บท
ตั้งค่า

บทที่๒...ใกล้ชิดสนิทสนม (๑)

บทที่๒...ใกล้ชิดสนิทสนม

ชลธรตื่นแต่เช้าเพื่อนำชุดแต่งงานไปคืนทางร้าน โดยยังใช้ชื่อของชลชินีตามความประสงค์ของมารดา ขึ้นมาบนรถยนต์แล้วกดโทรศัพท์หาพี่สาวอีกครั้งหลังจากเมื่อวานแทบไม่ได้โทรหาเพราะยุ่งกับงานแต่งที่ต้องสวมรอย

แถมเมื่อคืนกว่าจะนอนหลับก็เกือบรุ่งสาง ระแวงคนข้างกายจะลุกมาทำมิดีมิร้ายอีก ซึ่งมันก็เป็นเรื่องปกติของคนแต่งงาน แต่เธอไม่ใช่ภรรยาตัวจริงของเขาสักหน่อย จากนี้คงต้องระวังตัวเวลาอยู่กับเตชน์ให้ดีเสียแล้ว

ผู้ชายหน้านิ่งที่ไม่คิดว่าจะหื่น กลับกลายเป็นคนขึ้นคร่อมหล่อนแถมยังปล้ำจูบไม่ทันให้ตั้งตัวอีก แค่คิดก็รีบส่ายหน้ากับเรื่องที่เกิด

ทว่าลึกในใจเหตุใดจึงได้รู้สึกหวานหวิวกับสัมผัสเพียงชั่วครู่ ใจหนึ่งก็กลัวแต่อีกใจกลับอยากลิ้มลอง เกิดมายี่สิบแปดปีแทบไม่เคยมีประสบการณ์ด้านเซ็กส์เลยสักครั้ง อย่างมากก็จูบแบบแตะปากในละครที่รับเล่น

ผู้ชายกี่คนเข้ามาก็โดนมารดากันออกเสียหมด ท่านบอกว่าไม่คู่ควรเพราะจนเกินไป คุณชลธิดาวัดคนที่ฐานะทางบ้าน และค่อนข้างเข้มงวดเรื่องแฟนกับเธอ

ต่างจากพี่สาวที่แม่ค่อนข้างตามใจ จะคบใครก็ได้ไม่ห้ามสักนิด แต่ชลชินีมุ่งมั่นเรียนจนไม่สนใจชายที่เข้ามาตอแย และยังหวงความโสดไม่อยากแบ่งปันเวลาในชีวิตให้กับใคร

สองพี่น้องจึงครองโสดมานานขนาดนี้

“พี่หวาน ตอนนี้พี่อยู่ไหน” รอไม่นานปลายสายก็รับ หล่อนรีบถามเสียงร้อนรนกลัวว่าอีกฝ่ายจะตัดสายเสียก่อน

“ถามทำไม จะบินมาหาเหรอ” ไม่ยอมบอกและเฉไฉไปเรื่องอื่น ทว่าชลธรที่ร้อนใจก็รีบขอร้องพี่สาวฝาแฝดที่อายุเท่ากัน แต่อีกฝ่ายทำราวห่างกันสิบกว่าปี ตั้งตนเป็นพี่โดยมีมารดาคอยให้ท้าย

“พี่กลับมาได้ไหม ตาลไม่อยากปลอมเป็นพี่แล้วอยู่กับมนุษย์หินหรอกนะ” แค่คืนเดียวหล่อนก็จะตายเสียให้ได้ หากอยู่นานกว่านี้ได้มีปัญหาตามมาแน่

และเหตุผลสำคัญคือเธอไม่อยากอยู่กับหมอเตชน์ที่สถานะเป็นพี่เขย แต่ต้องมาอยู่ร่วมกันฉันสามีภรรยาเพราะตนอยู่ในชื่อของชลชินี

“รออีกสองเดือนแล้วกัน” อ้าปากค้างกับระยะเวลา มันดูเหมือนไม่นานแต่ในความรู้สึกของคนที่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้มันเหมือนสองร้อยปีด้วยซ้ำ

ใบหน้าหวานส่ายไปมาราวกับว่าพี่สาวอยู่ตรงหน้า น้ำตาคลอเบ้าปริ่มจะไหลเปื้อนใบหน้า อยากชักดิ้นชักงอเหมือนเด็กแต่ก็ทำไม่ได้

“มันนานเกินไป พี่กลับมาเลยไม่ได้เลยเหรอ คนที่แต่งงานเป็นพี่นะทำไมตาลต้องมาทำหน้าที่แทนพี่ด้วย” ถอนหายใจเสียงดังให้ปลายสายได้ยิน ไม่เคยมีความยุติธรรมในครอบครัวเลย คนที่ต้องถูกโขกสับก็ยังเป็นเธอวันยังค่ำ

“เอาน่า ระหว่างนี้ทำให้เขาเกลียดจนอยากหย่าสิ เดี๋ยวฉันกลับไปหย่าให้เอง” ทุกอย่างมันดูเหมือนง่ายดายสำหรับชลชินีไปเสียหมด

ไม่น่าล่ะ ทำไมก่อนแต่งงานแฝดพี่ถึงได้หามรุ่งหามค่ำทำงาน ที่แท้ก็เพราะต้องการหนีงานแต่งครั้งนี้ และรู้ดีว่ามารดาคงไม่ป่าวประกาศให้คุณอนุวัตทราบอย่างแน่เรื่องลูกสาวสุดที่รักได้บินไปต่างประเทศเรียบร้อยแล้ว

ทางแก้ไขคงเป็นการให้คนหน้าเหมือนมาสวมรอย แผนการมันถูกวางไว้ตั้งแต่ต้น และคนรับกรรมคือหล่อน

“พี่ก็พูดง่ายสิ พี่ไม่ได้ลงแรงทำนิ” ตัดพ้อด้วยความน้อยใจ

“อย่าขี้งอนไปหน่อยเลยตาล การบ้านเมื่อก่อนใครช่วยเธอทำ เวลาโดนแม่ดุใครช่วยหาข้ออ้างให้ แค่นี้เองทำให้พี่ไม่ได้เหรอ” ทวงบุญคุณจนน้องสาวต้องถอนหายใจ เหตุผลเหล่านี้โดนยกมาหลายรอบจนคร้านจะเถียง

“สองเดือนใช่ไหม แค่สองเดือนนะ” ย้ำเพื่อให้แน่ใจ อย่างน้อยก็ยังมีระยะเวลาในการอยู่ในชื่อชลชินี

เธอไม่อยากโกหกครอบครัววาดณรงค์ กลัวว่าถ้าวันหนึ่งความจริงเปิดเผยตนจะกลายเป็นคนร้ายในสายตาของพวกท่าน

“อือ ไม่โกหกหรอกน่า ฉันมาสัมมนาแล้วก็เรียนคอร์สพิเศษ เดี๋ยวเสร็จก็กลับไปแล้ว แต่เธอต้องทำให้เขาหย่ากับฉันนะ ทำยังไงก็ได้ขอแค่ใบหย่า” เค้นยิ้มกับคำสั่งจากปากของชลชินี นิสัยอยากได้อะไรต้องได้ไม่เคยเปลี่ยน และครั้งนี้มันกระทบมาถึงหล่อน

“จะพยายาม” แบ่งรับแบ่งสู้ เพราะไม่รู้ว่าจะทำได้หรือเปล่า มันไม่ใช่เรื่องของเธอซักหน่อยทำไมต้องยอมทำตามด้วย

“เก่งมากน้องรัก ไว้เจอกันจ้ะ โชคดีนะ” สายถูกตัดไปแล้วก่อนที่ร่างบางจะเอนตัวพิงเบาะรถยนต์ เหม่อมองทางข้างหน้าอย่างล่องลอย

เรื่องราวทุกอย่างเกิดขึ้นปุบปับจนไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร เพื่อนชายคนสนิทก็บินไปถ่ายละครที่ต่างประเทศ ส่วนเพื่อนสาวอีกคนก็ยุ่งกับธุรกิจของครอบครัว

นิรชา วรรณพิมล เพื่อนที่เปิดร้านขนมด้วยกัน เป็นหุ้นส่วนคนสำคัญที่เธอแบ่งรายได้ให้ทุกเดือนแต่ไม่ค่อยได้มาตรวจตราร้านเท่าไหร่ เพราะเพียงแค่ธุรกิจรีสอร์ทของครอบครัวอีกฝ่ายก็งานหนักอยู่แล้ว

การเปิดร้านขนมไม่ใช่เรื่องเล็ก ต้องใช้เงินทุนค่อนข้างมาก นิรชาจึงเห็นใจหล่อนและนำเงินมาลงทุนด้วย ซาบซึ้งน้ำใจของเพื่อนและให้คำมั่นสัญญาจะดูแลร้านอย่างดี ให้ผลกำไรงอกเงยเพื่อเป็นการตอบแทน

“เอาไงต่อดีล่ะคราวนี้” คิดไม่ตกกับเรื่องที่เผชิญ

ช่วงนี้ไม่ค่อยมีละครเพราะเธออยากพุ่งความสนใจไปดูแลเรื่องร้านมากกว่า ทำให้บริษัทที่สังกัดปฏิเสธงานที่เข้ามาให้

ชลธรเคลื่อนตัวออกจากหน้าร้านเวดดิ้ง ขับไปยังร้านขนมของตนที่มีนักเรียนนักศึกษาและคนวัยทำงานเข้ามาซื้อขนมพร้อมเครื่องดื่มไปรับประทาน

ร้านไม่ได้ใหญ่โตมากนัก มีที่นั่งเพียงสามสี่โต๊ะ ส่วนมากเน้นให้ลูกค้าซื้อไปรับประทานเองมากกว่า ที่ตั้งอยู่ใจกลางแหล่งรวมตัวของคนเมืองหลวง เน้นโทนสีรุ้งตามชื่อร้าน ‘เรนโบว์’

“พี่ตาลสวัสดีค่ะ” พนักงานสองคนที่จ้างมาคอยดูแลร้านยกมือไหว้ ร้านเปิดแปดโมงตรงและปิดหกโมงเย็น มีบริการส่งดิลิเวอรี่เพื่อเพิ่มช่องทางการขาย ก็ได้รับกระแสตอบกลับที่ดีพอสมควร

ใบหน้าหวานยิ้มให้ก่อนจะเดินเข้าครัวแล้วแขวนกระเป๋าไว้ข้างฝาผนัง สวมผ้ากันเปื้อนเดินไปล้างมือให้สะอาด ความเครียดจะคลายลงเมื่อได้เริ่มทำขนม กลิ่นหอมของแป้งสร้างความสุนทรีจนริมฝีปากแต้มรอยยิ้มกว้าง

ทั้งวันหมดไปกับการทำขนมสดใหม่ให้ลูกค้า และมันก็ขายดีจนหมดเกลี้ยงทุกวัน หลายคนที่มาช้าก็อดบ่นอย่างเสียดายไม่ได้

กลายเป็นร้านชื่อดังไปแล้ว โดยชลธรไม่เคยป่าวประกาศให้ใครรู้ว่าตนเป็นเจ้าของ บอกเพียงเป็นร้านของนิรชาเท่านั้น ทำให้มารดาค่อนขอดตลอดเวลาว่าไปเป็นลูกจ้างของเพื่อน แต่เธอไม่เห็นมันจะผิดตรงไหนเลย

เป็นท่านเองมากกว่าที่อคติ

“สวัสดีค่ะ” วันนี้ปิดร้านเร็วกว่าปกติเพราะขนมขายหมดตั้งแต่สี่โมงเย็น พนักงานกำลังเก็บกวาดขณะที่หล่อนเข้ามาล้างมือในห้องน้ำ

“เย็นนี้จะไปรับ” เสียงแข็งที่ส่งผ่านสายทำให้ต้องรีบยกโทรศัพท์ออกจากหูเพื่อดูเบอร์ที่โทรเข้า แต่เป็นหมายเลขไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย

“เอ่อ คุณเตชน์เหรอคะ” ถามเพื่อความแน่ใจ น้ำเสียงแบบนี้คงไม่มีใครเหมือน และก็ไม่เหมือนใครด้วย

“อือ ฉันจะไปรับเธอที่โรงพยาบาลตอนหกโมง” ดวงตากลมเบิกกว้าง รีบสะพายกระเป๋าแล้วออกจากร้านอย่างรวดเร็ว ทำเอาพนักงานเอ่ยลาแทบไม่ทัน

“ค่ะ ได้ค่ะ” วางสายพร้อมกับขับออกจากหน้าร้านอย่างตื่นเต้น จากที่นี่ไปโรงพยาบาลเอกชนซึ่งเป็นสถานที่ทำงานของชลชินีใช้เวลาไม่น้อย อย่างต่ำก็หนึ่งชั่วโมง ยังไม่รวมเวลารถติดอีก

แต่ดีที่ตอนนี้รถไม่ติดเท่าไหร่ เธอจึงขับไปยังสถานที่ปลายทางโดยมาถึงก่อนเวลานัดหมายมากพอสมควร

ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ค่อยเข้ามานั่งรอในส่วนกลางของทางโรงพยาบาล มีคนไข้เดินผ่านไปมาแต่ไม่เยอะเท่าไหร่

“ขอโทษนะคะ” เดินตรงไปยังแผนกประชาสัมพันธ์ ส่งยิ้มก่อนเพื่อให้การพูดคุยเป็นไปด้วยดี

“อ้าวหมอหวาน มีอะไรหรือเปล่าคะ” ทักทายอย่างคุ้นเคย แสดงว่าเธอกับพี่สาวคงเหมือนกันมากจนแยกไม่ออก ซึ่งก็ดีแล้ว

“ถ้าผู้ชายคนนี้เข้ามาในโรงพยาบาล ช่วยโทรบอกที่เบอร์นี้ได้ไหมคะ” ยื่นรูปของหมอเตชน์ให้อีกฝ่ายดู ซึ่งประชาสัมพันธ์สาวก็ทำตาโตพลางฉีกยิ้มกว้าง

“ได้ค่ะ แต่เอ๊ะ หมอหวานไปสัมมนาไม่ใช่เหรอคะ” เพิ่งคิดออกหลังคุยไปได้สักพัก คนถูกจับได้ก็ยิ้มแหยะแล้วอธิบายถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นพอคร่าวๆ

“ค่ะ ฉันเป็นน้องของพี่หวาน หลังแต่งงานพี่หวานก็บินไปสัมมนาเลยฝากให้ฉันมาบอกน่ะค่ะ ยังไงรบกวนด้วยนะคะ” ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจแต่ก็ยอมทำตาม ใครเล่าจะไม่รู้จักหมอเตชน์ที่เก่งในเรื่องศัลยกรรมความงาม

เปลี่ยนใบหน้าผู้หญิงมากี่คนแล้ว จากหน้าตาธรรมดาเป็นสวยสดงดงาม มากฝีมือทั้งที่อายุยังน้อย เสียดายที่รีบแต่งงาน น่าจะอยู่เป็นโสดให้นานกว่านี้หน่อย

“ขอตัวก่อนนะคะ” ก้าวเท้าออกจากโรงพยาบาลทันทีเมื่อเห็นชายหนุ่มที่คุ้นเคยเดินเข้ามา ชลธรฉีกยิ้มกว้างให้แก่สามีผู้หน้านิ่ง ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรเขาก็เดินนำไปยังรถยนต์ที่จอดอยู่ไม่ไกล

หล่อนทำเพียงเดินตามไม่มีปากเสียงหรือโต้แย้ง มองแผ่นหลังกว้างที่ยืดตรงอย่างองอาจ สวรรค์คงมอบความรักให้ร่างสูงมากเกินไป จึงได้สมบูรณ์แบบทั้งรูปร่างหน้าตาและฐานะ แถมยังได้รับความรักจากครอบครัว คนรอบข้างอีก

คนอะไรจะเพอร์เฟคขนาดนี้

“แล้วทำไมถึงเลิกกับแฟน” พึมพำอยู่คนเดียว นึกถึงเรื่องที่เคยเจอเตชน์ทะเลาะกับแฟนสาว หน้าตาขึงขังเต็มไปด้วยความโกรธ แสดงออกทางภาษากายทั้งเดินหนีและไม่ยอมให้เข้าใกล้

ตอนนั้นเธอก็ไม่อยากยุ่งเรื่องชาวบ้านหรอก แต่ดันมาทะเลาะกันตรงล็อบบี้โรงแรมเนี่ยสิ ถึงจะไม่มองแต่ก็เห็นผ่านตาแว้บๆ

ฝ่ายหญิงงอนง้อ ส่วนฝ่ายชายเดินหนี เป็นแฟนประสาอะไรไม่รับฟังบ้างซะเลย

“เราจะไปไหนกันคะ” ขึ้นมาบนรถแล้วรัดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยจึงหันมาถาม ริมฝีปากของเขาขยับเล็กน้อยพอให้ได้ยิน

“ร้านอาหาร” พยักหน้ารับรู้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel