ตอนที่ 4
“ขอภาพเต็มตัวคู่กับคุณเพอร์นานโดสักภาพนะครับคุณอิงอร” ช่างภาพคนหนึ่งเอ่ยขึ้นเบาๆ
“ยินดีค่ะ” อิงอรหยัดร่างขึ้นจากโชฟาร์ รั้งมือลูกชายหัวแก้วหัวแหวนมาโอบเอวด้วยความรักใคร่ ก่อนจะจิกดวงตา เชิดใบหน้างามเริ่ดสู้แสงแฟลชที่สาดมาไม่หยุดหย่อน ตามคำขอของช่างภาพจากแมกกาซีนแนวกอสซิบของแวดวงสังคมชั้นสูง
ที่ด้านหลังของเวที ทันทีที่ร่างสูงระหงของดาวเรียง ก้าวลงมาสู่เบื้องหลังเวที ผู้จัดการส่วนตัวของเธอที่ร่างกายภายนอกก็ดูเหมือนผู้ชายทั่วไป หากจิตวิญญาณที่อยู่ภายในนั้นอ่อนไหวเกินหญิง กรีดกรายเข้ามาหาดาวเรียงเร็วรี่
“งามมากค่ะหนูดาว…ว่าแต่รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าด่วนเลยจ้ะ…ด่วนๆๆๆ” เจ๊แป๊ดรีบจีบปากจีบคอ ชี้แจงคิวงานที่รออยู่อีกที่
นางแบบสาวทำหน้าง้ำงอ
ชีวิตที่ผูกเอาไว้กับเงื่อนเวลา ยิ่งทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองกำลังเหมือนนักโทษไปทุกที เธอพยายามเก็บอาการโกรธเกรี้ยว ด้วยการวางสีหน้าเรียบเฉย แววตาชืดชากับทุกสิ่งตรงหน้า ไม่มีท่าทีสนองตอบต่อคำพูดของผู้จัดการแม้แต่น้อย ไม่รับไม่รู้อะไรทั้งนั้น ไม่สนใจเจ๊แป๊ดที่กำลังสาละวนอยู่กับการรับโทรศัพท์จากสายเรียกเข้าถี่ยิบ
“เป็นอะไรหรือเปล่า?..ดาว” เจ๊แป๊ดถาม เริ่มสังเกตได้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับดาวเรียง
“…….” ทว่ามีเพียงความเงียบที่สะท้อนกลับมา
“หนูดาวจ๋า มีช่องบันเทิงของทีวีชื่อดังรอสัมภาษณ์หนูอยู่ค่ะ” เจ๊แป๊ดรีบแจ้งด้วยน้ำเสียงหวาน ใช้คำว่า ‘ค่ะ’ และ ‘จ้ะ’ จนติดเป็นนิสัย ซึ่งก็ฟังดูไม่ขัดแย้งเท่ากับตอนที่เจ๊แป๊ดใช้คำว่า ‘ครับ’
ดาวเรียงทำทีว่าไม่ได้ยิน รีบเปลื้องเสื้อผ้าน้อยชิ้นที่สวมใส่ ด้วยความรวดเร็ว
เพียงเสี้ยววินาที เรือนร่างที่เพิ่งเฉิดฉายไฉไลอยู่บนเวทีเมื่อครู่ก็เปิดเปลือยต่อหน้าต่อตาเจ๊แป๊ดและหญิงสาวที่คอยช่วยเหลือนางแบบในเรื่องเสื้อผ้า ทว่าสายตาเหล่านั้นก็ไม่ได้ตกใจกับการเปลื้องผ้าของเหล่านางแบบที่เห็นกันจนชินชา และในสถานที่ลับตาตรงนั้น ล้วนมีแต่ผู้หญิง ยกเว้นเจ๊แป๊ด…หากก็ถูกนับรวมเข้าไปด้วยได้อย่างไม่ขัดแย้ง
“ดะ...ดะ...เดี๋ยว! นั่นหนูดาวจะไปไหน?”
เจ๊แป๊ดตะโกนเสียงหลง ทำตาโตเหมือนไข่ห่านจนเห็นตาดำลอยเด่นอยู่กลางตาขาว ริมฝีปากเผยออ้าเป็นรูปตัวโอ เมื่อเห็นดาวเรียงรีบสวมเสื้อผ้า คว้ากระเป๋า ทำทีท่าว่าจะจากไป ทั้งที่คิวงานยังรออยู่อีกบานเบอะ
“เบื่อค่ะ!...ขอให้ดาวได้มีชีวิตเหมือนผู้คนอื่นๆบ้างเถอะนะคะพี่แป๊ด” ดาวเรียงตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่ได้กระแทก ไม่ได้สาดน้ำเสียง แต่กดน้ำเสียงที่ท้ายประโยคเชิงวิงวอน ซึ่งคนฟังก็รับรู้ได้ว่าในน้ำเสียงราบเรียบนั้นเต็มไปด้วยอารมณ์อัดอั้น
“หา…อะไรนะ!...เบื่อไม่ได้นะดาว” เจ๊แป๊ดอุทานเสียงแหลม จีบนิ้วขึ้นทาบอกด้วยความตกใจ
ดาวเรียงรีบคว้ากระเป๋า หยิบแว่นตาสีดำกรอบใหญ่และหมวกขึ้นมาสวมลงบนศีรษะ อำพรางตัวตนจากการรับรู้ของผู้คนที่สนใจเธอ
“อร๊าย!!!...พังๆๆๆ อกอีแป๊ดจะแตก” เจ๊แป๊ดกระทืบเท้าปึงปังอยู่กับที่ กรีดร้องลั่นอยู่หลังเวที รู้ว่าไม่มีประโยชน์ที่จะเหนี่ยวรั้ง ยากเหลือเกินที่จะเปลี่ยนใจดาวเรียง ขนาดเจ๊แป๊ดยังยกให้เธอเป็นอาร์ตตัวแม่
ที่ลานจอดรถซึ่งอยู่ชั้นใต้ดินของห้างสรรพสินค้าแห่งนั้น ดาวเรียงหลบรอดแสงไฟแฟลชและคมเลนส์ที่รอจับภาพของเธอออกมาได้อย่างหวุดหวิด ฉิวเฉียดกับปาปาราสซี่ที่คอยติดตามดูชีวิตเธอทุกฝีก้าว
เธอรีบก้าวยาวมาที่รถบีเอ็มดับเบิลยูซีรี่ส์ 5 สีดำอาบมัน
ตี๊ดๆๆ!!!...
เสียงสัญญาณคลายล็อคดังขึ้นเมื่อกดรีโมท ไฟด้านหน้าและไฟข้างตอบรับสัญญาณด้วยการกระพริบถี่สามครั้ง มือเรียวกระชากประตูรถ ถลันร่างรัดรึงเข้าไปข้างใน ทรุดกายลงนั่งด้วยความรวดเร็ว
เสี้ยวอึดใจที่แผ่นหลังได้เอนพิงเบาะหนังอ่อนนุ่ม ความสับสนแล่นรุมเข้ากุมเกาะหัวใจดวงน้อยๆ เธอรู้สึกว่าตัวเองเหมือนนกน้อยที่กำลังโหยหาอิสรภาพ ครั้นแล้วก็หลับตา ระบายลมหายใจอันหนักอึ้งออกจากทรวงอกเสียบ้าง แม้ความอึดอัดกลัดกลุ้มจะไม่หายไปเสียทีเดียว แต่ก็รู้สึกโปร่งโล่งอย่างบอกไม่ถูก
เมื่อมั่นใจว่าปลอดภัยจากสายตา จึงค่อยๆเสียบกุญแจ สตาร์ทรถอย่างไม่รีบร้อนนัก ปลายเท้าเรียวกดลงเต็มแป้นคันเร่ง ให้กำลังแรงม้าของเครื่องยนต์ช่วยส่งร่างของเธอพร้อมกับพาหนะ ทะยานออกจากโลกมายาที่น่าเบื่อหน่ายใบนี้โดยเร็วทีเถอะ
บรื๊นนนนน…..
จากนั้นไม่นานนัก ทั้งคนและรถก็พุ่งทะยานออกจากลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ที่ตั้งอยู่ใจกลาง