บทที่๔...ประสานเป็นหนึ่ง (๒)
“เดี๋ยวฉันจัดการเองค่ะ คุณไปอาบน้ำเถอะ” คุณหมอไม่ได้ขัด เดินเข้าไปชำระร่างกาย พอออกมาอีกทีก็เห็นภรรยากำลังเอร็ดอร่อยกับอาหารตรงหน้า
“เอ่อ ฉันแค่ชิมดูค่ะว่าอร่อยไหม ชิมได้สองสามคำเอง” เข้ามานั่งตรงข้ามพลางอมยิ้มเล็กน้อยกับท่าทีน่าเอ็นดู
“แล้วอร่อยไหม”
“อร่อยมากค่ะ คุณเตชน์ต้องลองกินดูนะคะ เดี๋ยวฉันตักให้เอง” บริการเต็มที่เพราะตนแทบไม่ได้ใช้เงินเลยตั้งแต่มาเที่ยว ค่าที่พักค่าอาหารร่างสูงจัดการทั้งหมด
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นหล่อนจึงขอตัวไปรับ พอเห็นว่าเป็นมารดาก็แอบถอนหายใจด้วยความเหนื่อย แค่คิดว่าต้องทะเลาะกับท่านความสุขก็หมดลงแล้ว
“ค่ะแม่” ทักทายแต่กลับโดนปลายสายตะคอกกลับ
“แกไปเที่ยวกับหมอเตชน์เหรอ” ไม่คิดว่าท่านจะทราบ หญิงสาวไม่เคยเล่าให้ฟังว่าระหว่างอยู่ในชื่อของชลชินีเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ความรู้สึกที่มีต่อพี่เขยมันพัฒนาขึ้นอย่างไร แล้วดูเหมือนท่านก็ไม่ได้อยากรู้เท่าไหร่ ผ่านมาเกือบเดือนเพิ่งจะมาสนใจก็ตอนนี้
“มันไม่ทันตั้งตัวน่ะแม่” พยายามใจเย็นแล้วบอก
“ฉันรู้นะว่าแกต้องการแย่งหมอเตชน์ไปจากยายหวาน หยุดความคิดของแกเดี๋ยวนี้นะยายตาล นั่นผัวพี่แก หน้าที่ของแกคือต้องรักษาหน้าตาของพี่สาวไว้ อย่าริทำอะไรให้เสียมาถึงยายหวาน เข้าใจไหม” คนสำคัญของท่านก็ยังเป็นลูกสาวคนโตอยู่ดี
“ค่ะ”
“จำไว้ว่าแกกับหมอเตชน์เป็นพี่เขยน้องเมีย ห้ามทำอะไรล้ำเส้นเด็ดขาด” ย้ำสถานะที่หล่อนเองก็เจ็บปวดทุกครั้งเวลานึกถึง ริมฝีปากเม้มแน่นค่อยตัดสายแล้วทิ้งแขนลงข้างลำตัว
หลับตาพลางสูดลมหายใจเข้าปอด สลัดความเศร้าทิ้งเพื่อไปเผชิญหน้ากับเตชน์ ไม่ต้องการถูกถามว่าเกิดอะไรขึ้น
“ใครโทรมาเหรอ” ร่างบางกลับมานั่งที่เดิมพร้อมคีบหมูกินอย่างเอร็ดอร่อย
“แม่น่ะค่ะ ท่านโทรมาถามเรื่องทั่วไป เอ๊ะ มีเบียร์ด้วยเหรอคะ” เห็นกระป๋องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จึงเอ่ยอย่างสงสัย
“อือ ลองไหม” ยกไปตรงหน้า ถ้าอยู่ในเวลาปกติเธอคงปฏิเสธ แต่พอเจอคำพูดจาทำร้ายจิตใจจึงอยากลองบ้างว่าน้ำสีอำพันจะช่วยให้ลืมไหม
“ก็ดีค่ะ” ดื่มลงคอจนหมดครึ่งกระป๋อง รสชาติมันก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด หล่อนจึงหยิบมาดื่มหลายกระป๋องพร้อมคีบหมูกินไปด้วย
ดวงตากลมเศร้าจนคนตรงหน้ารับรู้ได้ ไม่ได้ห้ามเธอกลับคีบหมูและปลาหมึกลงบนจานของเธอ ส่วนคนตัวเล็กก็กินไปเรื่อยกระทั่งท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีมืดครึ้ม
พวกเขาจึงให้พนักงานมาเก็บเตาและเข้ามาพักผ่อนภายในห้อง หญิงสาวนั่งบนพื้นแล้วเปิดโทรทัศน์ดูภาพยนตร์ต่างประเทศ หยิบขนมมากินทั้งที่กินของคาวไปเยอะแล้ว
ร่างสูงตอบคำถามทางการแพทย์ในไลน์ซึ่งส่งมาถามเยอะมาก หน้าคมเคร่งเครียดกับการตอบ พวกเขาต่างอยู่ในโลกของตัวเองร่วมชั่วโมง จนกระทั่งคุณหมอปิดโทรศัพท์แล้วเดินมานั่งกับภรรยา
“อ่ะ คุณเตชน์” เขาไม่ได้นั่งข้างกายแต่กลับยกหล่อนมานั่งระหว่างขาแล้วโอบกอดเอวเล็กไว้แทน ชลธรพยายามดิ้นหนีแต่ก็ไม่รอด
“ฮันนีมูนใครให้ห่างกัน” ข้ออ้างมากกว่า
แทบทั้งวันพวกเขาไม่ได้ใกล้ชิดกันเลย พอมีเวลาส่วนตัวร่างสูงจึงอยากสัมผัสคนตัวเล็ก โอบกอดเอาไว้ด้วยความรักและหวงแหน
“ดูเรื่องอะไร” สูดดมกลิ่นหอมจากร่างบางแล้วจ้องมองโทรทัศน์ที่กำลังฉายภาพยนตร์ต่างประเทศ
“แฮร์รี่พอตเตอร์ค่ะ” หนังดังถูกนำกลับมาฉายอีกครั้ง และดูเหมือนจะได้รับกระแสที่ดี อาจเพราะเป็นหนังฟอร์มใหญ่ที่ผู้คนทั่วโลกรู้จัก ถึงจะผ่านมาหลายปีความนิยมก็ไม่เสื่อมคลาย
พวกเขานั่งดูหนังด้วยกันไม่มีใครพูดอะไร ชลธรรู้สึกผ่อนคลายจึงเอนกายพิงเขา หยิบขนมขึ้นมากินจนหมดถุง ค่อยยกเบียร์ขึ้นจิบอย่างมีความสุข
ความสัมพันธ์ที่เธอต้องการ มันกลับไม่ใช่ของตน...
‘ถ้าฉันไม่ใช่คนที่คุณรู้จัก คุณยังจะดีกับฉันไหม’ คิดในใจไม่กล้าเอ่ยออกไป ดวงตากลมเหม่อลอยดูหนังตรงหน้าไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำ
“ไม่เอานะคะ” ย่นคอหนีเมื่อปากหนางับเข้าที่ติ่งหู ท้องไส้ปั่นป่วนกับการกระทำของเขาจึงพยายามเอ่ยห้าม แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลซะแล้ว
คุณหมอหนุ่มพยายามระงับอารมณ์ของตนเองอยู่นาน แต่พอคิดได้ว่าทำไมต้องหักห้ามใจ ในเมื่อคนในอ้อมกอดเป็นภรรยาก็ตัดสินใจเดินทางทันที
มือหนาสอดเข้าไปภายใต้เสื้อยืดเพื่อครอบครองดอกบัวงามทั้งสอง เสียงลมหายใจของหล่อนหอบถี่ แรงปรารถนาแทบล้นออกมาจนต้องจิกมือตัวเองแน่น หมอเตชน์ไม่หยุดแค่นั้นเพราะเลื้อยไปเลิกกระโปรงยาวขึ้นมาก่อนจะล้วงเข้าไปสัมผัสความบอบบางของกายสาว
ลมหายใจสะดุด ขณะที่ลำตัวกระตุกกับสัมผัสวาบหวิว ไม่รู้เป็นเพราะแอลกอฮอล์หรือเปล่าที่ทำให้เธอหลงลืมคำพูดที่จะบอกปัด ความอยากรู้อยากลองขับเคลื่อนให้ทุกอย่างดำเนินไปผิดรูปผิดรอย
สองนิ้วค่อยหายเข้าไปในช่องสีกุหลาบ น้ำสีขุ่นไหลเปรอะตามนิ้วมือของชายหนุ่มพร้อมกับแรงตอดรัดเจียนแทบคลั่ง
“คุณเตชน์ อ่ะ อย่า” กว่าจะควานหาเสียงตัวเองได้
กายแบบบางเอนพิงอกหนา ถึงจะห้ามแต่กลับแอ่นกายรับมือที่ปัดป่ายทั่วร่างของตนเอง มือข้างที่ว่างเลื่อนมาเลิกชุดชั้นในให้กองที่เนินอก ทำให้ดอกบัวตูมยิ่งเบียดชิดน่าเชยชมจนต้องบีบเคล้นอย่างมันมือ
เสียงครางในลำคอของร่างสูงบ่งบอกเป็นอย่างดีว่าเขากำลังมีความสุขมากแค่ไหน ผิวขาวนวลขึ้นสีแดงจากการถูกสัมผัส พยายามเม้มปากแน่นไม่ให้เผลอส่งเสียงครางแต่มันก็ยากเหลือเกิน
ความรู้สึกที่เหมือนกำลังโบยบินอยู่บนท้องฟ้า เท้าแตะปุยเมฆนุ่มมันดีแค่ไหนเพิ่งจะเคยสัมผัส แต่ขณะเดียวกันนั้นความร้อนรุ่มก็เข้าครอบคลุมร่างกาย คำว่าอยากบินเข้ากองไฟหล่อนรู้ซึ้งดีแล้ว
“เป็นยังไงบ้าง ชอบไหม” เพิ่มจำนวนนิ้วเป็นสาม และเร่งความเร็วจนคนที่พยายามปิดปากเงียบต้องส่งเสียงครางลั่นห้อง
ท้องน้อยเสียวปลาบทั้งหายใจเร็วถี่เหมือนกำลังวิ่งตลอดเวลา ไม่เคยต้องการขนาดนี้มาก่อน ปากบอกไม่ชอบแต่ร่างกายและจิตใจตอนนี้กลับเร่งเร้าให้เขารีบทำเพื่อจะได้พานพบสายรุ้งอยู่ปลายทาง
“ยังไม่ใช่ตอนนี้คนดี” พูดจบก็เอานิ้วออกพร้อมกับอุ้มร่างบางด้วยท่าเจ้าสาวขึ้นไปนอนบนเตียงกว้าง
วันแต่งงานละทิ้งหน้าที่ไปแล้วเพราะเรื่องธรรมชาติของผู้หญิงซึ่งยากจะควบคุม มาวันนี้ชายหนุ่มต้องการทำหน้าที่สามีอย่างสมบูรณ์แบบ และแน่นอนว่ามันไม่ได้เกิดจากความต้องการเพียงอย่างเดียว
กระโปรงยาวถูกถอดออกจากร่างขาวผ่อง เสื้อยืดโดนโยนลงบนพื้นอย่างไม่ไยดี ขณะที่คุณหมอก็จัดการลอกคราบตนเองจนเหลือเพียงร่างกายเปล่าเปลือย และความเป็นชายที่แข็งขืนจนคนมองต้องตาโตกับขนาดของมัน
เธอยกมือขึ้นมาปิดทรวงอกและดึงชั้นในลงให้เรียบร้อย ทว่ายังไม่ทันได้หนีก็ถูกเขาทาบทับเสียแล้ว คนมือไวเอื้อมไปปลดตะขอชั้นในด้านหลังแล้วโยนมันลงบนพื้น ก้มลงมาชิมความหวานด้วยปาก ทำให้ยอดปทุมถันเปียกชื้นไปหมด
“กลั้นไว้ทำไม ร้องออกมาเลย” รู้ว่าจุดอ่อนของหล่อนคือตรงไหน เพราะยามใดที่เขาแตะใบหน้าหวานก็จะเหยเก ทั้งยังแอ่นกายเข้าหาโดยไม่รู้ตัวอีก
“มะ ไม่” พูดได้เท่านั้นก็รีบเม้มปากแน่น ผู้ชายคนนี้ชักจะเก่งเกินไปแล้ว
เตียงนอนขนาดกว้างสำหรับฮันนีมูนถูกใช้อย่างคุ้มค่าก็วันนี้ ผ้าม่านเปิดออกทำให้เห็นวิวธรรมชาติแสนสวย โดยคนภายในห้องปิดไฟมืดสนิทเพื่อทำการเข้าห้องหออย่างเต็มรูปแบบ
ถึงอย่างนั้นแสงไฟจากข้างนอก และแสงจันทร์จากธรรมชาติก็สาดส่องเข้ามาทำให้เห็นความสวยงามเบื้องหน้า มุมปากหนายกยิ้มพลางหยอกล้อกับเนินเนื้อด้านบนอย่างมีความสุข
เหงื่อกายไหลซึมบนเตียงนอนทั้งที่เปิดเครื่องปรับอากาศเพียงสิบแปดองศาเท่านั้น อุณหภูมิร้อนจากร่างกายทำให้ความเย็นไม่แตะผิวสักนิด ผมยาวสลวยเปียกชื้นเหงื่อจนน่ารำคาญ แต่หล่อนไม่มีเวลามาสนใจเพราะกำลังสุขสมทางอารมณ์กับชายตรงหน้า
ลืมสถานะที่แท้จริงเพราะความรู้สึกทางกายถูกนำพา ไม่อาจเอ่ยปากห้ามได้อีกแล้วเพราะความเป็นชายเข้ามาในกายสาวกว่าครึ่ง!
“เจ็บ หยุดก่อนได้ไหมคะ” ร้องเสียงหลงแล้วพยายามห้ามเขา คุณหมอที่เข้าใจเป็นอย่างดีก็ทำตามคำร้องของภรรยา หยุดไว้ชั่วครู่แล้วพอเห็นว่าสามารถเข้าไปได้แล้วจึงเชื่อมกายประสานเป็นหนึ่ง
มือหนาจับขาเรียวให้แยกกว้างเพื่อจะได้เข้าไปลึกกว่าเดิม คนตัวเล็กร้องเสียงหลงเมื่อชายหนุ่มเริ่มเคลื่อนกาย เขาจับเอวเธอไว้ยามโยกขณะที่ดวงตาก็มองทรวงอกสั่นกระเพื่อมตามแรง อดใจไม่ไหวยื่นมือไปบีบเคล้นและขยี้ปลายยอด
ปลดปล่อยเสียงครางไม่สนใจว่าข้างห้องจะได้ยินหรือเปล่า ภาพตรงหน้าสวยจนเตชน์ไม่อาจละสายตาจากหล่อนได้ ทุกสัดส่วนช่างงดงามเสียเหลือเกิน อดใจไม่ไหวโน้มลงไปจุมพิตรีมฝีปากจิ้มลิ้มค่อยผละออกเพื่อมองหล่อนให้เต็มตา
หญิงสาวเอื้อมมือจับแขนเขาพร้อมจิกเอาไว้จนขึ้นรอยเล็บ เสียงกระทบของเนื้อดังเท่าไหร่เธอก็จวนเจียนจะขาดใจมากเท่านั้น ต้องการให้เขาสัมผัสมากกว่านี้ ก่อนที่คุณหมอจะคว้าภรรยาให้ลุกขึ้นนั่งตักโดยร่างกายยังคงเชื่อมกันอยู่
แขนเรียวโอบกอดคอเขาไว้แน่น แนบชิดทุกสัดส่วนของร่างกายแทบไม่มีอากาศไหลผ่าน
“คุณเตชน์ ไม่ไหว ฉันไม่ไหวแล้ว” ส่ายหน้าจนผมกระจัดกระจาย ชายหนุ่มยกยิ้มแล้วผละออกเล็กน้อย โน้มลงมาหยอกล้อกับยอดบัวสีหวาน แล้วค่อยฝากรอยสีกุหลาบเอาไว้ที่เนินอกสามสี่รอย ถึงรู้ว่าไม่ควรทำแต่เขาก็ไม่อาจห้ามใจไว้ได้
“อือ หวาน คุณหวานไปทั้งตัวเลยรู้ไหม” ชื่อนั้นไม่ใช่เธอ...
ขณะที่กำลังจะฟื้นคืนสติชายหนุ่มก็พาหล่อนถึงฝั่งฝันเสียก่อน น้ำรักไหลเปรอะเปื้อนจากความต้องการทั้งหมดต่อหญิงใต้ร่าง หล่อนหายใจถี่อย่างอ่อนแรงพลางซบลงที่บ่ากว้างโดยไม่พูดอะไร
“ผมหลงรักคุณเข้าแล้ว น้ำหวาน” ไม่รู้ว่าควรดีใจไหมกับคำสารภาพรักจากชายที่ไม่ใช่คนของเธอ ดวงตากลมมองเขาแล้วยิ้มออกมาเล็กน้อย
ช่องทางยังคงเชื่อมกันไม่คลาย ก่อนที่มือเล็กจะเอื้อมมาแตะใบหน้าคมของชายผู้เป็นดั่งรักแรก และยังเป็นสิ่งต้องห้ามอีกต่างหาก...
‘ฉันขอโทษ’ ได้แต่พูดในใจไม่กล้าเอ่ยออกไป
และสิ่งที่เลือกทำคือการปิดริมฝีปากของชายหนุ่มด้วยจุมพิตที่ร้าวระทมจากคนรู้สึกผิด รักครั้งแรกก็กลายเป็นรักต้องห้าม
ถ้าวันหนึ่งความจริงทั้งหมดถูกเปิดเผย เขาจะโกรธเธอไหม