ตอนที่ 10
“นาวิน! เดือนจะนับหนึ่งถึงสาม หากไม่ออกมา เดือนจะกลับขึ้นเรือนเดี๋ยวนี้แหละ หนึ่ง.....สอง.....สาม” สิ้นเสียงนับของเดือน ในวินาทีที่หล่อนกำลังหมุนตัว ทว่าไม่ทันที่เท้าเล็กๆนั้นจะหันกลับ ท่อนแขนใหญ่ของใครบางคนก็รวบรั้งเข้าที่เอวคอดของหล่อนเต็มแรง
“ว้าย!”
เดือนกรีดร้อง หากเสียงนั้นก็เบาลงและแหบหายไปในลำคอ เมื่ออ้อมกอดที่ฉวยเอวเธอเอาไว้นั้นคือท่อนแขนของนาวินนั่นเอง
“ปล่อย…คนบ้า อย่าทำอะไรแบบนี้ ถ้าดาวรู้เข้าดาวจะเสียใจ” เดือนพยายามห้าม เมื่อจมูกโด่งระดมซุกไซ้ ปะป่ายไปตามพวงแก้มและลำคอขาวโดยที่สาวเจ้าไม่ทันตั้งตัว ไม้เว้นแม้แต่ติ่งหู ที่โดนขบเม้มรุนแรงด้วยริมฝีปากร้อนของหนุ่มที่กำลังบุกรุกเรือนร่างหล่อนอย่างถือวิสาสะ
“ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ...อย่ามาฉวยโอกาสกับเดือนแบบนี้นะ เดือนไม่ชอบ” หญิงสาวตัดพ้อ เตือนเขา…และเตือนตัวเองไปพร้อมๆกัน ก่อนที่อะไรๆจะเตลิดเลยไปไกลกว่านั้น
“นาวิน...หยุดนะ! คนบ้ากาม” เดือนดิ้นขลุกขลัก เมื่อชายหนุ่มไม่นำพา หล่อนจึงกระทุ้งศอกไปที่หน้าท้องของนาวินทร์อย่างแรง จนเขาจำต้องปล่อย คลายกอดที่ยืนคอยด้วยความอดทนให้ยุงกัดอยู่นานสองนานอย่างแสนเสียดาย
“ขอโทษนะ…” นาวินกล่าว เมื่อเห็นเดือนอาย
“อย่าสับสนสิ…เดือนไม่ใช่ดาว นาวินกำลังสับสนอยู่หรือเปล่า” เดือนตัดพ้ออีกครั้ง ยกฝ่ามือลูบไล้พวงแก้มที่นาวินพรมจูบเอาไว้ทั่ว
“ถามจริงๆนะเดือน.....เดือนไม่รู้สึกบ้างเลยหรือ”
“รู้สึกอะไร?”
“รู้สึกว่าวินก็ชอบเดือน…ไม่น้อยไปกว่าดาว” น้ำเสียงเจ้าชู้ของเขา หยั่งลึกไปในความรู้สึกของเดือนและต้องการคำตอบ
“ถามทำไมกัน…อย่าลืมว่าวินเป็นแฟนของดาวอยู่นะ” เดือนให้สติ รู้เท่าทันท่าทีของนาวินที่พยายามจับปลาสองมือ ใครๆก็รู้ว่าเขาเจ้าชู้แค่ไหน
“แต่แววตาของเดือน…ก็ฟ้องว่าเดือนชอบวินอยู่ไม่ใช่หรือ วินรู้สึกได้” ชายหนุ่มทึกทัก กระตุกยิ้ม กระหยิ่มใจ กรุ้มกริ่มจนออกอาการหน้าบาน แสงจันทร์นวลสว่างพอให้เห็นไรฟันขาวๆและเคราครึ้มเขียวของเขา ท่ามกลางความมืดมิดของดงกล้วยที่ระบัดใบเบาๆไปตามแรงลมโบก
“อย่ามาทึกทัก...กับวิน ก็แค่…แค่ความรู้สึกดีๆ” เดือนว่า ทั้งตำหนิด้วยสายตา รู้สึกเกลียดตัวเองขึ้นมาทันทีที่หวั่นไหวขึ้นมาง่ายๆกับคำพูดของผู้ชายที่เธอก็รู้ว่าเขาเจ้าชู้
“เพราะเดือนยังไม่เคยรักใครตะหาก...เดือนเลยไม่รู้ว่าจะเรียกเจ้าความรู้สึกที่มีต่อวินว่ายังไง?...แล้ววันหนึ่งเดือนจะรู้ว่าความรู้สึกแบบนี้แหละที่เค้าเรียกว่า ‘รัก’ เชื่อวินสิ” ชายหนุ่มกล่าวอย่างรู้ทัน
เดือนจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของชายหนุ่มตรงหน้า ร่างกำยำสูงใหญ่สมชายชาตรี ใบหน้าคมคร้ามที่หล่อเหลากว่าชายคนใดในละแวกนั้น กำลังทำให้หล่อนหวั่นไหวมากขึ้นทุกที
“วินชอบเดือน…” เขาสารภาพออกมาเต็มปาก
เดือนไม่รู้ว่าหล่อนควรจะดีใจหรือเสียใจ เมื่อได้ยินคำพูดนั้น สับสนว่าควรจะเชื่อคำพูดของเขา…หรือเชื่อในความรู้สึกของหล่อนว่าเขากำลังรักน้อง…เสียดายพี่ หากก็ยอมรับว่ามันทำให้หัวใจดวงน้อยๆของหล่อนหวั่นไหวขึ้นมารุนแรง
“วินเคยเกริ่นเรื่องนี้กับพ่อ...อยากให้พ่อมาสู่ขอหลานสาวยายน้อม คนใดคนหนึ่ง…ไม่ดาว ก็เดือน” นาวินกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง แววตาหวานวาวคู่นั้นกำลังหว่านล้อม…เดือนสับสนว่าจริงหรือลวง
“คนใดคนหนึ่ง?…เท่ากับวินจะไม่เลือกเลยหรือ?” เดือนขมวดคิ้ว
จริงเท็จอย่างไร…ในสิ่งที่เขาพูด ไม่มีใครรู้ดีไปกว่านาวินว่ามันเป็นเพียงแค่คารมคมปาก หรือออกมาจากใจจริง
“วินเลือกไม่ถูก…วินชอบทั้งสองคน”
“วินพูดจริงๆหรอ” เดือนตาวาวด้วยความสงสัย
“จริงสิ…ถ้าวินไม่เจอดาวก่อน วินคงรักเดือนไปแล้ว” พูดจบ ชายหนุ่มก็คว้ามือของหญิงสาวที่ยืนใจเต้นอยู่ตรงหน้าขึ้นมาบีบกุม
“ไม่มีประโยชน์ที่จะพูดอะไรอย่างนี้…มันสายไปแล้วนะวิน”
“ไม่สายเกินไปหรอก…วินรู้สึกว่ามันยังไม่สายเกินไปที่จะบอกรักเดือน เพียงแต่วินหาโอกาสไม่ได้”
“แต่…” บางคำพูด ติดอยู่ที่ริมฝีปากของหญิงสาว หล่อนได้แต่กล่าวมันในใจ ‘แต่วินเป็นแฟนดาวอยู่นะ’
มือใหญ่ของชายหนุ่ม บีบมือน้อยๆของหล่อนแน่นขึ้น ความอุ่นซ่านส่งถึงกันทางฝ่ามือ
“วินกำลังจะไปกรุงเทพฯแล้ว...วินไม่แน่ใจว่าอีกนานแค่ไหนกว่าจะได้กลับมาเจอดาวกับเดือนอีก” นาวินกล่าว
เดือนรู้สึกว่าน้ำเสียงนั้นช่างฟังดูเศร้า
“วินขอโทษ…วินรู้ตัวว่ากำลังทำผิดที่แยกแยะไม่ได้ ระหว่างความรักที่มีต่อดาวกับเดือน” ชายหนุ่มเปรยขึ้นมาลอยๆ