ตอนที่ 7
กุลีกุจอก้าวออกมาจากเรือนไม้หลังใหญ่ รี่มาเปิดประตูรับผู้มาเยือน
หญิงสาวตอบด้วยการลดกระจกลงช้าๆ ยื่นใบหน้าฉาบรอยยิ้มประพิมประพรายออกไปทัก
“ดาว…!”
หญิงสาวที่เดินออกมาเปิดประตูอุทานลั่นด้วยความดีใจ ตื่นเต้นกับใบหน้าที่เห็น
“จุ๊ๆ…” ดาวเรียงยกนิ้วขึ้นแตะริมฝีปากตัวเองเบาๆ ส่งสัญญาณว่าอย่ากระโตกกระตาก อยากทำให้ยายน้อมประหลาดใจ
จากนั้นรถบีเอ็มดับเบิ้ลยูของหญิงสาวก็ค่อยๆเคลื่อนไปจอดใต้ตัวบ้านที่ยกพื้นเป็นใต้ถุนสูง ด้วยสมรรถนะของเครื่องยนต์ราคาแพงที่เดินเรียบ เงียบ เบา ยายน้อมซึ่งอยู่ในวัยชรา แทบไม่ทันได้สังเกตสังกาถึงการมาของหลานสาว
“จ๊ะเอ๋!...” เสียงทักทายดังลั่นทั้งที่เจ้าตัวยังยืนหลบอยู่หลังประตู สาวน้อยยื่นใบหน้าเพียงครึ่งออกมาทักทายยายน้อม
“ว้าย !...ไอ้นั่นฉันหล่น…อกอีแป้นจะแตก” ยายน้อมอุทานลั่น ด้วยความตกใจ ก่อนจะยิ้มออกมา เมื่อดวงตาฟ่าฟางที่ก้มมองลอดแว่น สะดุดเข้ากับใบหน้าของหลานสาวที่ยายน้อมเฝ้ารอคอยด้วยความคิดถึงตลอดมา
“นั่นดาวจริงๆใช่ไหม?” ยายน้อมละล่ำละลัก ละจากเชี่ยนหมากตรงหน้า พยายามจะก้าวลงมาหาร่างระหงของหลานสาว แต่ช้ากว่าดาวเรียงที่เป็นฝ่ายรี่เข้าไปโอบกอดยายน้อมเสียเอง
ผู้หญิงที่เพิ่งลงไปเปิดประตูให้เมื่อครู่ ยืนมองหญิงสาวต่างวัยสวมกอดกันกลม ภาพนั้นทำให้ถึงกับน้ำตาไหล
ดาวเรียงร้องไห้ออกมา เช่นเดียวกับหญิงชรา ไม่อาจกลั้นน้ำตาที่รินพร่างออกมาเป็นสาย
“คิดถึงยายเหลือเกิน” หล่อนกล่าวทั้งเสียงสะอื้น
กลิ่นไอดินและสายหมอกยามเช้าโชยมาแตะจมูกของหญิงสาว ความทรงจำเก่าๆกำลังต้อนรับเธอกลับบ้าน ยืนยันด้วยกลิ่นหมาก กลิ่นเสื้อผ้า กลิ่นกายของผู้หญิงชราคนหนึ่งที่เลี้ยงดูราวกับเป็นแม่บังเกิดเกล้าของเธอ ความทรงจำเก่าๆกำลังกระตุ้นต่อมน้ำตาให้ไหลบ่าออกมาเป็นสาย
“ดาวของยาย...อย่าร้องไห้สิลูก”
ยายน้อมปลอบหลานสาว ทั้งที่หยาดน้ำตายังคลอเคลีย ราดเรี่ยอยู่ที่เบ้าตาตัวเอง
“ร้องไห้เพราะคิดถึงยายน้อมค่ะ” หญิงสาวปาดน้ำตา ก้มลมหอมแก้มเหี่ยวย่นของยายน้อมฟอดใหญ่
“ยายอยู่ตรงนี้แล้วนี่ไง...” กล่าวจบยายน้อมก็ถอยห่างออกไปเพียงน้อย เพื่อจะมองใบหน้าของหลานสาวให้ชัด ถนัดถนี่
“ดาวคิดถึงยายค่ะ”
“คิดถึงยายก็มาหายาย...ยายรออยู่ตรงนี้ และจะรอตลอดไป รู้ไหมว่ายายคิดถึงเอ็งใจจะขาด จะไปหาที่กรุงเทพฯรึ!...สังขารก็ไม่เอื้ออำนวย จะลุกก็โอย จะนั่งก็โอย ร่วงโรยไปตามสภาพอย่างที่เอ็งเห็นนี่แหละ” ยายน้อมกล่าวเหมือนรำพึงชีวิต สองมือกร้านของยายน้อม กอบใบหน้าของหลานสาวเบาๆ โน้มใบหน้าเข้ามามองจนชัด
“จะมา…ทำไมไม่บอกยายก่อน”
“ถ้าบอกก่อนจะได้ฟังเสียงอุทานของยายหรือจ๊ะ” หญิงสาวว่า
ประโยคนั้นเรียกรอยยิ้มน้อยๆ ปรากฏขึ้นตรงมุมปากที่แลเห็นริ้วรอยย่นของยายน้อม ดาวจำคำอุทานที่ไม่เหมือนใครของยายน้อมได้ไม่เคยลืม ทุกครั้งที่ตกใจ ยายน้อมมักจะอุทานออกมาว่า ‘ว้าย!...ไอ้นั่นฉันหล่น’ ดาวยังเคยกระเซ้าบ่อยๆว่า ‘ไอ้นั่นของยายน่ะ!...มันอะไรกันนะ?’ และยายน้อมก็อายจนหน้าแดงทุกครั้งไป ก่อนจะไปล่ไปว่า ‘ช่างมันเหอะ!...อย่ารู้เลย’ นึกมาถึงตรงนี้ทีไร ดาวก็หัวเราะออกมาทุกที
“มันน่าตีนัก...ชอบแกล้งยาย” มื้อกร้านที่แลเห็นเส้นเป็นปูดโปน จับต้องไปที่เนื้อตัวของหลานสาวเบาๆ ราวกับสำรวจความเปลี่ยนแปลงจากความเปล่งปลั่งที่เห็น ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงตัดพ้อและแววตาน้อยใจฉายชัด
“สองปีแล้วสินะที่ยายไม่เห็นหน้าเอ็ง... ยายคิดว่าชีวิตนี้…เอ็งจะไม่กลับมาหายายซะแล้ว”
“ดาวขอโทษ” หญิงสาวยกมือไหว้ทั้งน้ำตา หญิงชราเอื้อมมือที่สั่น โอบรับกระพุ่มมือน้อยๆของหลานสาว
“ยายไม่เคยโกรธเอ็ง…ไม่ว่าจะวันนี้หรือวันไหน ยายก็ไม่โกรธ”
กล่าวจบ สองยายหลานก็โผเข้ากอดกันกลมอีกครั้ง
เมื่อคลายกอดจากยายน้อม ดาวหันมาสวมกอดกับลำเจียกที่ยืนน้ำตาซึมอยู่ข้างๆทันที
ดาวรักลำเจียกเหมือนพี่สาวคนหนึ่ง ลำเจียกเป็นญาติทางฝ่ายสามีของยายน้อม สามีของยายน้อมพาลำเจียกซึ่งเป็นหลานกำพร้าทั้งพ่อและแม่มาเลี้ยงดูด้วยความสงสาร ตั้งแต่เด็กๆ ครั้นภายหลังจากสามีของยายน้อมเสียชีวิต ยายน้อมก็รับหน้าที่เลี้ยงดูลำเจียกเรื่อยมา