บทที่ 6 ผ้าคลุมไหล่เป็นเหตุ
เรี่ยวแรงของเธอสู้เขาไม่ได้ แค่ไม่กี่วินาทีท่อนขาของเธอก็สัมผัสกับความเย็นวาบ ธัญรดีหยุดยื้อยุดชายผ้าโดยพลัน แล้วใช้สองมือปิดป้องท่อนขาไว้ หากพอก้มดูก็พอโล่งใจ เพราะเธอยังใส่กางเกงขาสั้นตัวเดิม
บ้าบอที่สุด...เมื่อกี้ถ้าตัดสินใจถอดกางเกงตัวนี้ออก ตอนนี้เธอไม่ยืนล่อนจ้อนเหลือแค่กางเกงชั้นในตัวเดียวปิดท่อนล่างไปแล้วหรือ
ผ้าคลุมไหล่ผืนสวยอยู่ในมือของกันต์ เขากำมันไว้แน่น แล้วมองมองเธอด้วยสายตาขุ่นๆ
จากความกลัวและรู้สึกผิดที่หยิบของของเขามาใช้โดยไม่ได้ขออนุญาตก็แปรเปลี่ยนเป็นความโกรธขึ้ง
ทั้งสองหนุ่มสาวอยู่ในอารมณ์ไม่ต่างกัน ธัญรดีไม่เข้าใจว่าทำไมกันต์ถึงไร้มารยาทกับเธอถึงขนาดนี้
“บอกกันดีๆ ก็ได้ และฉันก็ขอโทษคุณแล้ว ทำไมคุณต้องทำกันถึงขนาดนี้ด้วย”
รู้ว่าผ้าคลุมไหล่แสนสวยเป็นของแบรนด์ดัง ราคาคงหลายหมื่น แต่ไม่นึกว่ากันต์จะหวงมันมากจนถึงขนาดปล้ำถอดออกจากตัวเธออย่างนี้...นี่คงเป็นอีกด้านของเขาที่เธอและเพื่อนไม่เคยรู้สินะ
‘กันต์น่ารัก อารมณ์ดี แพทอยู่ใกล้แล้วสบายใจ แพทยังจำได้เลยว่าตอนอยู่ชั้นอนุบาล กันต์เคยจีบแพทด้วย เขาเอาไอศกรีมมาเลี้ยงตอนพักเที่ยง บางทีก็เอาขนมจากที่บ้านมาให้ แต่พอเข้าเรียนประถม เราอยู่คนละห้อง เขาดันไปจีบสาวร่วมห้องคนใหม่ แพทงอนมากที่กันต์ไม่สนใจแพทอีก ทีนี้เขาก็กลับมาเอาขนมให้แพทเหมือนเดิม กันต์ตลกมาก เพื่อนๆ ยังแซวเลยว่ากันต์คบซ้อนตั้งแต่เด็ก ความจริงเขาเป็นคนมีน้ำใจ ที่สำคัญเป็นคนดีด้วย ไม่อย่างนั้นแพทคงไม่คบเขาเป็นเพื่อนมาจนถึงตอนนี้หรอก’
มุมปากอิ่มสวยกระตุกเบาๆ ดวงตาคู่สวยทอความหมิ่นแคลนตามความรู้สึกที่พุ่งพล่านอยู่ในอก
“คนดีที่ไหนเขาทำกันแบบนี้”
เรียวปากสวยเผยอเปิด ก่อนเธอจะเค้นคำพูดออกมา หากชายหนุ่มยังโต้กลับได้อย่างน่าเจ็บใจ
“ผมไม่เคยบอกว่าตัวเองเป็นคนดี คุณนั่นแหละ เมาอะไรมาหรือเปล่าถึงคิดไปเอง”
“ฉันพูดหรือยังว่าคุณเป็นคนบอก”
“แสดงว่าคนอื่นบอก” ใบหน้าบูดบึ้งเมื่อสักครู่เปลี่ยนอารมณ์ฉับพลัน ดวงตาคมทอประกายร้ายๆ หรี่มองเธอ “ใครล่ะที่บอกคุณ...ว่าแต่คุณสนใจผมถึงขนาดฟังเรื่องของผมจากคนอื่นด้วยหรือ”
ธัญรดีอ้าปากค้าง จนคำพูดที่จะโต้กลับ...นี่เป็นอีกภาคของกันต์ที่เธอไม่เคยนึกว่าเขาจะมีเลยจริงๆ
ชายหนุ่มมองเธออย่างผู้ชนะ ก่อนจะย่างเท้าออกไปด้านนอกพร้อมผ้าผืนนั้น และท่าทีบางอย่างของเขาทำให้หญิงสาวต้องวิ่งตามไปโดยไม่รู้ตัว
“คุณจะทำอะไร”
ธัญรดีโผไปจับมือของเขาไว้ด้วยสองมือของเธอ ชายหนุ่มชะงัก มองหญิงสาวอย่างคิดไม่ถึงว่าเธอจะกล้าทำ
“ทิ้งมันไง”
“จะบ้าเหรอ ฉันไม่รู้ว่าคุณมีความทรงจำอะไรกับผ้าผืนนี้ แต่เอะอะก็จะทิ้งของลงทะเล มันไม่ได้ทำให้คุณดูเท่หรอกนะ รู้ไหมว่าผ้าอาจคลุมหัวปลาสักตัวจนมันว่ายน้ำไม่ได้ หรืออาจถูกคลื่นซัดไปคลุมเต่าทะเล แล้วสัตว์พวกนี้ก็ต้องมารับกรรมเพราะความมักง่ายของคนอย่างคุณ”
ต่อว่าเขาไปแล้ว ธัญรดีก็รีบปิดปาก รีบปล่อยมือเขาแล้วถอยออกมา เพราะรู้ตัวว่าคำพูดของตนแรงไป...ไม่รู้ว่ากันต์จะโกรธหรือเปล่า
คนตัวบางที่ยืนก้มหน้าแล้วเสมองไปทางอื่น ผิดกับจอมเกรี้ยวกราดเมื่อสักครู่ราวกับเป็นคนละคนนั้นทำให้กันต์งงไปเหมือนกัน
หากเมื่อทบทวนคำพูดของแม่ตัวร้ายที่ต่อว่าเขาคนเป็นคนมักง่าย อารมณ์ของชายหนุ่มก็ไม่อาจสงบลงได้
เจ้าของเรือหนุ่มหล่อเดินกลับเข้าไปยังโถงเรือ แล้วทิ้งผ้าคลุมไหล่แสนสวยลงไปในถังขยะตรงบาร์เครื่องดื่มอย่างไม่ไยดี ปล่อยให้คนที่เดินตามหลังมานั้นได้แต่มองตามตาปรอยพลางคิดปลงๆ...
ผ้าผืนนั้นเป็นของเขา เขามีเป็นสิทธิ์ที่จะทำอะไรกับมันก็ได้
กันต์หายไปแล้ว ธัญรดีไม่รู้ว่าเขาไปอยู่ส่วนไหนของเรือ เรือลำนี้ก็ใหญ่พอสมควร ไม่รู้ว่ามีห้องหับตรงไหนบ้าง
เธอเดินไปนั่งบนเก้าอี้ตรงบาร์เครื่องดื่มซึ่งเคยเห็นกันต์นั่งอยู่เป็นประจำ พลันกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคออย่างยากลำบากเมื่อเห็นขวดน้ำในตู้เย็น
ดวงตาหวานกวาดมองรอบๆ เมื่อมั่นใจว่าไม่มีเขาอยู่บริเวณนี้ เธอจึงเข้าไปข้างในบาร์ หยิบขวดน้ำเทใส่แก้ว แล้วดื่มพรวดเดียวจนเกลี้ยงแก้ว
“สดชื่นจัง น้ำอะไร มีกลิ่นหอมด้วย...แล้ว เอ๊ะ! นั่นอะไร”
หญิงสาวพึมพำถามตัวเอง ก่อนจะตรงไปยังตู้อีกใบที่มีขวดน้ำสีสันต่างๆ วางเรียงกัน แล้วหยิบขวดที่อยู่ริมสุดออกมา
“ขวดนี้แหละ” ...น้ำผึ้งมะนาวที่เธอชอบ “ทีนี้ก็ต้องมีโซดา...น้ำผึ้งโซดามะนาวต้องมาแล้ว”
เมื่อของที่ต้องการอยู่ตรงหน้าครบแล้ว ขั้นตอนการผสมเครื่องดื่มเมนูโปรดจึงเริ่มขึ้น
“อืม...อร่อย เราก็มีฝีมือเหมือนกันนะ”
ชงเอง ชิมเอง และชมเอง ครบในคนเดียวกัน
น้ำผึ้งโซดามะนาวถูกจิบไปครึ่งแก้ว หญิงสาวก็ทำท่าจะถอยมานั่งบนเก้าอี้ตัวเดิม หากเสียงจากข้างหลังก็ดังขึ้น
“ขอผมแก้วหนึ่งสิ”
ร่างบางสะดุ้งโหยง เหมือนเด็กแอบกินขนมแล้วถูกจับได้ ดวงหน้านวลผ่าวร้อนอย่างน่าขัดใจ เจ้าหล่อนกลบเกลื่อนสีหน้าแล้วหันไปหาเขา
“คุณอยากได้น้ำดื่มหรือคะ”
กันต์บุ้ยใบ้ไปยังแก้วที่มีน้ำสีเหลืองอ่อนในมือของหญิงสาวแทนคำตอบ
“น้ำผึ้งมะนาว?”
เขาพยักหน้า แล้วบอก “รีบๆ นะ เดี๋ยวอาหารจะเย็นชืด ผมเอาขึ้นมาวางบนนี้แล้ว คุณมากินด้วย”
ธัญรดีมองตามเขา แล้วเห็นโต๊ะอาหารขนาดย่อมวางชิดผนังห้องโถงอีกด้าน พร้อมกับจานอาหารที่วางบนโต๊ะอย่างพร้อมเพรียง...ทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอยังไม่เห็นโต๊ะอาหารตัวนี้นี่นา
“เมื่อกี้ผมเอาขึ้นมาเอง”
เขาบอกเพราะอ่านคำถามจากสายตาของเธอออก หญิงสาวพยักหน้ารับรู้ แล้วก้มหน้าชงน้ำผึ้งโซดามะนาวสำหรับเขา เธอใช้เวลาไม่นาน มันก็เสร็จเรียบร้อย
กันต์นั่งรอเธออยู่ตรงโต๊ะอาหารแล้ว สายตาของเขาทอดมองผ่านหน้าต่างที่กรุกระจกเป็นทางยาวออกไปด้านนอก เมื่อธัญรดีมองตาม เธอก็เห็นเพียงความมืดมิดที่มีแสงไฟเป็นจุดอยู่ไกลๆ เธอไม่รู้ว่าแสงไฟเหล่านั้นคืออะไร แต่ไม่คิดว่ามันจะสำคัญถึงขนาดดึงดูดความสนใจของเขาให้เพ่งมองอยู่นานหลายนาทีหรอกนะ
หญิงสาววางแก้วเครื่องดื่มบนโต๊ะเบาๆ ซึ่งนั่นก็ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกตัว เขาหันกลับมาและสบตาเธอ
“ผมขอโทษ”
“ฉันขอ...”
สองเสียงประสานกัน พลันสีหน้าของธัญรดีก็จุดประกายเก้อเขินเพราะไม่ทันเตรียมใจไว้ หากต่างกับอีกคนที่ยังคงปั้นหน้านิ่งเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไร
“นั่งสิ”
เมื่อเขาเชื้อเชิญ หญิงสาวก็นั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงกันข้าม ชายหนุ่มไม่ได้สนใจเธออีก เขาจัดการอาหารตรงหน้าเหมือนกำลังหิวจัด
หากท่าทางของเขาก็ทำให้เธอลดความเกร็ง หญิงสาวจึงเริ่มรับประทานอาหารของตัวเองบ้าง เธอเลื่อนถ้วยซุปอุ่นๆ มาใกล้ตัวแล้วตักกินจนหมดถ้วย จากนั้นจึงวางช้อนลง แล้วนั่งรอเขา
“ไม่หิวหรือไง คุณยังไม่กินอะไรตั้งแต่ตอนเย็น”
“ปกติฉันไม่กินมื้อเย็นค่ะ ฉันมักเป็นกรดไหลย้อน เลยเลี่ยงกินอาหารมื้อดึก”
“เพิ่งทุ่มหนึ่งเอง”
“เดี๋ยวฉันก็นอนแล้ว”
“โอเค ตามใจ”
ธัญรดีกำลังลังเลว่าตนควรลุกจากโต๊ะอาหารหรือนั่งรอเขาต่อไป การนั่งอยู่เฉยๆ โดยที่คนตัวใหญ่อยู่ห่างแค่โต๊ะขนาดเล็กคั่นกลาง มันไม่ใช่เรื่องที่เธอจะทำตัวสบายๆ ได้เลย แต่ถ้าจะลุกออกไป...เขาจะว่าเธอเสียมารยาทไหมนะ
“กลับไปพักเถอะ วันนี้คุณคงเหนื่อยมามากแล้ว”
ธัญรดีเลิกคิ้วประหลาดใจ...เป็นอีกครั้งที่เหมือนกับว่ากันต์อ่านใจเธอได้ หญิงสาวมองเสี้ยวหน้าคมสันของคนที่ยังก้มหน้าก้มตากินอาหาร
“ค่ะ งั้นฉันกลับห้องพักก่อน”
หญิงสาวทำท่าจะลุกขึ้น หากเมื่อนึกบางอย่างได้ เธอจึงบอกย้ำเขา เพราะกลัวว่าเขาจะลืม
“พรุ่งนี้ฉันรบกวนคุณช่วยติดต่อโรงแรมให้ส่งเรือมารับฉันกลับด้วยนะคะ” …เธอบอกชื่อโรงแรมพร้อมกับเลขที่ห้องพักให้เขาไปด้วย
กันต์เงียบ ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ ธัญรดีจึงหันกายเดินออกมาเสีย
“คุณใช้ของในห้องพักได้ทุกชิ้น รวมถึงเสื้อผ้าในตู้ด้วย”
เสียงห้าวทุ้มลอยตามมาเมื่อหญิงสาวเดินห่างจากโต๊ะมาได้หลายก้าว เท้าบางเกือบหยุดชะงักด้วยความประหลาดใจได้โถมหาเป็นครั้งที่สอง แต่เธอเลือกที่จะไม่หาคำตอบ เพราะพรุ่งนี้เธอก็จะกลับโรงแรมแล้วเดินต่อไปในเส้นทางของเธอ