ตอนที่ 9
หมอน ขดตัวคุดคู้ ก่อนที่ทั้งคู่จะสะดุ้งเบาๆเพราะเสียงจากหินก้อนเล็กๆที่ละลิ่วลอยมากระทบเข้ากับฝาบ้าน ซึ่งตรงกับห้องนอนที่ดาวและเดือนนอนอยู่พอดิบพอดี
“ได้ยินไหมดาว?”
เดือนเอ่ยขึ้นเบาๆ เหมือนเหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ดาวยังนอนนิ่ง…เบือนหน้าไปจากสายตาของพี่สาว ทำเป็นไม่สนใจ
เมื่อเดือนเห็นว่าดาวไม่มีอาการตอบสนองกับเสียงก้อนหินกระทบฝาบ้าน จึงเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงกังวล
“ดาวจะไม่ออกไปพบเขาหน่อยหรือ บางทีนาวินอาจจะอยากร่ำลาดาวก็ได้”
เดือนก้มลงไปกระซิบบอกเบาๆ เพราะเสียงจากหินก้อนเล็กๆที่จงใจส่งสัญญาณด้วยการขว้างให้กระทบฝาเรือนนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้ หากไม่ใช่นาวิน หนุ่มฉกรรจ์ผู้มีใบหน้าหล่อเหลา คมคาย ร่างกายสูงใหญ่ เป็นลูกชายกำนันทองที่ผู้คนในละแวกนั้นต่างรู้จักกันดี
นาวินเทียวมาจีบดาวหลายครั้ง กระทั่งดาวใจอ่อน ยอมรับไมตรีจากเขา และคบหากันมาได้สักพัก
ทว่าด้วยความเจ้าชู้ของนาวิน ไม่นานก็มีข่าวแว่วมาถึงหูของดาวว่านาวินทร์กำลังแอบผูกไมตรีกับเพื่อนสาวอีกคนที่ดาวและเดือนต่างก็รู้จักดี ดาวจึงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ หลบหน้านาวินนับแต่นั้นมา แม้ชายหนุ่มพยายามตามมางอนง้อหลายต่อหลายครั้ง
ใจจริงดาวก็รักและแคร์นาวินมาก แต่อยากดัดนิสัยเจ้าชู้ของเขา ดาวจึงงอน กระเง้ากระงอดมาหลายวัน นาวินพยายามสื่อสารผ่านมาทางเดือนซึ่งเป็นพี่สาว ทุกวันนี้เดือนจึงกลายมาเป็นแม่สื่อแม่ชักให้กับนาวินและดาวไปในที่สุด
“มาเรียกอะไรกันตอนนี้นะ” ดาวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงกระฟัดกระเฟียด เริ่มรำคาญกับเสียงก้อนหินกระทบฝาบ้าน สัญญาณที่นาวินแอบส่งมาเป็นนัย
เมื่อสงสัยว่าเสียงจากหินก้อนเล็กๆนั้นดูจะไม่ได้ผล คิดไปว่าดาวคงกำลังหลับจนไม่ได้ยิน นาวินจึงตะโกนเรียกในที่สุด
“ดาว…ได้ยินไหม วินมาหา”
ดาวยังคงนอนนิ่ง แกล้งทำไม่รับไม่รู้ แต่คนที่กระวนกระวายใจจนทนไม่ได้กลับเป็นเดือนซึ่งกำลังผุดลุกผุดนั่ง ก่อนตัดสินใจหยัดร่างขึ้นจากที่นอน ถ้าปล่อยไว้นานกว่านั้น หากยายน้อมตื่นมาได้ยิน มีหวังจะเป็นเรื่องใหญ่ คงได้ฟังยายน้อมด่าปากเปียกปากแฉะไปหลายวัน
“ดาวจะไม่ลงไปหน่อยหรือ สงสารนาวินนะ” เดือนสะกิดน้องสาวที่นอนหันหลังให้กับตน หันหน้าเข้าหาฝาเรือน ไม่ใยดีกับเสียงเรียกของแฟนหนุ่ม
“ไม่…” ดาวตอบเบาๆ ทว่าน้ำเสียงนั้นก็ยืนกรานหนักแน่น
“ดาว…ได้ยินไหม นี่วินเองนะ”
น้ำเสียงของนาวินดังขึ้นอีกหลายครั้ง
นาวินตั้งใจจะมาลาหล่อน เพราะเขาต้องเข้ากรุงเทพฯในวันรุ่งขึ้น นาวินได้งานทำที่กรุงเทพฯ งานที่กำนันทองผู้เป็นพ่อฝากฝังกับเส้นสายที่ทำงานอยู่ในบริษัทผลิตรถยนต์แบรนด์ญี่ปุ่นค่ายใหญ่ ซึ่งนาวินเรียนจบมาทางสาขาช่างยนต์
“จะใจร้ายใจดำ…ไม่ลงไปจริงๆหรือดาว” เดือนทำน้ำเสียงตำหนิน้องสาว
ดาวลอบถอนหายใจออกมาเบาๆด้วยความรำคาญ
“ถ้าอยากเจอนัก…พี่เดือนก็ลงไปเองก็แล้วกัน บอกว่าดาวไม่มีอะไรจะคุยกับเขา ยังไงดาวก็ไม่ลงไปเด็ดขาด ดาวจะนอน” เดือนตอบด้วยทิฐิแรงกล้าที่เจืออยู่ในน้ำเสียง
“นี่ถ้าไม่กลัวยายน้อมตื่นขึ้นมาด่าจนน้ำหมากกระจาย…อย่าหวังนะว่าพี่จะลงไปนะ” คนเป็นพี่ว่า พลางขยับร่างลุกขึ้นจากที่นอน ก้าวออกจากประตูห้องนอนไปอย่างเงียบเชียบ ก่อนที่เสียงเรียกของนาวินจะลอยไปกระทบหูของยายน้อมที่มักจะนอนหลับช้าแต่ตื่นเร็วจนเป็นนิสัย
เดือนก้าวลงไปเงียบกริบ บนทางดินแคบๆที่มีเพียงแสงจันทร์เลือนลางช่วยนำทาง
ทว่าเดือนก็ต้องแปลกใจ เมื่อตรงจุดนัดพบอันเป็นที่รู้กันของหนุ่มสาว กลับไม่มีร่างของนาวินอยู่ตรงนั้น
“นาวิน...อยู่ไหนน่ะ ถ้าไม่ออกมาเดือนจะกลับขึ้นเรือนแล้วนะ ดาวให้มาบอกว่ายังไงดาวก็ไม่ลงมา นาวินรีบกลับไปเถอะ ไม่งั้นดาวจะโกรธมากกว่านี้” เดือนตะโกนสุ่มไปในความมืด โดยไม่รู้ว่านาวินอยู่ตรงไหน
“นาวิน...อย่าเล่นบ้าๆแบบนี้นะ เดือนใจไม่ดี ถ้าไม่ออกมาเดือนจะกลับขึ้นบ้านแล้วนะ” คำขู่ของหญิงสาว ตะโกนเข้าไปในดงกล้วยซึ่งกำลังขยับก้าน ระบัดใบไปตามสายลมกลางคืนที่โชยมาเบาๆ รู้สึกถึงกลิ่นอายของรัตติกาล ชัดเจนอยู่ที่ปลายจมูก
เดือนรู้สึกถึงความหนาว ไม่ใช่เพราะอากาศ หากเป็นความหวาดกลัวที่ออกมาจากใจ ยามที่มองขวามองซ้ายล้วนเจอแต่ความมืดมิดและดงกล้วย มันวังเวงพิกล เมื่อไร้เงาของชายผู้มาตะโกนเรียก