่นายอัศวินกลับได้ยินเต็มสองหู!

“ขอบคุณค่ะที่ช่วยฉัน ถ้าไม่ได้คุณ...ฉันคงโดนตบเข้าให้จริง ๆ” ผู้ช่วยคนใหม่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ลมหายใจของเธอช่างมีกำลังกว่าคำขอบคุณเมื่อครู่เสียงอีก แต่พอนึกถึงคุณงามความดีที่เจ้านายช่วยเหลือไว้จึงเอ่ยขอบคุณอีกครั้งใน ชนิดที่ว่าระดับน้ำเสียงดังพอที่จะทำให้คนที่ยืนอยู่นอกบ้านยังได้ยินอย่างชัดเจนทีเดียว

คำว่าศักดิ์ศรีค้ำคอจนปวดเกร็ง แต่คำขอบคุณกลับหนักหนากว่าจนต้องเอ่ยออกมาให้พ้นตัว

ถึงการอยู่ที่นี่เธอจะอยู่ใต้อำนาจของเขาอย่างที่ไม่สามารถต่อกรได้ แต่การที่เขาช่วยเหลือเธอในวันนี้ก็นับว่าเป็นเรื่องดี ๆ ที่เธอเองก็ไม่เคยคาดคิดไว้เหมือนกัน…ไม่คาดคิดว่าเขาจะช่วยเธอทั้งที่เป็นศัตรู

“ฮึ...แปลกจริง ๆ นะคนอย่างเธอเนี่ย” อัศวินหัวเราะเบา ๆ แต่การกระทำนั้นของเขากลับทำให้ปลายฝนมุ่นคิ้วมองอย่างไม่พอใจนัก

คำขอบคุณของเธอมันน่าขำตรงไหน!?

“หัวเราะอะไร นี่ขอบคุณอยู่นะ ไม่ได้เล่นตลกให้ดู!”

สมองเต้นตุบ ๆ แถมยังกำลังร้องบอกว่าคนตรงหน้ากวนประสาทเสียจนอยากวิ่งเข้าไปตะกุยหน้าให้เละ ขอบคุณด้วยน้ำเสียงหวาน ๆ กลับมาหัวเราะใส่ เธอล่ะอยากจะบอกดัง ๆ ว่าไอ้ที่ทำแบบนี้มันหาได้ยากนะโว้ย!

“แปลกใจที่ศัตรูกำลังขอบคุณน่ะ แต่ฟังแล้วรื่นหูดีนะว่าไหมหนูปลายฝน”

คำพูดของอัศวินทำให้สิ่งที่สมองสั่งการทำงานทันที ขาเล็กก้าวฉับ ๆ ตรงเข้าไปพร้อมขึงเล็บเตรียมพร้อมจะตะปบ หากแต่ว่ามือเล็กต้องค้างเติ่งไว้กลางอากาศ เพราะคนพร้อมรับแรงปะทะกลับยื่นหน้ามาให้ราวกับล่วงรู้ว่าเธอกำลังคิดทำสิ่งใด

“เอาดิ ทำเลย แล้วก็อย่าลืมมาขอโทษด้วยเสียงหวาน ๆ แบบเมื่อกี้อีกนะ!”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel