บท
ตั้งค่า

บทที่๔...ประสานเป็นหนึ่ง (๑)

บทที่๔...ประสานเป็นหนึ่ง

รถยนต์จอดหน้าร้านขนมเรนโบว์หลังจากโทรหาภรรยาแล้วหล่อนบอกมาพบน้องสาวที่นี่ กำลังจะลงจากรถแต่ประตูข้างคนขับกลับถูกเปิดเสียก่อน ตกใจเล็กน้อยแต่ไม่ได้แสดงอาการอะไรออกไปมาก นอกจากมองรอยยิ้มกว้างที่ส่งให้

งานวันเกิดของคุณพินมาดาผ่านไปกว่าสัปดาห์ ท่านมีความสุขมากยิ้มตลอดงานแถมเอ่ยชมลูกสะใภ้ไม่ขาดปาก ตัวติดกันอย่างกับปาท่องโก๋จนเขาเริ่มอิจฉาแม่ ทีกับตนหล่อนตีตัวออกห่าง ขนาดไล่ต้อนก็มีทางหนีอื่น

ตั้งแต่แต่งงานจนถึงวันนี้ ยังไม่ได้ทำหน้าที่สามีอย่างสมบูรณ์แบบเลย

“เอ่อ ตาลฝากมาให้บอกสวัสดีพี่เขยแล้วก็ขอโทษที่ไม่ได้ออกมาทักทาย พอดีน้องกำลังยุ่งกับการทำขนมน่ะค่ะ” ยื่นขนมปังไส้ลูกตาลให้คนตรงหน้า รสนี้ขายดีที่สุดแต่เธอก็แอบเก็บไว้ให้สามีหนึ่งชิ้น

เขาชำเลืองมองขนมแล้วพยักหน้า ได้ยินแต่ชื่อไม่เคยเห็นตัวจริงสักครั้ง ทั้งจากเพื่อนที่ทำงานพูดถึงและภรรยากำลังกล่าวชื่อหล่อน

“คุณกับน้องสาวหน้าตาเหมือนกันมากไหม” ชลธรนิ่งสักครู่แล้วพยักหน้า

“เหมือนมากค่ะ แต่เสียดายเราไม่ค่อยได้ถ่ายรูปด้วยกัน เลยเอาให้คุณดูไม่ได้” พี่สาวกับเธอแทบไม่เจอหน้ากันด้วยซ้ำ ตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยชลชินีก็ไปพักอยู่คอนโดใกล้ที่เรียน โดยมีบิดาเป็นคนสนับสนุนทุกอย่าง

ส่วนน้องสาวก็ไปกลับมหาวิทยาลัยและบ้าน คอยดูแลงานบ้านงานครัวแต่ดีที่มีพี่ฝนคอยช่วยเหลืออีกแรง ตอนนี้มารดาของเธอก็อยู่กับแม่บ้านลำพัง วันก่อนพี่ฝนก็โทรมาทักทาย ทั้งยังสงสารที่หล่อนต้องสวมรอยเป็นแฝดคนพี่

“ไม่ได้อยากดู แล้วนิสัยล่ะ เหมือนกันไหม” เตชน์ไม่เห็นว่าฝาแฝดของภรรยาจะมีความสำคัญอะไรกับตนเอง ในเมื่อคนที่เขาจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยคือหล่อน ไม่ใช่อีกคนซักหน่อย

“ต่างนะคะ ตาล..เขาค่อนข้างเงียบ ไม่ค่อยพูด ส่วนฉันก็พูดมากพูดเยอะอย่างที่เห็น” เผลอเรียกชื่อตนเองแล้วรีบเติมประโยคให้ลื่นไหล

ที่จริงนิสัยหล่อนกับพี่สาวก็ต่างกันค่อนข้างมาก โดยเฉพาะความทะเยอะทะยานที่ชลชินีพุ่งมากกว่าร้อยซะอีก ทั้งยังฉลาดเป็นกรดไม่เคยสอบได้คะแนนต่ำกว่าเก้าสิบสักครั้ง เกรดเฉลี่ยสะสมทุกเทอมอยู่ที่ 4.00 ทำให้บิดาภูมิใจ

ส่วนเธอน่ะเหรอ ขอแค่ผ่านไปได้ในแต่ละวิชาก็เก่งแล้ว ตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็อ่านหนังสือเกือบถึงรุ่งเช้าทุกวัน ทั้งที่จริงอยากเข้าคหกรรมตามความชอบและถนัด แต่มารดากลับขู่แกมบังคับให้เข้าบัญชีแทน เพื่อพ่อจะได้ภูมิใจ

หล่อนไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเอาชีวิตไปผูกติดกับคุณอนุวัตขนาดนั้น ทุกอย่างต้องเป็นไปดังใจของท่านเลยหรือไง

เคยปรับทุกข์กับพี่ชายต่างมารดาอย่างปุริม ฝ่ายนั้นก็แหกคอกเหมือนกันจนไม่ได้รับความสนใจจากบิดา แต่ทุกวันนี้กลับสร้างชื่อเสียงและเงินทองในหน้าที่การงานด้วยตัวเอง แอบอิจฉาเหมือนกัน ไม่รู้วันนั้นของหล่อนจะมาถึงเมื่อไหร่

“เอ๊ะ ไม่ใช่ทางกลับบ้านนี่คะ” นั่งไปได้สักพักก็เริ่มเอะใจ หันมองซ้ายขวาพบว่ารถยนต์กำลังมุ่งหน้าไปนอกเมือง

“ก็ไม่ได้บอกจะพากลับบ้าน” ดวงตาฉายแววงุนงง หันมามองคนขับที่แอบยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์

“อะไรกันคะ คุณจะพาฉันไปไหน” สีหน้าฉงนช่างน่ารักในสายตาของเตชน์เหลือเกิน จนอดเอื้อมมือไปลูบหัวมนไม่ได้

“เรายังไม่ได้ฮันนีมูนกันเลย ฉันเลยจะพาเธอไปฮันนีมูนซักหน่อย” ฟังจบก็เบิกตากว้าง แต่ละคืนต้องหาทางรอดพ้นจากเงื้อมมือของเขามันยากมากแค่ไหน

คุณหมอเตชน์ผู้สุขุมเย็นชากลายร่างเป็นชายหื่นกามที่มักจะหาวิธีลวนลามภรรยาตลอดเวลา ถ้าไม่ตั้งสติให้ดีเสียจูบหลายครั้งต่อวันก็มี จนกลายเป็นความเคยชินที่น่ากลัว...

เพราะความจริงแล้วเธอไม่ใช่ชลชินีภรรยาของเขา

“ไม่ต้องก็ได้นะคะ อีกอย่างฉันไม่มีเสื้อผ้ามาเปลี่ยนด้วย” เตือนตัวเองหลายครั้ง บอกซ้ำหลายหนว่ามันไม่ถูกต้อง แต่เพราะตอนนี้หัวใจมันไม่รักดีเสียแล้ว

เป็นครั้งแรกที่อยากได้คนของพี่สาวมาครอบครอง หล่อนไม่เคยร้องขออะไรจากบิดามารดาสักครั้ง แม้แต่อิสรภาพของตนก็ไม่คิดเอ่ยปาก

แต่มาวันนี้ดูเหมือนเตชน์จะเป็นคนที่หล่อนอยากครอบครอง...

ทำไมคนที่ต้องแต่งงานถึงไม่ใช่เธอ เรื่องทุกอย่างมันคงง่ายกว่านี้ ความผิดอยู่ตรงไหน อาจเริ่มตั้งแต่หล่อนไม่ใช่ลูกสาวที่บิดารักหรือเปล่า จึงถูกมองข้ามมาโดยตลอด

“ฉันให้นาวจัดกระเป๋าของเธอวางอยู่หลังรถ คราวนี้ก็ไม่มีข้ออ้างแล้วใช่ไหม” หันมามองแล้วกลับไปขับรถต่อ

หมอเตชน์พูดขนาดนี้แล้วหล่อนจะปฏิเสธได้อย่างไร สุดท้ายก็ทำเพียงเหม่อมองไปข้างนอกเพื่อหลีกหนีจากความรู้สึกผิด จากที่คิดให้เขาหย่าดันติดบ่วงซะได้

ถ้าพี่สาวกลับมาจะทำอย่างไร เรื่องมันยิ่งยุ่งไปกันใหญ่เพราะความรู้สึกที่ดันมาเกิดแบบปุบปับ ยี่สิบแปดปีผ่านมาไม่เคยมีใครเข้ามาอยู่ในหัวใจได้เลย แล้วทำไมถึงมอบให้กับบุคคลต้องห้ามอย่างเขาเสียได้

ลอบถอนหายใจเสียงเบาด้วยใบหน้าเคร่งเครียด ทำอย่างไรให้เตชน์เกลียดและยอมหย่า...

พยายามนึกหาวิธีไปสักพักก่อนจะผล็อยหลับด้วยความเหนื่อย คนขับหน้าหล่อหันมามองแล้วก็แอบอมยิ้ม ใบหน้าเนียนใสเห็นเลือดฝาดอยู่บนแก้มทำเอาอกใจไม่ไหวยื่นมือไปเกลี่ยแผ่วเบา เห็นแล้วก็อยากกดจมูกลงซักฟอด

นับวันหล่อนยิ่งน่ารักน่าใคร่มากขึ้นในสายตาของเขา อยากหอมอยากกอดตลอดเวลา การมีความรักอีกครั้งมันกระชุ่มกระชวยแบบนี้เอง เขาคงห่างหายจากความรู้สึกนี้ไปนานมากทุกสิ่งเลยแปลกใหม่ไปหมด

“ถึงแล้ว” ลืมตาอีกทีก็อยู่ลานจอดรถของโรงแรมขนาดใหญ่ คนเพิ่งตื่นงัวเงียแล้วมองนอกรถที่มืดครึ้มบ่งบอกว่าอยู่ช่วงหัวค่ำ มองยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูก็ตกใจเพราะเป็นเวลาเที่ยงคืนกว่าแล้ว ทำไมเวลาผ่านไปเร็วขนาดนี้

“เราอยู่ที่ไหนกันคะ”

“สุราษฎร์ฯ” ไม่คิดว่าคุณหมอจะพามาไกลขนาดนี้ เขาลงจากรถแล้วถือกระเป๋าสะพายของตนและกระเป๋าของภรรยาที่แม่บ้านเป็นคนจัดเตรียมไว้ให้ ร่างบางรีบลงมาแล้วเดินแกมวิ่งไปแย่งกระเป๋าใบเล็กมาถือไว้

พอจะหันไปคุยก็มีพนักงานเดินเข้ามารับเสียก่อน พวกเขาได้รับคีย์การ์ดและขึ้นไปยังที่พัก ค่ำคืนเช่นนี้แทบไม่มีผู้คนเดินผ่าน

“เราจะนอนที่นี่คืนเดียวและพรุ่งนี้ค่อยไปพักที่อื่น” เหมือนว่าชายหนุ่มจะเตรียมทุกอย่างไว้แล้ว สาเหตุที่เลือกเดินทางวันศุกร์เพราะต้องการอยู่เที่ยวกับหล่อนหลายวัน

เตชน์คิดและวางแผนทุกอย่างมาเป็นอย่างดี การฮันนีมูนครั้งนี้ทุกอย่างต้องสมบูรณ์แบบ

“คุณอาบน้ำก่อนเถอะค่ะ ขับรถมาทั้งคืน” เขาไม่ปฏิเสธเพราะตอนนี้เหนื่อยและง่วงจริงๆ จึงเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า

เมื่อเขาออกมาคนเป็นภรรยาก็เข้าไปจัดการตัวเอง ดวงตาคมเหลือบเห็นขนมที่ชลธรทำมาให้เลยเปิดกิน กัดเข้าไปคำเดียวก็อึ้งกับความอร่อย เขากินทีเดียวหมดทั้งก้อนแถมยังเสียดายที่มีเพียงชิ้นเดียว

ฝีมือของน้องสาวภรรยาไม่เลวเลยทีเดียว แต่อย่างไรเมียเขาก็เก่งกว่าอยู่ดี เข้าข้างเพราะความรักล้วนๆ

คืนนั้นพวกเขาต่างนอนหลับด้วยความเหนื่อย ตื่นมาอีกวันก็เก้าโมงเช้าจึงรีบไปรับประทานอาหารเช้า แล้วค่อยเก็บกระเป๋าเพื่อเช็คเอาท์ออกจากโรงแรม

“เรานอนแค่คืนเดียวเหรอคะ” ชายหนุ่มพยักหน้า

“อือ” แทบไม่รู้แผนเลยว่าเขาจะไปที่ไหนบ้าง หล่อนมองข้างนอกเห็นการใช้ชีวิตที่ต่างจากคนเมือง ไม่ได้มาเที่ยวนานแค่ไหนแล้วนะ

หญิงสาวไม่ค่อยมีเพื่อน ส่วนเพื่อนสนิททั้งสองคนต่างก็ยุ่งกับหน้าที่การงาน ส่วนมากจะมีวสันต์ที่ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยจนคนเอ่ยล้อว่าเป็นแฟน แต่หล่อนรู้ดีแก่ใจว่าไม่มีทางพัฒนาความสัมพันธ์

ยิ่งช่วงหลังยุ่งกับงานละครและร้านขนมที่รุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ ช่วงนี้ขายดีจนเริ่มคิดจะสร้างสาขาสอง แต่ไม่มีคนช่วยดูแลถึงได้เปลี่ยนเป็นการส่งขายดิลิเวอรี่ ส่วนงานละครก็ได้พี่สะใภ้อย่างเรนิตาคอยดูแลอีกแรง ส่วนมากหล่อนจะรับบทรองหรือบทสมทบมากกว่า ไม่มีเวลาว่างขนาดจะเล่นเป็นตัวเอก แถมฝีมือก็ยังไม่เข้าขั้นต่างหาก

หลายคนบอกเธอจะดังได้กว่านี้ถ้าไม่มีข้อแม้เกี่ยวกับเวลา เพราะต้องแบ่งมาทำงานที่ร้านขนม ไม่อยากทิ้งความฝันด้านนี้ของตนเอง

จอดรถไว้ยังโรงกว้างแล้วถือกระเป๋าเพื่อไปขึ้นเรือ ระหว่างทางเธอก็ตื่นตาตื่นใจยกโทรศัพท์ขึ้นมาบันทึกภาพไว้ตลอด มีความสุขจนดวงตาเป็นประกาย ได้แตะน้ำทะเล มองบรรยากาศที่สดชื่นต่างจากเมืองหลวง

พวกเขามายังเขื่อนเชี่ยวหลาน สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของจังหวัด ชายหนุ่มพามายังที่พักซึ่งเป็นแพไม้ขนาดเล็ก อยู่ริมสุดค่อนข้างเป็นส่วนตัว พวกเขาเปิดเข้ามามีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และที่สำคัญดันเป็นเตียงนอนใหญ่ไม่ใช่เตียงคู่อย่างที่หล่อนคิด

“มีอ่างน้ำส่วนตัวด้วยเหรอคะ” ด้านข้างมีระเบียงและวางอ่างน้ำส่วนตัวไว้ให้ลูกค้า บรรยากาศวันนี้ค่อนข้างดี ฟ้าเปิดแต่ไม่ค่อยร้อน สามารถทำกิจกรรมยามกลางวันได้สบาย

“เดี๋ยวตอนเย็นเราค่อยเล่นด้วยกัน ตอนนี้ไปพายเรือดีกว่า” คว้าแขนเรียวมาจับเอาไว้แล้วพาไปข้างนอก ชายหนุ่มจองเรือไว้เรียบร้อย

พวกเขานั่งเรือออกมาชมบรรยากาศแสนสวย มองน้ำสีมรกตแล้วเก็บภาพบรรยากาศเอาไว้ หล่อนให้เขาถ่ายรูปตนเองจนความจำเกือบเต็ม

แน่นอนว่าที่ขาดไม่ได้คือจุดยอดนิยมอย่างเขาสามเกลอหรือหลายคนรู้จักกันในนามกุ้ยหลินเมืองไทย เนื่องจากมีบรรยากาศคล้ายกับสถานที่ท่องเที่ยวในจีนจึงได้รับการขนานนามนี้

พวกเขาชมความสวยงามพลางพูดคุยกันอย่างมีความสุข เตชน์กลายเป็นคนช่างคุยลืมภาพชายหนุ่มมาดขรึมไปได้เลย และชลธรก็มีความสุขเป็นอย่างยิ่งจนอยากหยุดเวลาเอาไว้ที่ตรงนี้

“พักก่อนไหม เดี๋ยวตอนเย็นเขาจะพาไปเดินถ้ำ” กลับมาที่พักก็ชวนกันนอนพักผ่อน ไหนจะเหนื่อยจากแดดที่คิดว่าไม่ร้อน ทว่าพออยู่กลางแจ้งก็ผิวแทบไหม้ ดีที่ทาครีมกันแดดไปเยอะพอสมควร

สองสามีภรรยาจึงได้นอนหลับรอเวลา จนกระทั่งถึงช่วงเย็นที่จะไปถ้ำปะการัง พวกเขาเปลี่ยนชุดเพื่อให้สะดวกในการเดินป่า เตรียมอาหารและน้ำให้พร้อมแล้วค่อยมาสมทบกับคนที่ไปด้วยกัน

พวกเขาตื่นตาตื่นใจกับความสวยงามของหินงอกหินย้อยที่เกิดตามธรรมชาติ ความเย็นของถ้ำทำให้คนตัวสูงแทบตระกองกอดคนรัก แต่เพราะยังอายสายตาคนรอบข้างจึงทำได้เพียงเดินเคียง

ใช้เวลาอยู่ข้างในสามสิบนาทีก็พากันกลับที่พัก ถ่ายภาพเอาไว้เยอะจนความจำเกือบเต็ม ทุกอย่างตื่นตาตื่นใจไปหมด อาจเพราะไม่ค่อยได้มาเที่ยวจึงเห็นอะไรก็อยากเก็บไว้ดูยามคิดถึง

คงเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้มาเที่ยวกับเขา ถ้าพี่สาวกลับมาและทำเรื่องหย่า ทุกอย่างก็สิ้นสุดลง...

“มีหมูกระทะด้วยเหรอคะ” กลับมาถึงแพก็เข้าไปอาบน้ำ โดยที่ชายหนุ่มจัดการเรื่องอาหาร พอออกมายังระเบียงด้านหน้าก็เห็นเขากำลังง่วนกับอาหารตรงหน้า

“ใช่ คิดว่าเธอน่าจะชอบ” หล่อนพยักหน้าทันทีแล้วเข้ามาจัดการย่างหมูบนเตา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel