ตอนที่ 5
เมืองหลวง ตัวเลขจากนาฬิกาที่โชว์อยู่ใกล้ๆหน้าปัทม์มาตรวัดความเร็ว บอกว่าเป็นเวลาเกือบสองทุ่ม
ดาวเรียงไม่รู้ว่าจุดหมายปลายทางที่จะไปคือที่ไหน? ไม่มีแผ่นที่คร่าวๆในใจ ไม่มีการวางแผนใดๆเอาไว้ในสมอง รู้แต่ว่าไม่ใช่คอนโดหรูราคาหลายล้านย่านสีลมที่เธอซื้อเอาไว้อย่างแน่นอน
ระหว่างที่เลี้ยวรถออกมาสู่ถนนสายหลัก ร่วมผจญกับรถราคลาคล่ำอยู่พักใหญ่ๆ ครั้นแล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นตัวอักษรสีขาวบนพื้นสีน้ำเงินของป้ายบอกทาง ชี้ว่าโค้งข้างหน้าคือทางด่วน
เธอตัดสินใจวาดวงเลี้ยวเพียงเสี้ยวนาที ตรงรี่เข้าไปที่ด่านเก็บเงิน ควักสตางค์แล้วยื่นให้พนักงานชายที่ง่วนงมอยู่กับการรับและทอนเงินมากกว่าจะสนใจมองหน้าคนผ่านทางที่ยื่นใบหน้าผลัดเปลี่ยนมาให้เห็นวันละหลายพันคน เพราะรถราที่ทยอยเข้ามาไม่ได้ขาด การรับและทอนเงินอย่างมีสมาธิจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด
ทว่าในตอนที่พนักงานชายยื่นเงินทอนกลับมาให้ ในจังหวะเงยใบหน้า ก็ถึงกับตะลึง เมื่อหญิงสาวที่เอื้อมมือเรียวออกมารับเงินทอนด้วยสีหน้าเรียบเฉย คือผู้หญิงคนเดียวกันกับที่ปรากฏอยู่บนแผ่นป้ายโฆษณาเครื่องสำอางขนาดใหญ่ ตั้งตระหง่านอยู่ไม่ห่างจากทางด่วน
ดาวเรียงรับเงินทอนแล้วพุ่งผ่านช่องจ่ายเงินเข้าสู่ทางด่วนโดยเร็ว
อยู่ๆ…สิ่งดลใจบางอย่าง แท้จริงก็คือจิตใต้สำนึกของหล่อนที่โหยหาความรักอยู่ทุกขณะนั่นเอง ทำให้ดาวเรียงนึกถึง ‘ยายน้อม’ หญิงชราที่เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เล็กๆ นึกถึง ‘เดือน’ พี่สาวที่เติบโตมาด้วยกัน เคยกินนอนร่วมกันมาตั้งแต่แบเบาะ
‘เดือนและยายน้อม’ ผู้หญิงสองคนที่ชีวิตของดาวเรียงรักและผูกพันมากที่สุดในโลกใบนี้ ชื่อของผู้หญิงทั้งสองคนสะท้อนกึกก้องอยู่ในกระแสความคิดของหญิงสาวที่กำลังถูกกระตุ้นด้วยแรงคิดถึง
ทุกครั้งที่หัวใจดวงน้อยถูกทับถมด้วยความทุกข์เกินจะทน ดาวเรียงมักจะนึกถึง ‘ยายน้อม’ ผู้เป็นยาย ขึ้นมาเป็นคนแรก อีกคนคือ ‘เดือน’ ซึ่งเป็นพี่สาวที่เธอรัก
แม้ครั้งสุดท้าย ระหว่าง ‘ดาว’ กับ ‘เดือน’ จะเกิดเรื่องบาดหมางถึงขั้นทำให้ความสัมพันธ์ร้าวฉาน เหมือนถ้อยคำที่ว่า ‘รักมากก็เกลียดมาก…ยิ่งรักยิ่งเกลียด’ ต่างคนต่างก็มีทิฐิแรงกล้า ทำให้เดือนและดาวขาดการติดต่อกันมานาน จากเหตุการณ์ที่ทั้งสองทะเลาะกันรุนแรง…เมื่อสองปีที่ผ่านมา
คืนนี้…ไม่มีการวางแผนใดๆเอาไว้ล่วงหน้า ดาวเรียงตัดสินใจบ่ายหน้าขึ้นเหนือ ด้วยหัวใจที่แน่นหนักไปด้วยความรักและคิดถึง แอบหวังว่าการได้กลับไปเจอกันครั้งนี้ อาจทำให้ความสัมพันธ์ของตนกับพี่สาวที่ชื่อเดือนนั้นดีขึ้น
ผ่านมานานเท่าไรไม่รู้ ที่แสงไฟจากดวงโคมหน้ารถบีเอ็มดับเบิ้ลยูคันหรู สาดฝ่าความความมืดมิดบนถนนสายเอเชียที่ทอดตัวอยู่ในความเงียบสงัด เหมือนงูตัวยาวที่สงบอยู่ในอาการหลับใหล นานๆครั้งจึงจะมีแสงไฟจากรถที่อยู่อีกฟากถนน สาดสวนมาให้เห็น
แอร์ในรถเย็นจัด มือที่กำพวงมาลัยอยู่ในขณะนั้นเย็นเฉียบ ความเงียบทำให้รู้สึกเหงาขึ้นมาในบางขณะที่เผลอปลดปล่อยอารมณ์เข้าไปปะปนเป็นส่วนหนึ่งของบทเพลงเศร้าที่เปิดคลอเบาๆระหว่างทางอย่างไม่ตั้งใจ
เมื่อรู้สึกถึงความง่วงงุนเริ่มเข้าครอบงำ ดาวเรียงตัดสินใจชะลอความเร็ว บังคับพวงมาลัยพารถคันหรูเลาะเลียบไหล่ทางด้านซ้าย ลดบานกระจกซึ่งควบคุมด้วยระบบไฟฟ้าลงช้าๆ ชะโงกใบหน้างามออกไปสั่งกาแฟจากจากร้านเล็กๆที่มีแสงเรื่อเรืองจากไฟดวงเทียนที่ค่อนข้างสลัวเลือนอยู่เพียงดวงเดียว ผูกห้อยเอาไว้กับสายไฟระโยงระยาง เหวี่ยงไหวอยู่ที่ชายคาของซุ้มร้านกาแฟเล็กๆแห่งนั้น
“รับอะไรดีครับคุณ?” ลุงขายกาแฟร่างท้วม พุงพลุ้ย สวมเสื้อกล้ามสีขาว ตะโกนถามด้วยน้ำเสียงดังฟังชัด เมื่อบานกระจกรถบีเอ็มดับเบิ้ลยูที่เพิ่งจอดสนิท เลื่อนลงจนสุดราง แลเห็นละอองฝุ่นตลบไล่มาจากล้อด้านหลังคละคลุ้ง
“กาแฟดำค่ะ...ขอเข้มๆเลยนะคะลุง” หญิงสาวตะโกนตอบ
เจ้าของร้านรีบชงโดยไม่รีรอ ไม่ได้หันกลับมามองหน้าเธอด้วยซ้ำ
ชั่วอึดใจ ดาวเรียงยื่นมือเรียวออกไปรับกาแฟ แล้วยื่นเงินให้
ลุงขายกาแฟที่เงยหน้าขึ้นรับสตางค์ หรี่ตามองใบหน้าสวยหยาดของดาวเรียงด้วยความสงสัย เมื่อใบหน้าสวยที่เห็น คลับคล้ายคลับคลาว่าคุ้นตา กระทั้งเมื่อรถของเธอแล่นจากมา จึงรู้ว่าใช่คนเดียวกับนางแบบโฆษณาเครื่องสำอางที่กำลังเห็นอยู่ในจอทีวีหลังเล็กๆที่วางอยู่ข้างๆรถเข็น