บทที่๓...ถักใยทอรัก (๑)
บทที่๓...ถักใยทอรัก
“คุณแม่ทำอะไรคะ” วันหยุดที่คุณผู้ชายทั้งสองของบ้านวาดณรงค์ไม่ได้หยุด ยังคงออกไปทำงานเหมือนทุกวันยกเว้นก็แต่ชลธรที่ว่าง แต่ถึงเธอในสถานะของชลชินีก็ว่างอยู่ดี เพราะพี่สาวหยุดวันอาทิตย์ไม่มีตรวจคนไข้
ยิ่งช่วงนี้กำลังเรียนต่อเฉพาะทางด้านผิวหนังก็มีเวลาว่างเพื่อทำวิจัยส่งอาจารย์ ทว่าดูเหมือนทุกอย่างจะเสร็จสิ้นแล้ว โดยที่บิดาอย่างคุณอนุวัตไม่รู้เรื่องว่าบุตรสาวคนโตเรียนจบและบินไปต่างประเทศเป็นที่เรียบร้อย
“แม่กำลังจัดดอกไม้จ้ะ หนูหวานมาทำด้วยกันไหม สนุกดีนะ” งานบ้านงานเรือนหล่อนถนัดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ไม่เคยจัดดอกไม้สักครั้งเพราะคุณชลธิดาบอกว่ามันไร้สาระ เอาเวลาไปประจบเอาใจพ่อดีกว่า
ร่างบางเดินมาที่ห้องนั่งเล่นติดกับสวนดอกไม้ ที่บ้านหลังงามมีไม้ดอกไม้ประดับมากมายตามความชอบของคุณผู้หญิง อดีตคุณพินมาดา วาดณรงค์เคยเป็นนางพยาบาล แต่หลังจากแต่งงานมีลูกก็ลาออกเพื่อมาดูแลบุตรเพียงคนเดียว
โดยผ่านความเห็นชอบจากสามี หล่อนจึงมีเวลาว่างทำหลายอย่าง ตอนนี้ก็สนใจในเรื่องการจัดดอกไม้ เดือนก่อนเพิ่งไปเรียนทำเทียนหอม มีความคิดจะนำไปขายเพื่อสนับสนุนเงินเข้ากองทุนช่วยเหลือผู้ยากไร้
อีกไม่นานสามีและคุณอนุวัตมีแผนจะสร้างโรงพยาบาลผู้สูงอายุ เธอเองคงได้ทำของประดับตกแต่งและช่วยเหลือในงานบ้าง
“จัดยังไงคะ ตา..เอ่อ หวานไม่เคยทำเลย” เกือบเผลอเรียกชื่อตัวเอง จนต้องเปลี่ยนสรรพนามอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยวแม่สอน” นั่งลงข้างท่านแล้วมองดูด้วยใจจดจ่อ
“เราจะจัดดอกไม้ตกแต่งบ้านก็ไม่ต้องประณีตมาก เพียงแค่จัดให้โทนสีเข้ากันก็พอแล้ว” ท่านเลือกดอกไม้ที่โทนสีใกล้เคียงลงแจกันคริสตัลที่มองแล้วราคาไม่น้อยเหมือนขนาด
“ดอกไม้คุณแม่เอามาจากสวนหมดเลยเหรอคะ” มองดอกกุหลาบหลากสีวางเป็นระเบียบ ทั้งเบญจมาศ กล้วยไม้และพันธุ์ไม้อีกนานาชนิด
“ไม่หรอกจ้ะ ทิวลิปพ่อเขาซื้อมาให้เห็นว่าแม่ชอบ เมื่อก่อนแม่ก็เคยปลูกนะแต่มันตายก็เลยไม่กล้าปลูกอีก” เห็นความรักของท่านในแววตาจนหล่อนอดจะอมยิ้มไม่ได้ ดูเหมือนคุณผู้หญิงคุณผู้ชายของบ้านหลังนี้จะรักกันเหลือเกิน
“คุณแม่ไม่อยากลองปลูกอีกเหรอคะ เดี๋ยวครั้งนี้หวานช่วย” ท่านหันมามองหน้าลูกสะใภ้ก็พบว่ากำลังฉีกยิ้มกว้างพลางพยักหน้าเชิญชวน ท่าทีน่าเอ็นดูจนต้องหัวเราะออกมา
“คุณแม่ไม่เชื่อเหรอคะ หวานมือเย็นนะคะปลูกอะไรก็ขึ้นก็งามหมดเลย ลองดูนะคะ” ตามนิสัยของชลธรเป็นคนช่างพูดช่างจาอยู่แล้วเมื่ออยู่กับคนสนิท และคุณพินมาดาก็ทำให้หล่อนรู้สึกเช่นนั้น
หญิงสาวจึงกล้าที่จะพูดคุยและออดอ้อนราวเป็นคนในครอบครัว หลงลืมไปว่าตอนนี้อยู่ในสถานะใด
“ก็ได้จ้ะ วรรณ เดี๋ยวโทรหาร้านต้นไม้ประจำนะ แล้วบอกว่าขอดอกทิวลิปสักยี่สิบต้นให้เขาคละสีมาเลยก็ได้ ฉันจะลองปลูกกับหนูหวาน” แม่บ้านค้อมศีรษะรับคำเจ้านายค่อยเดินออกจากห้องนั่งเล่นไปโทรหาร้านประจำ
ส่วนลูกสะใภ้ก็ขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมสำหรับงานสวน ผมที่เคยปล่อยยาวก็รวบเป็นมวย ส่วนเสื้อสีขาวเปลี่ยนเป็นเสื้อยืดแขนยาวสีเข้ม เมื่อสำรวจตนเองในกระจกก็พบว่าเหมือนเด็กมัธยมปลายมากกว่าหญิงสาววัยใกล้เลขสาม
หล่อนจัดการพรวนดินกับคนสวนที่มาคอยช่วยเหลือ ชลธรชื่อนี้มีแต่ความเย็นของสายน้ำ บางคนคิดว่าชื่อผู้ชายด้วยซ้ำ เพราะมันช่างแมนเสียเหลือเกิน
ความจริงแล้วก็ไม่อยากโอ้อวดเรื่องฝีมือการปลูกต้นไม้หรอก แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่ต้นไม้ซึ่งเคยผ่านมือของเธอจะตายลง กลับมีแต่งอกงามเติบโตแผ่กิ่งก้านสาขา
หลังเสร็จจากงานชายหนุ่มก็ตรงกลับบ้าน เขาไม่เคยเถลไถลที่ไหนสักครั้ง จนบางทีมารดาต้องบอกให้ไปสังสรรค์กับเพื่อนบ้าง ไม่ใช่หมกตัวอยู่บ้านเป็นกบจำศีลแบบนี้
รถคันหรูจอดยังโรงรถของบ้านใหญ่ แล้วเดินมาทางด้านข้างซึ่งอยู่ใกล้กับบันไดขึ้นชั้นบน ทว่าเท้ากลับหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจากสวนดอกไม้ของมารดา แน่นอนว่าเขาไม่เคยย่างกรายเข้าไปสักครั้ง
“คุณหวานอย่าสาดมาสิคะ” เสียงไม่ได้ดังมาจากสวน แต่เป็นสระน้ำที่อยู่ใกล้กันต่างหาก ดวงตาคมจ้องมองบรรดาแม่บ้านที่กำลังว่ายอยู่ในสระอย่างสนุกสนาน โดยมีหัวโจกคือชลธรที่ทุกคนเข้าใจว่าเป็นชลชินีลอยคออยู่ตรงกลาง
“ไม่สาดก็ไม่สนุกสิคะ โอ๊ย นาวเล่นตอนพี่เผลออ่ะ” โวยวายพลางทำหน้าย่น แล้วสาดน้ำกลับโดยมีคุณผู้หญิงของบ้านนั่งหัวเราะกับการโต้เถียงของสามสาวที่อายุไล่เลี่ยกัน
“ช่วยไม่ได้นะคะ” มะนาวตอบกลับพลางหลบน้ำที่สาดมาจากสะใภ้คนโปรดของคุณพินมาดา
“ได้ งั้นเจอคลื่นยักษ์เลย” แล้วทั้งสามก็สาดน้ำใส่กันอย่างไม่ลดละ เล่นเอาหัวหน้าแม่บ้านอย่างป้ากุ้งลมแทบจับ ตั้งแต่ดูแลบ้านหลังนี้มาไม่เคยอนุญาตให้เหล่าแม่บ้านล่วงเกินคุณผู้หญิงคุณผู้ชายเลย
แต่มาคราวนี้ดันทำตัวสนิทสนมราวกับเป็นเพื่อนกัน เห็นแล้วอยากหยิบยาลมมาดมเหลือเกิน
เตชน์ยังไม่เผยตัวยังคงแอบมองภรรยาอยู่เงียบๆ ดวงตาอ่อนแสงลงพร้อมทั้งริมฝีปากอมยิ้มจนแม้แต่เจ้าตัวยังไม่รู้ เผลอมองรอยยิ้มหวานอย่างหลงใหล ไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็ชวนมองไปทุกสัดส่วนก่อนจะขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
‘ไหนบอกว่าเป็นประจำเดือน ทำไมเล่นน้ำได้’ แต่พอลองนับวันหล่อนคงหายเป็นแล้ว เพราะฉะนั้นการทำหน้าที่ภรรยาอย่างถูกต้องคงเริ่มได้สักที
แววตาคมพราวระยับอย่างเจ้าเล่ห์ หันหลังกลับเดินขึ้นไปบนชั้นสองเพื่อพักผ่อน พลางฮัมเพลงอย่างมีความสุขผิดวิสัยของคนนิ่งขรึมอยู่เป็นนิจ ตั้งแต่หล่อนเข้ามาในชีวิต ความมืดครึ้มก็เริ่มจางกลายเป็นสีเทาที่อีกไม่นานจะสว่างกว่าเดิม
ร่างบางสวมเสื้อผ้าตัวใหม่โดยใช้ห้องน้ำด้านล่างชำระร่างกาย ผมเปียกถูกเช็ดจนแห้ง ใบหน้าไร้เครื่องสำอางยังคงงดงามไม่เปลี่ยน อาจเพราะการดูแลที่ดีเนื่องจากเป็นคนในวงการ ต้องรักษาหน้าตาผิวพรรณเสมอ
“ว้าย คุณเตชน์มาเมื่อไหร่คะ” เข้ามาในห้องนอนพอดีกับที่เขากำลังจะออกจากห้อง ทำให้ตกใจจนร้องเสียงหลง
“เมื่อกี้” เธอพยักหน้าเข้าใจ แล้วเบี่ยงตัวหลบให้เขา แต่ดูเหมือนชายหนุ่มจะไม่ยอมออกมาจากห้อง
“ไม่ออกเหรอคะ” ถามอย่างฉงน
“ไม่” หล่อนจึงพยักหน้าเดินเข้าห้อง อาบน้ำอีกครั้งพร้อมผัดแต่งใบหน้าให้มีสีสัน ระหว่างนั้นก็ร้องเพลงไปด้วยจนคนข้างนอกได้ยินเสียงหวาน
หน้าคมที่เคยนิ่งกลับแอบอมยิ้มมีความสุข ตนเองยังไม่รู้เลยว่าเพียงแค่เธอมาอยู่บ้านหลังนี้ไม่กี่วัน เปลี่ยนความอึมครึมให้สว่างสดใสทันตา
หนังสือในมือไม่ได้รับความสนใจ เอาแต่เงี่ยหูฟังว่าคนข้างในกำลังทำอะไรอยู่ จนกระทั่งหล่อนออกมาจากห้องแต่งตัว เขาถึงได้ก้มอ่านหนังสือเกี่ยวกับการศัลยกรรมในมือ เพ่งดูตัวอักษรภาษาอังกฤษ ทำตัวให้เป็นปกติมากที่สุด
“ลงไปกินข้าวไหมคะ หรือว่ากินมาจากข้างนอกแล้ว” ใกล้จะหกโมงเย็นได้เวลาอาหารค่ำ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ เอาแต่อ่านหนังสือที่แค่เห็นเธอก็ขยาดอยู่ได้
“ยังไม่ได้กิน” ตอบเสียงเรียบแล้วปิดหนังสือ
“อ้อ ลงไปพร้อมกันเลยไหมคะ” ร่างหนาลุกยืนเต็มความสูง ค่อยตอบในลำคอเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน
“อือ” หล่อนไม่เข้าใจว่าเขาจะประหยัดคำพูดไปทำไม แต่ก็เดินตามคนตัวสูงลงไปข้างล่างเพื่อรับประทานอาหาร
วันนี้มีความสุขมากตั้งแต่ช่วยคุณพินมาดาปลูกดอกทิวลิปจนบ่ายคล้อย แล้วมาทำอาหารกินค่อยเล่นน้ำกับเหล่าแม่บ้านอย่างสนุกสนาน ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มตลอดทั้งวัน หล่อนมีความสุขยิ่งกว่าอยู่บ้านตนเองเสียอีก
รู้สึกว่าได้รับความรักจากทุกคน แต่ก็ในฐานะของชลชินี ไม่ใช่ชลธร...
ประมุขของบ้านอย่างคุณปริมัทมาร่วมโต๊ะ ทำให้หล่อนระมัดระวังคำพูดและกริยา ท่าทางท่านน่าเกรงขาม รู้แล้วว่าเตชน์ถอดแบบมาจากใคร คงได้พ่อเต็มๆ ไม่เหมือนแม่ที่อ่อนหวานอ่อนโยน
“คุณไม่จัดงานวันเกิดเหรอ” คนเป็นสามีถามย้ำกับภรรยาอีกรอบ
“เปลืองสตางค์เปล่าๆ ฉลองกันที่บ้านแค่คนในครอบครัวก็พอค่ะ ฉันขี้เกียจรับแขก แก่แล้วก็เหนื่อย” ชลธรมองท่านทั้งสองตาปริบ อยากถามแต่ก็รู้ว่าการแทรกกลางปล้องมันเสียมารยาท จึงทำเพียงเงียบแล้วนั่งฟัง
“คุณยังไม่แก่สักหน่อย สวยเหมือนเดิมนั่นแหละ” คำหวานเอ่ยมาจากใบหน้านิ่ง เล่นเอาสาวน้อยแอบอมยิ้มอย่างเขินอายแทนคนถูกเกี้ยวทั้งที่มีลูกด้วยกันหนึ่งคนแล้ว
“ปากหวานเหลือเกิน ไม่รู้จะหวานไปได้นานแค่ไหน” ส่งค้อนให้สามี อยากบอกให้หยุดพูดเพราะอายลูกสะใภ้
“คอยดูแล้วกัน” ไม่พูดเยอะ แต่เน้นการกระทำเสียมากกว่า
“วันเกิดคุณแม่วันไหนเหรอคะ” เมื่อได้โอกาสจึงถามขึ้น
“วันอาทิตย์สัปดาห์หน้าจ้ะ” เธอพยักหน้าเป็นการรับรู้ แล้วเริ่มคิดแผนการเซอร์ไพรส์ให้ท่าน อยู่ด้วยกันเพียงวันเดียวก็เกิดความรักและเคารพต่อคุณพินมาดาอย่างมาก
เตชน์ชำเลืองมองคนตัวเล็กที่ทำเหมือนกำลังขบคิดอะไรอยู่ แววตาคมอ่อนแสงโดยไม่รู้ตัว แต่คุณผู้หญิงของบ้านวาดณรงค์กลับเห็นพอดี
ดูท่าการแต่งงานครั้งนี้จะไม่ใช่เพียงแค่ธุรกิจอย่างเดียวเสียแล้ว หัวใจที่เคยแข็งดั่งหินผาของลูกชาย กำลังพังทลายลงด้วยฝีมือของหญิงสาวตรงหน้า..
หลังรับประทานอาหารเสร็จพวกเธอก็ขึ้นบนบ้าน ต่างแยกไปทำกิจกรรมอย่างร่างสูงก็อ่านหนังสือ ส่วนชลธรพิมพ์ข้อความไปหาเพื่อนสนิทที่อยู่ต่างประเทศ เห็นว่าตอนนี้ยังคงถ่ายทำละครทั้งวันทั้งคืน เพราะเนื้อเรื่องส่วนมากอยู่ต่างประเทศ
กำลังจะเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟังก็ชะงักมือ รีบลบข้อความไม่อยากให้เพื่อนคิดมาก แล้วเปลี่ยนเป็นคุยกับนิรชาเกี่ยวกับเรื่องร้านขนม
“คุณเตชน์คะ เราจัดงานวันเกิดให้คุณแม่ดีไหม” เงยหน้าจากโทรศัพท์แล้วถามชายหนุ่มที่นั่งอ่านหนังสืออยู่โซฟาปลายเตียง
“เดี๋ยวฉันจะทำเค้กวันเกิดให้คุณแม่เอง คุณอยากทำด้วยไหม” คนตัวสูงนิ่งคิดสักครู่ แล้วค่อยพยักหน้าตกลง พลันรอยยิ้มกว้างก็เปล่งประกายจนคนมองตาแทบพร่า ลมหายใจสะดุดก่อนที่จะลุกจากโซฟาเพื่อไปอุ้มร่างบางมาวางไว้บนเตียงอย่างไม่ทันตั้งตัว