บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 6 เสน่หา

จ่างซุนอู๋จี้ทอดกายนอนบนตั้งนอนในห้องรับรองในจวนของเจ้าเมืองหู่ ในมือหนาถือม้วนตำราทอดสายตามองตัวอักษรที่ปรากฏ สาวใช้เตรียมน้ำให้กับเขาเพื่อชำระร่างกาย โดยมีหยางจื่อและหวังเตออยู่ใกล้ไม่ห่างกายเพื่อดูแลความปลอดภัยของเขา

“น้ำในอ่างพร้อมแล้วเพคะ” สาวใช้วัยกลางคนเอ่ยบอก หยางจื่อจึงเอาเข็มเงินจิ้มลงไปในน้ำร้อนจัด ปรากฏว่าไม่ขึ้นสีดำบนปลายเข็มจึงเอาเข็มออกมา

“อ่างน้ำพร้อมแล้วพระเจ้าค่ะ” หยางจื่อเอ่ยบอก

“ไท่จื่อ จะให้หม่อมฉันเรียกอาซือหวงน่าราเข้ามาดูแลพระองค์หรือไม่พระเจ้าค่ะ” หวังเตอเอ่ยถาม

“ไม่ต้อง” อู๋จี้เอ่ยบอกเช่นนี้ แล้ววางม้วนตำราลง แล้วจับกาน้ำดอกท้อเทลงไปในถ้วยกระเบื้อง

“หรือจะให้เหล่าอิง บุตรสาวเจ้าเมืองมาดูแลพระองค์” หวังเตอเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม อู๋จี้มองหวังเตอด้วยสีหน้าเรียบเฉย นัยน์ตานิ่งสงบหวังเตอรู้ว่าอย่ามาจุ้นจ้าน ไม่เช่นนั้นหัวจะไม่ได้อยู่บนบ่า

“เหมือนโดนด่าด้วยสายตา” หวังเตอเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“อืม” จ่างซุนอู๋จี้เอ่ยบอก แล้วหันกลับมาสนใจตำราอีกครั้ง หวังเตอก้าวเดินออกไปทันที

หลังจากหวังเตอก้าวเดินออกไปไม่นานนัก เขามาพร้อมกับหญิงสาวใบหน้างดงามนามว่า เหล่าอิง นางเป็นบุตรสาวของเจ้าเมืองและฟูเหรินของเจ้าเมือง นางทอดสายตามองจ่างซุนอู๋จี้ที่นั่งหลับตาในอ่างน้ำอย่างสงบนิ่ง นางมองใบหน้าอันหล่อเหลากว่าบุตรใดที่นางพบพาน นางไล่สายตามองมายังเรือนร่างเปลือยเปล่าของเขาที่สง่างามน่าเกรงขาม ผิวที่ขาวผ่องกล้ามเนื้อสวยได้รูปทำให้ความต้องการของนางพลุ่งพล่าน ใบหน้าขาวผ่องบัดนี้แดงก่ำด้วยความเขินอาย นางเองก็ไม่เคยเห็นเรือนร่างของผู้ชายไร้ซึ่งเสื้อผ้าอาภรณ์มาก่อน

ขันทีสองเปลืองผ้าของนางออกทั้งหมด เพื่อตรวจสอบว่านางไม่มีอาวุธติดตัว ถึงอย่างไรเขาก็ได้สังหารเตี่ยของนางไปอาจจะมีความแค้นที่อยากสังหารเขาก็ได้

“ไท่จื่อ เหล่าอิงบุตรสาวเจ้าเมืองมาเข้าเฝ้าพระเจ้าค่ะ” หวังเตอเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงนอบน้อม อู๋จี้ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองไปยังเหล่าอิงที่ยืนตรงกลางระหว่างขันทีทั้งสอง แล้วขันทีทั้งสองก็ถอยออก เช่นเดียวกับหวังเตอไปมีเพียงนางที่ยืนเปลือยเปล่าเพียงลำพัง แต่ทว่าสายตาของเขาช่างเรียบเฉยนิ่งสงบ

“ไปที่ตั่งเตียง” เขาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

“เพคะ” นางเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาด้วยความเขินอาย นางก้าวเดินไปตั่งเตียงและนอนลงตามคำสั่ง มองมายังเขาที่ลุกขึ้นจากอ่างน้ำด้วยท่าทีสง่างามประกอบกับหยาดน้ำที่เกาะตามลำตัวของเขา อีกทั้งดุ้นที่ใหญ่โตที่ยังหลับใหลอยู่ ทำเอานางลอบกลืนน้ำลายอย่างลืมตัว

อู๋จี้ก้าวเดินมายังตั่งเตียงเขากลับลากเรียวขาของนางโดยที่นางไม่ทันตั้งตัวทำให้นางรู้สึกตกใจอย่างยิ่ง แล้วเขาก็พลิกนางนอนคว่ำ จับเรียวขานางถ่างออก ใช้มือหนาจับดุ้นรูดขึ้นลงให้ดุ้นแข็งตัว นางหันกลับมามองเขามองดุ้นที่ขยายใหญ่กว่าเมื่อครู่ทำให้นางรู้สึกหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด ไม่ทันที่นางจะร้องท้วง เขาจับมันสอดเข้าไปในร่องก้นของนางช้าๆ

“ทะ...ไท่...ไท่จื่อ...หม่อมฉันเจ็บ...เจ็บเหลือเกิน...”

นางร้องครางกระเส่าแทบไม่ได้ยินเสียงออกมาจากริมฝีปาก ขณะที่ดุ้นยังเข้าไม่ถึงครึ่งนางก็หลั่งน้ำตาออกมาด้วยความเจ็บปวดราวกับมีดนับพันเข้ามาทิ่มของนาง

“เดี๋ยวก็ชิน” เขาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเรียบ ดันดุ้นเข้าไปจนสุดลำทำให้นางกรีดร้องดังออกมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาบนใบหน้างดงาม เขากระแทกเข้าออกไม่กลัวว่านางจะเจ็บปวดแต่อย่างใด มือหนาทั้งสองข้างจับสะโพกของนางเอาไว้ เพื่อไม่ให้นางซบลงบนตั่งเตียง

“ไท่...จื่อ...ไท่จื่อ...หม่อมฉันเจ็บ...งื้อ...งื้อ...”

นางซบใบหน้าลงบนหมอนสี่เหลี่ยมและกัดหมอนให้บรรเทาความเจ็บลงไปบางแต่เปล่าเลยเขาใช้มือหนากระชากผมของนางที่ดกดำ นางจึงลุกขึ้นนั่งคุกเข่าอย่างเลี่ยงไม่ได้ มือหนาทั้งสองขยี้หัวนมของนาง แล้วริมฝีปากของเขากัดที่ซอกคอจนเป็นรอยเขี้ยว เขาจับดุ้นของตนเองยัดเข้าไปในกลีบร่อง ทำให้นางสะดุ้งสุดตัว

“งื้อ...อืม...ไท่จื่อ...”

มือเรียวของนางจับแขนของเขาไว้ส่ายใบหน้าไปมาด้วยความหวาดเสียวปนเจ็บ แต่มันเต็มไปด้วยความสุขหฤหรรษ์อย่างเปลี่ยมล้น นางร้องครางดังอย่างต่อเนื่องพร้อมกับเสียงกระเส่าของเขาที่ดังออกมาเช่นกัน

“อืม...อืม...อา...”

เขากดนางนอนคว่ำลงอีกครั้ง ดันเข้าออกด้วยความเร็วและแรงจนนางรู้สึกเหมือนภายในเรือนร่างจะฉีกขาดจากกันให้ได้ เขาใช้มือหนาหวดก้นนางจนแดงช้ำ และยังคงกระแทกเข้าจนสุดดุ้น

ในที่สุดเขาก็ปล่อยน้ำกามออกมาในกลีบร่องของนางจนหมดสิ้น นางเองก็รู้สึกไร้เรี่ยวแรงที่จะหันใบหน้ากลับมา เขาจึงถอนดุ้นออกมาพร้อมกับน้ำกามที่หลั่งไหลออกจนมันเจิ่งนองในตั่งเตียง เขากลับไม่มีท่าทีจะเหนื่อยอ่อนแต่อย่างใด เขากลับลุกขึ้นจากเตียงทันที

“หวังเตอ” อู๋จี้เรียกหวังเตอ หวังเตอก้าวเดินเข้ามาพร้อมกับถาดที่ใส่ถ้วยยา เขายังไม่ลืมที่จะถวายบังคมอู๋จี้

“มีสิ่งใดจะรับสั่งหรือพระเจ้าค่ะ” หวังเตอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนอบน้อม

“พานางกลับห้องด้วย แล้วเรียกแม่ทัพกาน และแม่ทัพอู่มาพบข้าที่ห้องโถง” อู๋จี้เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ขณะที่นำเสื้อผาวมาสวมใส่ หวังเตอวางถาดถ้วยยาลงบนโต๊ะกินข้าวที่อยู่บนตั่งนั่ง และก้าวเดินไปช่วยเขาแต่งตัวพร้อมกับขันทีอีกสองคน

“พระองค์จะไม่พักผ่อนก่อนหรือพระเจ้าค่ะ” หวังเตอเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

“ข้าต้องได้ด่านตงเหอก่อนตะวันตก” อู๋จี้เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“น้อมรับพระบัญชา”

ห้าเดือนต่อมาหลังจากที่ไป๋ซู่ซู่มาอยู่ในเมืองหลวง จ่างซุนเซี่ยต้าหวางก็สวรรคต เพราะเป็นพิษไข้หนักประกอบกับเป็นโรคหัวใจทำให้จ่างซุนเซี่ยะสิ้นในอายุสี่สิบปี ผู้คนในวังหลวงและราษฎร์โศกเศร้าต่อการจากไปของต้าหวางพระองค์นี้

เยว่เหอต้าซื่อคงซึ่งเป็นผู้สำเร็จและเป็นเกอเกอของเยว่ชิง เขาได้ส่งพระราชสาส์นไปยังค่ายทหารแคว้นซูที่กำลังสู้รบกับแคว้นหานอยู่ให้ถอยทัพกลับมาวังหลวง และทูลเชิญจ่างซุนอู๋จี้ไท่จื่อครองราชย์เป็นต้าหวางตามคำสั่งเสียของจ่างซุนเซี่ยะ จ่างซุนอู๋จี้ยังคงเป็นห่วงเรื่องชายแดนอยู่ ให้แม่ทัพกานเม่าดูแลค่ายทหารแห่งนี้ (เกอเกอ แปลว่า พี่ชาย)

จ่างซุนอู่จี้เดินกลับมายังวังหลวงเพื่อสถาปนาตนเองเป็นต้าหวางโดยชอบธรรม สิ่งแรกที่จ่างซุนอู๋จี้ก้าวเข้ามาในวังหลวง เขาได้ไปที่ไท่จี๋กงที่เก็บโรงพระศพก่อนเข้าสุสานอีกสามวันข้างหน้า แต่ละก้าวเดินไปยังห้องโถง เหล่าขุนนางต่างถวายบังคม เหล่าขุนนางเหล่านั้นสวมใส่ผ้าดิบเพื่อไว้อาลัยต่อการจากไปของต้าหวาง อู๋จี้มองไปยังที่เยว่ชิงไท่โฮ่วสวมใส่ชุดสีขาวลายเมฆาสีดำที่ยืนอยู่ตรงหน้าขุนนางพร้อมด้วยเหล่าผิงเฟย หวางเย่และกงจู่ที่เกิดจากต้าหวางพระองค์ก่อนด้วยกันทั้งสิ้น

แต่ทว่าเขากลับสะดุดสายตากับหญิงนางหนึ่งที่อยู่ข้างๆ เยว่ชิง และนางสนองพระโอษฐ์ เพราะว่าหญิงสาวผู้นี้มากด้วยสิริโฉมราวกับต้องมนต์ นางมีเรือนร่างอวบอิ่มมีน้ำมีนวล ใบหน้างดงามราวสุกสกาวราวกับจันทร์เพ็ญเต็มดวงทอแสงบนฝากฝ้า ดวงตาทอแสงเป็นประกายช่างดูอ่อนหวาน พวงแก้มชมพูมีเลือดฟาดราวกับผลลูกท้อที่สุกงอม ริมฝีปากบางของนางราวกับแต่งแต้มด้วยสีอิงเถา ทว่านัยน์ตาของนางช่างหวานปนเศร้ายิ่งนักช่างยั่วเย้าใจ

จ่างซุนอู๋จี้ยังมองนางด้วยสายตาตกตะลึงไม่อาจละสายตาจากนางได้ เขาทำศึกพิชิตหลายแคว้นและชนเผ่ามาหลายปี กลับไม่เคยเห็นหญิงนางใดงดงามเท่ากับหญิงสาวตรงหน้าเลย อีกทั้งนางยังมีกิริยางดงามสมกับเป็นนางกำนัลของหวางโฮ่ว เขาได้พบเจอและหลับนอนกับหญิงสาวมามากมาย แต่พวกนางไม่เคยทำให้เขารู้สึกใจเต้นแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

เยว่ชิงหวางโฮ่วนางทอดสายตามองจ่างซุนอู๋จี้ บุตรชายของตนเองที่มองไป๋ซู่ซู่ด้วยสายตาตกตะลึงในความงามของนาง ไม่แปลกที่บุรุษเช่นเขาจะต้องใจสาวงามเช่นนาง เยว่ชิงเองเผยรอยยิ้มบางๆ เพราะนางล่วงรู้ความคิดของอู๋จี้ที่ชมชอบไป๋ซู่ซู่เข้าเสียแล้ว

“อู๋จี้ เจ้ากลับมาเหนื่อยๆ เจ้าจะนอนค้างตำหนักของข้า หรือจะกลับตงกง” เยว่ชิงหวางโฮ่วเอ่ยถามจ่างซุนอู๋จี้ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนที่มีต่อบุตรที่ไม่ได้พบเจอหลายปี เพราะเขาทำศึกพิชิตดินแดนอย่างต่อเนื่องจนไม่ได้กลับเมืองหลวง

“หม่อมฉันเสียมารยาทที่ไม่ได้ถวายบังคมเหนียงชิน หม่อมฉันจ่างซุนอู๋จี้ ถวายบังคมเหนียงชิน” อู๋จี้เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงนอบน้อม แล้วคุกเข่าใช้มือทั้งสองข้างผสานกัน โน้มตัวถวายบังคมเยว่ชิงโดยทันที (เหนียงชิน แปลว่า แม่)

“ตามสบายเถิด” เยว่ชิงเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม และประคองอู๋จี้ลุกขึ้นยืน อู๋จี้จับมือเรียวของเยว่ชิง แล้วค่อยๆ ปล่อยมือของนาง

“หม่อมฉันไม่ได้กลับมาดูใจฟู่จวินเลย หม่อมฉันอกตัญญูยิ่งนัก” อู๋จี้เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ทอดสายตามองไปยังโลงศพที่ทำมาจากไม้จันทน์ขาวและแกะสลักเป็นลายมังกร ยังตบแต่ด้วยเงินและทองคำฝังพลอยสีดำเป็นดวงตามังกรขนาดใหญ่บนฝาโลง (ฟู่จวิน แปลว่า เสด็จพ่อ)

“ต่อไปเจ้าต้องเป็นต้าหวางปกครองแคว้นซูของพวกเรา อนาคตของแคว้นซูอยู่ในมือของเจ้าแล้ว จงเป็นต้าหวางที่ดีปกครองแคว้นแคว้นให้รุ่งเรืองเฉกเช่นต้าหวางพระองค์ก่อนๆ และรวบรวมเผ่าต่างๆ และแว่นแคว้นมาเป็นส่วนหนึ่งของแคว้นซูให้จงได้” เยว่ชิงเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ลูกจะทำตามปณิธานของฟู่จวิน เพื่อผนวกสามแคว้นเป็นหนึ่งเดียว และทำให้แคว้นซูมั่นคงสืบต่อไป” อู๋จี้เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงมั่นคงและจริงจัง

“ขอให้ต้าหวางทรงพระเจริญ” เสียงของหยวนเจินมหาขันที ขันทีของจ่างซุนเซี่ยะเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงดังกึกก้องทั้งน้ำตา

“ขอต้าหวางทรงพระเจริญ” เสียงของเหล่าขุนนางเอ่ยบอกพร้อมเพรียงกัน อู๋จี้ลอบมองไป๋ซู่ซู่ที่ยืนเยื้องไปด้านหลังของเยว่ชิงเป็นระยะ

ไป๋ซู่ซู่ไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำว่า จ่างซุนอู๋จี้ทอดสายตามองนางด้วยสายตาเป็นประกาย ชมชอบนางและเสน่หาในตัวนางอย่างปิดไม่อยู่

อย่างที่รู้ดีว่าอู๋จี้มีผิงเฟยหลายสิบคนล้วนเป็นเครื่องบรรณาการที่เหล่าเจ้าเมืองและเผ่าต่างๆ มอบให้ พวกนางเป็นความเสน่หาเพียงชั่วข้ามคืน บางคนก็นอนกับเขาเพียงแค่คืนเดียว และพวกนางก็ไม่ได้มีลูกให้เขาแม้แต่คนเดียว ประการหนึ่งจ่างซุนอู๋จี้ไม่ค่อยไม่อยู่ในตงกง ประการที่สองเขาใช้ยาขับร้อนกับพวกนางหลังจากที่เสพสังวาสเสร็จทุกครั้ง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel